มติ ก.ตร.รับ “ร.ต.อ.ปรากรม” กลับเข้ารับราชการตำแหน่ง สว.ปอท. - ยังไม่พิจารณาแต่งตั้ง ผบช.ก.รอเวลาเหมาะสม

23/1/58
โดยผู้จัดการ เมื่อ 22 ม.ค.2558

ASTVผู้จัดการ – ก.ตร. มีมติรับ ร.ต.อ.ปรากรม วารุณประภา อดีตรองสารวัตร ที่เคยโดนข้อหาไล่ออกจากราชการฐานกระทำผิดวินัยร้ายแรงกลับเข้ารับราชการเข้าสังกัด ปอท. เพื่อจัดการเว็บไซต์หมิ่นฯ หลังพิจารณาแล้วไม่ได้ทำผิดจริง - อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทั้งผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทินแล้ว ชี้เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบ ป.โท โดยตรงด้านเทคโนโลยี ยันยังไม่พิจารณาหาคนแทน พล.ต.ท.พงศพัศ ในตำแหน่ง ผบช.ก.

วันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เหลือเพียง นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการ ก.พ. ที่ติดภารกิจอื่นไม่ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้รับ ร.ต.อ.ปรากรม วารุณประภา อดีตรองสารวัตร กองกำกับการ 4 ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการฐานกระทำความผิดวินัยร้ายแรง เมื่อปี พ.ศ. 2541 กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งสารวัตร สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. หลังพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน แสดงว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ประกอบกับทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความรู้ความสามารถและจบการศึกษาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ฯ จึงพิจารณาเพิ่มยศ และให้สังกัด ปอท. เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ส่วนกระแสข่าวว่า มี ก.ตร. บางท่านไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ ทั้งนี้ สำหรับการพิจารณาให้กลับเข้ารับราชการของตำรวจที่ผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน หรือพ้นจากการกระทำความผิด จะใช้พิจารณากับข้าราชการตำรวจทุกนาย แต่กระนั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา ตามกฎของ ก.ตร. เช่นเดียวกันนี้ ซึ่งในอดีตมีหลายรายยื่นเรื่องเข้ามา ให้ ก.ตร. ใช้ดุลพินิจ โดยลงมติด้วยวิธีลับ ไม่มีการแทรกแซง

“พิจารณาแล้วเห็นว่า ร.ต.อ.ปรากรม ไม่ได้กระทำความผิดจริง อีกทั้งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความผิดติดตัว และผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทิน แล้ว ประกอบกับเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทด้านเทคโนโลยี ซึ่งน่าจะสามารถช่วยงานแก้ปัญหาเว็บไซต์หมิ่น และเว็บไซต์ผิดกฎหมายอื่นๆ ได้ จึงเสนอ ก.ตร. ให้รับกลับเข้าราชการอีกครั้ง โดยที่ประชุม ก.ตร. มติเอกฉันท์ ส่วนสาเหตุได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าไม่ได้มีความผิดจริงตามถูกกล่าวหา เมื่อกลับเข้ามาจึงต้องให้สิทธิที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบเสียสิทธิไป” ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในที่ประชุม ก.ตร. ยังไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งผู้มารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) แต่อย่างใด ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองสารวัตร - ชั้นประทวน ได้มอบหมายให้สำนักงานกำลังพล เตรียมความพร้อมไว้แล้ว แม้ยังไม่มี ผบช.ก. ก็ไม่กระทบกับการแต่งตั้งโยกย้าย

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ ว่า รัฐบาลยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้เป็นหน้าที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไปรวบรวมความคิดเห็น ซึ่งจะมีการเปิดเวทีระดมความเห็นของทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ และภาคประชาชน เพื่อให้ได้รับความเห็นที่รอบด้าน เช่นเดียวกับการปฏิรูปทุกๆ ด้านที่ สปช. ทำอยู่ รัฐบาลไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นอย่างไร ไม่ต้องการถูกครหาว่าเข้าไปชี้นำแทรกแซง โดยต้องยอมรับว่าการปฏิรูปตำรวจจะต้องใช้เวลานาน และอาจไม่เสร็จสิ้นภายในรัฐบาลนี้ แต่หากเป็นการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อาจมีความเป็นไปได้ในการปรับภายใน 1 ปี อย่างไรก็ตาม ในการปฏิรูปพัฒนาตำรวจต้องพิจารณาในด้านกำลังพลว่าเพียงพอเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงการให้งบประมาณที่สอดคล้อง อย่างไรก็ตาม ตำรวจเป็นองค์กรใหญ่ มีทั้งคนดีและไม่ดี การมีคนไม่ดีเพียงไม่กี่คนจะเหมารวมว่าคนทั้งองค์กรนี้ไม่ดีคงไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การปฏิรูปตำรวจตนชี้แนะอะไรมากไม่ได้ เพราะเพิ่งเข้ามาสัมผัสตำรวจไม่กี่เดือนเท่านั้น
Read more ...

