โดยผู้จัดการ เมื่อ 22 ม.ค.2558
ASTVผู้จัดการ – ก.ตร. มีมติรับ ร.ต.อ.ปรากรม วารุณประภา อดีตรองสารวัตร ที่เคยโดนข้อหาไล่ออกจากราชการฐานกระทำผิดวินัยร้ายแรงกลับเข้ารับราชการเข้าสังกัด ปอท. เพื่อจัดการเว็บไซต์หมิ่นฯ หลังพิจารณาแล้วไม่ได้ทำผิดจริง - อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทั้งผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทินแล้ว ชี้เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบ ป.โท โดยตรงด้านเทคโนโลยี ยันยังไม่พิจารณาหาคนแทน พล.ต.ท.พงศพัศ ในตำแหน่ง ผบช.ก.
วันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เหลือเพียง นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการ ก.พ. ที่ติดภารกิจอื่นไม่ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้รับ ร.ต.อ.ปรากรม วารุณประภา อดีตรองสารวัตร กองกำกับการ 4 ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการฐานกระทำความผิดวินัยร้ายแรง เมื่อปี พ.ศ. 2541 กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งสารวัตร สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. หลังพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน แสดงว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ประกอบกับทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความรู้ความสามารถและจบการศึกษาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ฯ จึงพิจารณาเพิ่มยศ และให้สังกัด ปอท. เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ส่วนกระแสข่าวว่า มี ก.ตร. บางท่านไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ ทั้งนี้ สำหรับการพิจารณาให้กลับเข้ารับราชการของตำรวจที่ผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน หรือพ้นจากการกระทำความผิด จะใช้พิจารณากับข้าราชการตำรวจทุกนาย แต่กระนั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา ตามกฎของ ก.ตร. เช่นเดียวกันนี้ ซึ่งในอดีตมีหลายรายยื่นเรื่องเข้ามา ให้ ก.ตร. ใช้ดุลพินิจ โดยลงมติด้วยวิธีลับ ไม่มีการแทรกแซง
“พิจารณาแล้วเห็นว่า ร.ต.อ.ปรากรม ไม่ได้กระทำความผิดจริง อีกทั้งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความผิดติดตัว และผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทิน แล้ว ประกอบกับเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทด้านเทคโนโลยี ซึ่งน่าจะสามารถช่วยงานแก้ปัญหาเว็บไซต์หมิ่น และเว็บไซต์ผิดกฎหมายอื่นๆ ได้ จึงเสนอ ก.ตร. ให้รับกลับเข้าราชการอีกครั้ง โดยที่ประชุม ก.ตร. มติเอกฉันท์ ส่วนสาเหตุได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าไม่ได้มีความผิดจริงตามถูกกล่าวหา เมื่อกลับเข้ามาจึงต้องให้สิทธิที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบเสียสิทธิไป” ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในที่ประชุม ก.ตร. ยังไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งผู้มารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) แต่อย่างใด ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองสารวัตร - ชั้นประทวน ได้มอบหมายให้สำนักงานกำลังพล เตรียมความพร้อมไว้แล้ว แม้ยังไม่มี ผบช.ก. ก็ไม่กระทบกับการแต่งตั้งโยกย้าย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ ว่า รัฐบาลยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้เป็นหน้าที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไปรวบรวมความคิดเห็น ซึ่งจะมีการเปิดเวทีระดมความเห็นของทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ และภาคประชาชน เพื่อให้ได้รับความเห็นที่รอบด้าน เช่นเดียวกับการปฏิรูปทุกๆ ด้านที่ สปช. ทำอยู่ รัฐบาลไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นอย่างไร ไม่ต้องการถูกครหาว่าเข้าไปชี้นำแทรกแซง โดยต้องยอมรับว่าการปฏิรูปตำรวจจะต้องใช้เวลานาน และอาจไม่เสร็จสิ้นภายในรัฐบาลนี้ แต่หากเป็นการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อาจมีความเป็นไปได้ในการปรับภายใน 1 ปี อย่างไรก็ตาม ในการปฏิรูปพัฒนาตำรวจต้องพิจารณาในด้านกำลังพลว่าเพียงพอเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงการให้งบประมาณที่สอดคล้อง อย่างไรก็ตาม ตำรวจเป็นองค์กรใหญ่ มีทั้งคนดีและไม่ดี การมีคนไม่ดีเพียงไม่กี่คนจะเหมารวมว่าคนทั้งองค์กรนี้ไม่ดีคงไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การปฏิรูปตำรวจตนชี้แนะอะไรมากไม่ได้ เพราะเพิ่งเข้ามาสัมผัสตำรวจไม่กี่เดือนเท่านั้น
Read more ...