เปิดคำสั่งแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว. ผกก.นครบาลเอี่ยวป้ายโฆษณาฉาวถูกเด้งเข้ากรุเพียบ

13/1/58
โดยผู้จัดการ เมื่อ 13 ม.ค.2558

เปิดคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.- สว. วาระประจำปี 2557 ผกก. นครบาลเอี่ยวกรณีป้ายโฆษณาแอลอีดีฉาว - ผกก. สังกัด บช.ก. ถูกเด้งเข้ากรุเพียบ

วันนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการเผยแพร่คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.- สว. วาระประจำปี 2557 ซึ่งแต่ละกองบัญชาการได้มีการออกคำสั่งลงวันที่ 9 ม.ค. 2558 โดยให้มีผลพร้อมกันในวันที่ 15 ม.ค. 2558 สำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจ คือ นายตำรวจระดับหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถูกเสนอย้ายออกนอกหน่วยจากกรณีปัญหาป้ายโฆษณาแอลอีดี อาทิ 

พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผกก.สน.ท่าเรือ เป็น ผกก.ฝอ.กองแผนงานอาชญากรรม สยศ.ตร. 
พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย เป็น ผกก. กลุ่มงานจราจร ผก. 
พ.ต.อ.ธนาทิศ วงศ์วัยรักษ์ ผกก.สน.บวรมงคล เป็น ผกก. กลุ่มงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ สยศ.ตร. 
พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงส์ ณ อยุธยา ผกก.สน.เตาปูน เป็น ผกก.ธร.กพ.อก. สำนักงานกำลังพล 
พ.ต.อ.วชิพงษ์ แก้วดวง ผกก.สน.บางเสาธง เป็น ผกก.ฝอ.มน. 
พ.ต.อ.วีรชัย โพธิปัตชา ผกก.สน.บางชัน เป็นผกก. กลุ่มงานพัฒนากฎหมาย กองกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี 
พ.ต.อ.สมพร กฤษณธพิพัฒน์ ผกก.สน.อุดมสุข เป็น ผกก. กลุ่มงานป้องกันอาชญากรรมพิเศษ กองแผนงานอาชญากรรม สยศ.ตร. 
พ.ต.อ.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผกก.สน.พระราชวัง เป็น ผกก.ฝอ.กต.1



ขณะเดียวกัน ก็มีนายตำรวจระดับ ผกก. ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ถูกมองว่าอยู่ในเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบช.ก. ถูกโยกให้มาดำรงตำแหน่งในหน่วยขึ้นตรง สำนักงาน ผบ.ตร. อาทิ 

พ.ต.อ.ประเสริฐ กัลยาวุฒิพงศ์ ผกก.11 บก.รน. เป็น ผกก. ฝ่ายสืบสวน และตรวจการณ์ 2 กต.1 
พ.ต.อ.ล้ำพันธ์ พรรธณประเทศ ผกก.3 บก.ทล. เป็น ผกก. กลุ่มงานวิจัยและประเมินผล 3 วจ. 
พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผกก.2 บก.ปคบ. เป็น ผกก. ฝ่ายสืบสวนและตรวจการ 2 กต.4 
พ.ต.อ.ประพจน์ โชติคุณ ผกก.2 บก.ทท. เป็น ผกก. กลุ่มงานส่งเสริมการสอบสวน 1 สบส.
Read more ...

คำสั่งแต่งตั้ง รอง ผบก. - สว. วาระประจำปี 2557

13/1/58
13 ม.ค.2558

คำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ระดับ สว. ถึง รอง ผบก. วาระประจำปี 2557
http://saranitet.police.go.th/AllDownload.html  
Read more ...

‘ประวุฒิ’ยันโผโยกย้ายไม่มีซื้อขายตำแหน่ง

12/1/58
โดยคมชัดลึก เมื่อ 12 ม.ค.2558

‘พล.ต.ท.ประวุฒิ’ ยันไม่มีการซื้อขายตำแหน่งระดับรองผู้การฯ-ผกก.ตามที่เป็นข่าว แต่หากพบหลักฐานจะดำเนินการเด็ดขาด เรียกประชุมแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล

12 ม.ค.58 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า มีการซื้อขายตำแหน่งระดับรองผู้บังคับการ ถึง ผู้กำกับการ ตั้งแต่ 8 แสน ถึง 30 ล้านบาท แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด โดยยืนยันว่า ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างแน่นอน ส่วนที่มีการแจกจ่ายใบปลิวไม่เห็นด้วยการกับการแต่งตั้งในบางพื้นที่ ขณะนี้ ทราบเรื่องแล้ว จึงสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยต้องพิจารณาว่า ผู้ที่แจกใบปลิว หรือ ร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งตั้ง เป็นกลุ่มผู้เสียประโยชน์ หรือ ไม่พอใจการแต่งตั้งเป็นการส่วนตัวหรือไม่ แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจน จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น และเชื่อว่า ไม่สามารถปกปิดสังคมได้ เพราะปัจจุบัน กระบวนการตรวจสอบทั้งทางสื่อมวลชน และสังคม ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ

"ยืนยันว่า บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ ถึง สารวัตร ขณะนี้ เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมแจกจ่ายตามกำหนด เพื่อให้มีผลวันที่ 15 มกราคมนี้ " โฆษกตร. กล่าว

โฆษกตร. เรียกประชุมแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการสั่งการกำกับดูแลปัญหาจราจรจากเดิมที่ใช้ระบบแบ่งพื้นที่รับผิดชอบแต่ละทัองที่ มาเป็นแบบศูนย์รวมอำนาจสั่งการ เพื่อให้การสั่งการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การระบายรถยนต์บนท้องถนน และการสั่งการไฟสัญญาณจราจรเกิดความต่อเนื่องสอดคล้องกัน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเส้นทางหลัก อาทิ ถนนสุขุมวิท ถนนพระรามราม 2 และบางนา รวมถึงปัญหาอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหารถติดเช่นกัน โดยการระบายรถยนต์ในเส้นทางจราจรหลักที่ติดขัดนั้นทางเจ้าหน้าที่จะทำการเปิดเส้นทางย่อยโดยรอบ เพื่อให้รถยนต์ในเส้นทางดังกล่าวสามารถระบายออกได้ และสามารถใช้ความเร็วได้ปกติ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่างอีกว่า นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้นำหลักการระบายรถยนต์ในเส้นทางขบวนเสด็จมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯเนื่องจากหลักการดังกล่าวสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว

ทั้งนี้ศูนย์สั่งการดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้บังคับการที่ดูแลงานด้านจราจรแต่ละพื้นที่ รวมถึงผู้กำกับการ ผลัดเปลี่ยนเข้ามากำกับดูแลสั่งการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โฆษกตร.สั่งตรวจสอบเหตุยิงเรือประมง เชื่อเกิดจากความเข้าใจผิด

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ขับเรือไล่ยิงเรือประมง 9 บารมีพ่อ กลางทะเลอันดามัน บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา รอยต่อ จังหวัดระนอง ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเชื่อว่า อาจเกิดจากความเข้าใจผิดจากทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก การตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของชุดเฉพาะกิจทางเรือ ในการตรวจจับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน และไม่มีเครื่องขยายเสียงเพื่อแสดงตัวให้ชัดเจน ประกอบกับ เรือประมงดังกล่าว มีพฤติการณ์หลบหนี เพราะหวาดระแวงคิดว่า เรือของเจ้าหน้าที่อาจเป็นเรือโจร จึงเกิดความเข้าใจผิด และยิงขับไล่ขึ้น โดยหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาปรับยุทธิวิธีสกัดจับคนร้ายทางเรือ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสัญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือ เครื่องขยายเสียง

"เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าเรือประมงดังกล่าว มีความผิดตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่ แต่หากเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว

โฆษกตร. ระบุมีตร.ระดับ สว.-ชั้นประทวนเอี่ยวสินบนอุ้มชาวเกาหลี

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กองปราบปราบ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีตำรวจเกี่ยวข้องกรณีอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวเกาหลี โดยเบื้องต้น ได้รับรายงานว่า มีตำรวจ 7 นาย เกี่ยวข้อง แบ่งเป็นระดับสารวัตร 2 นาย ส่วนที่เหลือเป็นชั้นประทวน ในสังกัดฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 โดยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ในการเรียกรับผลประโยชน์จากการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวเกาหลี ในข้อหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้ง 7 นาย เรียกตัวมาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว และหากพบมีความผิดจริง ต้องดำเนินคดีเด็ดขาด
Read more ...