ASTVผู้จัดการ – ก.ตร. มีมติรับ ร.ต.อ.ปรากรม วารุณประภา อดีตรองสารวัตร ที่เคยโดนข้อหาไล่ออกจากราชการฐานกระทำผิดวินัยร้ายแรงกลับเข้ารับราชการเข้าสังกัด ปอท. เพื่อจัดการเว็บไซต์หมิ่นฯ หลังพิจารณาแล้วไม่ได้ทำผิดจริง - อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทั้งผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทินแล้ว ชี้เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบ ป.โท โดยตรงด้านเทคโนโลยี ยันยังไม่พิจารณาหาคนแทน พล.ต.ท.พงศพัศ ในตำแหน่ง ผบช.ก.
วันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เหลือเพียง นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการ ก.พ. ที่ติดภารกิจอื่นไม่ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้รับ ร.ต.อ.ปรากรม วารุณประภา อดีตรองสารวัตร กองกำกับการ 4 ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการฐานกระทำความผิดวินัยร้ายแรง เมื่อปี พ.ศ. 2541 กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งสารวัตร สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. หลังพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน แสดงว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ประกอบกับทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความรู้ความสามารถและจบการศึกษาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ฯ จึงพิจารณาเพิ่มยศ และให้สังกัด ปอท. เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ส่วนกระแสข่าวว่า มี ก.ตร. บางท่านไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ ทั้งนี้ สำหรับการพิจารณาให้กลับเข้ารับราชการของตำรวจที่ผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน หรือพ้นจากการกระทำความผิด จะใช้พิจารณากับข้าราชการตำรวจทุกนาย แต่กระนั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา ตามกฎของ ก.ตร. เช่นเดียวกันนี้ ซึ่งในอดีตมีหลายรายยื่นเรื่องเข้ามา ให้ ก.ตร. ใช้ดุลพินิจ โดยลงมติด้วยวิธีลับ ไม่มีการแทรกแซง
“พิจารณาแล้วเห็นว่า ร.ต.อ.ปรากรม ไม่ได้กระทำความผิดจริง อีกทั้งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความผิดติดตัว และผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทิน แล้ว ประกอบกับเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทด้านเทคโนโลยี ซึ่งน่าจะสามารถช่วยงานแก้ปัญหาเว็บไซต์หมิ่น และเว็บไซต์ผิดกฎหมายอื่นๆ ได้ จึงเสนอ ก.ตร. ให้รับกลับเข้าราชการอีกครั้ง โดยที่ประชุม ก.ตร. มติเอกฉันท์ ส่วนสาเหตุได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าไม่ได้มีความผิดจริงตามถูกกล่าวหา เมื่อกลับเข้ามาจึงต้องให้สิทธิที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบเสียสิทธิไป” ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในที่ประชุม ก.ตร. ยังไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งผู้มารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) แต่อย่างใด ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองสารวัตร - ชั้นประทวน ได้มอบหมายให้สำนักงานกำลังพล เตรียมความพร้อมไว้แล้ว แม้ยังไม่มี ผบช.ก. ก็ไม่กระทบกับการแต่งตั้งโยกย้าย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ ว่า รัฐบาลยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้เป็นหน้าที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไปรวบรวมความคิดเห็น ซึ่งจะมีการเปิดเวทีระดมความเห็นของทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ และภาคประชาชน เพื่อให้ได้รับความเห็นที่รอบด้าน เช่นเดียวกับการปฏิรูปทุกๆ ด้านที่ สปช. ทำอยู่ รัฐบาลไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นอย่างไร ไม่ต้องการถูกครหาว่าเข้าไปชี้นำแทรกแซง โดยต้องยอมรับว่าการปฏิรูปตำรวจจะต้องใช้เวลานาน และอาจไม่เสร็จสิ้นภายในรัฐบาลนี้ แต่หากเป็นการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อาจมีความเป็นไปได้ในการปรับภายใน 1 ปี อย่างไรก็ตาม ในการปฏิรูปพัฒนาตำรวจต้องพิจารณาในด้านกำลังพลว่าเพียงพอเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงการให้งบประมาณที่สอดคล้อง อย่างไรก็ตาม ตำรวจเป็นองค์กรใหญ่ มีทั้งคนดีและไม่ดี การมีคนไม่ดีเพียงไม่กี่คนจะเหมารวมว่าคนทั้งองค์กรนี้ไม่ดีคงไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การปฏิรูปตำรวจตนชี้แนะอะไรมากไม่ได้ เพราะเพิ่งเข้ามาสัมผัสตำรวจไม่กี่เดือนเท่านั้น