มาแล้วอย่าหลง

12/1/58
โดยสหบาท นสพ.ไทยรัฐ เมื่อ 12 ม.ค.2558

ยุคนักสืบเมืองหลวงฟูเฟื่องรุ่งเรือง

พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ รับบทผู้นำทัพนครบาล ถือเป็น “ปรมาจารย์” สืบสวนที่มองการณ์ไกลในช่วงใกล้ย่อยสลายกองสืบเหนือ-ใต้-ธนบุรี แห่งตำนานสารพัดผลงานโบแดงของกรมตำรวจเป็น บก.น.1-9 ด้วยการเปิดโครงการ “โรงเรียนนักสืบ” หาทายาทต่อยอด

คัดเอารองสารวัตรสอบสวนระดับ หัวกะทิ ที่มีแววมาถ่ายทอดวิชาสืบสวนเพียงแค่ 30 คน

ปัจจุบันหลายคนประสบความสำเร็จเป็น “ตัวหลัก” ของแต่ละหน่วย ช่วยขับเคลื่อนผลักเนื้องาน แม้บางคนเลือกเดินอีกเส้นทาง เมื่อไม่อาจฝ่าด่านความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ เพราะ “ผู้เป็นนาย” ไม่ให้ความสำคัญ

ถึงขนาด ปรมาจารย์ต้นตำรา ยังอดบ่นไม่ได้

“แต่งตั้งผู้กำกับกองสืบ รู้จักถนนหรือเปล่าไม่รู้ มาจากบ้านนอกไปไหนยังหลงแล้วมาเป็นหัวหน้ากองสืบสวนได้อย่างไร ตั้งคนไม่เหมาะสมกับงาน ไม่พัฒนาคน ให้ไปหาความรู้เอาเอง เหมือนปล่อยลิงเข้าป่า แจกกล้วยให้หวี สอนให้ร้องเจี๊ยก อย่างอื่นไปหากินเอาเองแล้วมันจะไปดีได้อย่างไร ไม่มีทางหรอก”

“เพราะหัวหน้าหน่วยมันไม่ได้เรื่อง” พล.ต.ท.โสภณกัดทิ้งท้ายได้เจ็บแสบเมื่อไม่กี่ปีก่อน

สะท้อนเหตุผลความเป็นจริงที่มีส่วนทำให้นักสืบเมืองกรุงสู่ภาวะวิกฤติใกล้สูญพันธุ์

ผ่านมาถึงยุค พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล คุมบังเหียนนั่งบนอานอำนาจ ผบช.น. ปรับทัพนักสืบแบบ “เกือกยกยวง” ตามขั้วที่เปลี่ยนไป

พ.ต.ท.สถิตย์ สังข์ประไพ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม เป็น ผกก.สส.บก.น.1 
พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา เป็น ผกก.สส.บก.น.2 ขณะที่ 
พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 ยังได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งเดิม เช่นเดียวกับ 
พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผกก.สส.บก.น.6 มี 
พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ข้ามเป็น ผกก.สส.บก.น.4
พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ฝ่ายการจัดสวัสดิการ สก.สกพ. เป็น ผกก.สส.บก.น.5 
พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผกก.กลุ่มงานจราจร สยศ. เป็น ผกก.สส.บก.น.7 
พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.3 ปส.4 บช.ปส. เป็น ผกก.สส.บก.น.8 
พ.ต.อ.พรเทพ กลิ่นอุดม ผกก.สส.ภ.จ.มหาสารคาม เป็น ผกก.สส.บก.น.9

ชื่อชั้นหลายคนไม่ขี้เหร่ แต่จะเดินเป๋ เดินหลง (อำนาจ) หรือไม่ ต้องรอชม!?!
Read more ...

แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ มีผลวันที่ 15 ม.ค.2558

11/1/58
เมื่อ 11 ม.ค.2558

รายชื่อนายตำรวจทั้งหมดที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวนี้ (มีผลวันที่ 15 ม.ค.2558)

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปการแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ ถึงผู้กำกับการปีนี้ 1,711 ตำแหน่งพลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปภาพรวมการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ถึงผู้กำกับการ วาระประจำปี 2557 โดยระบุว่าเมื่อวานนี้ที่ประชุม ก.ตร. มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้น 1,711 ตำแหน่ง แบ่งเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนระดับรองผู้บังคับการ 279 ตำแหน่ง เลื่อนขึ้นระดับรองผู้บังคับการ 132 ตำแหน่ง สับเปลี่ยนหมุนเวียนระดับผู้กำกับการ 1,047 ตำแหน่ง และ เลื่อนขึ้นระดับผู้กำกับการ 253 ตำแหน่ง โดยหลังจากนี้จะส่งบัญชีรายชื่อกลับไปยังกองบัญชาการต่างๆ เพื่อลงนามคำสั่ง และให้มีผลในวันที่ 15 มกราคม 2558

รายชื่อนายตำรวจที่คาดว่าจะถูกโยกย้ายมีดังนี้

พ.ต.อ.กมล สุทธิแพทย์ รองผบก.จร.เป็น รองผบก.น.7
พ.ต.อ.กฤตธาพาล ยี่สาคร รองผบก.น.4 เป็นรองผบก.น.5
พ.ต.อ.กิตติกร บุญสม รองผบก.น.6 เป็นรองผบก.น.5
พ.ต.อ.กิตติคุณ พูลสมบัติ รองผบก.น.1 เป็น รองผบก.น.3
พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ รองผบก.น.2 เป็นรองผบก.น.5
พ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ์ อมรากระสินธุ์ รองผบก.อคฝ.เป็นรองผบก.น.5
พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น.2 เป็นรองผบก.น.6
พ.ต.อ.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ รองผบก.น.6 เป็นรองผบก.น.8
พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ รองผบก.น.9 เป็นรองผบก.อคฝ.
พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ รองผบก.น.7 เป็นรองผบก.น.6
พ.ต.อ.ชูศักดิ์ เตชะรักษ์พงษ์ รองผบก.น.2 เป็นรองผบก.น.8
พ.ต.อ.โชคชัย งามวงศ์ รองผบก.อคฝ. เป็น รองผบก.น.8
พ.ต.อ.ญาณพงศ์ โสมาภา รองผบก.น.9 เป็นรองผบก.น.8
พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ การดี รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี เป็นรองผบก.น.9
พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศระวัชพงศ์ รองผบก.อ่างทอง เป็นรองผบก.น.4
พ.ต.อ.ทินกร ณัฏฐมั่งคั่ง รองผบก.ปปป.เป็นรองผบก.จร.
พ.ต.อ.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ รองผบก.สกลนคร เป็นรองผบก.น.3
พ.ต.อ.นิติพันธุ์ โรหิโตปการ รองผบก.อก.บช.น. เป็นรองผบก.สปพ.
พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รองผบก.อก.บช.น.เป็น รองผบก.น.6
พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน รองผบก.พิษณุโลก เป็น รองผบก.น.2
พ.ต.อ.พีรวัส อินทร์กง รองผบก.จร.เป็น รองผบก.น.9
พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รองผบก.น.3 เป็นรองผบก.น.4
พ.ต.อ.ภาณุ รักษ์กุล รองผบก.อ่างทอง เป็น รองผบก.5
พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผบก.น.8 เป็นรองผบก.สปพ.
พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รองผกบก.น.9 เป็นรองผบก.น.5
พ.ต.อ.ภิมเสน ขจรประศาสน์ รองผบก.สิงห์บุรี เป็นรองผบก.สปพ.
พ.ต.อ.มนตรี ด้วงปรึกษา รองผบก.ตชด.ภ.1 เป็นรองผบก.น.9
พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รองผบก.อก.บช.น.เป็น รองผบก.น.4
พ.ต.อ.รณเสฏฐ์ อัตวรอนันต์ รอง ผบก.ชัยภูมิ เป็น รอง ผบก.อก.บชน.
พ.ต.อ.วรชิต กาญจนะเสน รอง ผบก.ตราด เป็น รอง ผบก.สปพ
พ.ต.อ.วราพงษ์ ประเศรษฐโฐ รอง ผบก.ศฝร.ภ.7 เป็น รอง ผบก.น.1
พ.ต.อ.วันชัย อยู่แสง รอง ผบก.จร. เป็น รอง ผบก.น.9
พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด รอง ผบก.สระบุรี เป็น ผบก.น.7
พ.ต.อ.ศราวุธ จิตต์ระเบียบ รอง ผบก.น.3 เป็น รอง ผบก.น.4
พ.ต.อ.ศุภโยชก์ ธารีไทย รอง ผบก.ลพบุรี เป็น รอง ผบก.น.9
พ.ต.อ.สมนึก น้อยพงศ์ รอง ผบก.น.5 เป็น รอง ผบก.น.7
พ.ต.อ.ศราวุธ เอี่ยมสำราญ รอง ผบก.ปัตตานี เป็น รอง ผบก.สส.บช.น.
พ.ต.อ.สำเริง สวนทอง นว.สบ.5 ที่ปรึกษา สบ.10 เป็น รอง ผบก.น.8
พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.สงขลา เป็น รอง ผบก.สปพ.
พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ รอง ผบก.ปทุมธานี เป็น รอง ผบก.สส.
พ.ต.อ.เสนิต สำราญสำรวจกิจ รอง ผบก.น. 8 เป็น รอง ผบก.น.6
พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 เป็นรอง ผบก.อคฝ.
พ.ต.อ.อาคม จันทลาช รอง ผบก.ปส.2 เป็น รอง ผบก.อก.บช.น.
พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.ภูเก็ต เป็น ผบก.น.2
พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.อคฝ. เป็น รอง ผบก.จร.
พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สน.สุวินทวงศ์ เป็น รองผบก.น.2
พ.ต.อ.ณัฐนันท์ นานาสมบัติ ผกก.ฝอ.สปพ.แป็น รอง ผบก.น.1
พ.ต.อ.ทวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา เป็น รอง ผบก.น.4
พ.ต.อ.วิทยา ทิพย์พาวัลย์ พงส.ผทค.กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4 เป็นรอง ผบก.อก.บช.น.
พ.ต.อ.วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ ผกก.กก.5 บก.จร. เป็น รอง ผบก.จร.
พ.ต.อ.ศักดา สังขนิตย์ พงส.ผทค.บก.น. เป็น รอง ผบก.อก.
พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.คันนายาว เป็น รอง ผบก.อคฝ.
พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.หนองจอก เป็น รอง ผบก.อก.บช.น.
พ.ต.อ.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ พงส.ผทค. น.7 เป็น รอง ผบก.น.3
พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผกก.สน.ฉลองกรุง เป็น รอง ผบก.น.3
พ.ต.อ.กฤตภาส พาทีทิน ผกก.ฝอ.กต.1 จต. เป็น ผกก.สน.ท่าเรือ
พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.3 เป็น ผกก.กก.สส.1 บก.สส.บช.น.
พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.ฝอ.สุโขทัย เป็น ผกก.สน.โคกคราม
พ.ต.อ.กิตติพงศ์ วิเศษสงวน ผกก.สภ.บางบาล จ.อยุธยา เป็น ผกก.สน.ห้วยขวาง
พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพราน ผกก.กก.1 บก.จร. เป็น ผกก.3 บก.จร.
พ.ต.อ.โกสิต กาญจนโกมล ผกก.สภ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เป็น ผกก.สน.เตาปูน
พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง เป็น ผกก.สน.สุทธิสาร
พ.ต.อ.จิณวัตร ก้อนทองดี ผกก.สภ.แสงวหา จ.อ่างทอง เป็น ผกก.สน.บุคคโล
พ.ต.อ.ชนาวิน พวงเพ็ชร ผกก.ฝอ.8 บก.อก.บช.น. เป็น ผกก.สน.พญาไท
พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สภ.บ้านเป้า จว.ชัยภูมิ เป็น ผกก.ฝอ.บก.น.5
พ.ต.อ.ชัยพล เอกกุล นว.(สบ4) ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น ผกก.สน.คลองตัน
พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.จักรวรรดิ เป็น ผกก.สน.โชคชัย
พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผกก.กก.สส.2 บก.สส. เป็น ผกก.ฝอ.บก.น.8
พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ ผกก.กก.อารักขา 1 บก.อคฝ. เป็น ผกก.สน.บางยี่เรือ
พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผกก.สภ.สว่างดินแดง จว.สกลนคร เป็น ผกก.สน.สำราญราษฎร์
พ.ต.อ.เชิดชาย สัตตบุศย์ ผกก.สภ.โคกเจริญ จว.ลพบุรี เป็น ผกก.สน.ท่าข้าม
พ.ต.อ.ณัชพลพันธ์ มาลัย ผกก.ฝอ.4 บก.อก.บช.น. เป็น ผกก.สุวินทวงศ์
พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธิธาภิรมย์ ผกก.สภ.แม่ระมาด จว.ตาก เป็น ผกก.สน.บางเขน
พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ ผกก.กก.ควบคุมฝูงชน 1 บก.อคฝ. เป็น ผกก.สน.บางกอกใหญ่
พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สภ.เมืองการุ้ง จว.อุทัยธานี เป็น ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง
พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.กก.สส.บก.น.7เป็น ผกก.กก.ศูนย์รวมข่าว บก.สปพ.
พ.ต.อ.ธนชัย อุสาหกิจ ผกก.ฝอ.บก.น.3 เป็น ผกก.สน.นิมิตรใหม่
พ.ต.อ.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา เป็น ผกก.สน.ประชาชื่น
พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.บางนา เป็น ผกก.สน.สายไหม
พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สภ.แก้งสนามมาง จว.นครราชสีมา เป็น ผกก.สส.บก.น.2
พ.ต.อ.นคร ทองพานิช นว.สบ.4 ผช.ผบ.ตร. เป็น ผกก.สน.บางรัก
พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท ผกก.สน.ท่าข้าม เป็น ผกก.สน.พลับพลาไชย 1
พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผกก.สส.1 บก.สส.ศชต. เป็น ผกก.สน.บางโพงพาง
พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญศิลป์ ผกก.สน.ทุ่งครุ เป็น ผกก.สน.พระโขนง
พ.ต.อ.นิพนธ์ ฤกษ์นิยม ผกก.บป.ผก.สยศ. เป็น ผกก.ฝอ.6 อก.บช.น.
พ.ต.อ.บันลือศักดิ์ แสงสว่าง ผกก.สน.ห้วยขวาง เป็น ผกก.อารักขา 1 อคฝ.
พ.ต.อ.ประพนธ์ ไกรประยูร ผกก.สภ.คูบางหลวง จ.ปทุมธานี เป็น ผกก.ฝอ.5 อก.บช.น.

รายชื่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โยก รอง ผบก.-ผกก. นครบาล 129 ตำแหน่ง

พ.ต.อ.กมล เหรียญราชา รอง ผบก.ปอศ. เป็น รอง ผบก.รฟ.
พ.ต.อ.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ รอง ผบก. อก.ภ.7 เป็น รอง ผบก.อก.บช.ก.
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ปลาทอง รอง ผบก.สส. เป็น รอง ผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.รฟ. เป็น รอง ผบก.ปปป.
พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร ผกก.2 บก.ปปป. เป็น รอง ผบก..ปปป.
พ.ต.อ.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบก.ทล. เป็น รอง ผบก.รน.
พ.ต.อ.วัฒนา แก้วดวงเทียน รอง ผบก.รน. เป็น รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย รอง ผบก.น.8 เป็น รอง ผบก.ทล.
พ.ต.อ.โชคชัย นนท์ปฏิมากุล ผู้บังคับการเรือ (สบ4) กลุ่มงานเรือตรวจการ บก.รน. เป็น รอง ผบก.รน.
พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางค์กูร รอง ผบก.ปคม. เป็น รองผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.ดิเรก ปลั่งดี รอง ผบก.ปทส. เป็น รอง ผบก.ทล.
พ.ต.อ.ธนัญชัย เพียรช่าง ผกก.2ปก.ปทส. เป็น ผกก.2 บก.รฟ.
พ.ต.อ.ธวัช ปิ่นประยงค์ ผกก.ฝอ.บก.ทล. เป็น รอง ผบก.ปคบ.
พ.ต.อ.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบก.ทล. เป็น รอง ผบก.รฟ.
พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคบ. เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ศฝร.ภ.3 เป็น รอง ผบก.อก.บช.ก.
พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบก.ปทส. เป็น รอง ผบก.รฟ.
พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.น.4 เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบก.สนับสนุนทางเทคโนโลยี เป็น รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ร่วมรักษ์ นว.(สบ5) รอง ผบ.ตร. เป็น รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.มล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบก.อก.บช.ก. เป็น รอง ผบก.ทล.
พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ ผกก.5 บก.ทปส. เป็น รอง รอง ผบก.ปทส.
พ.ต.อ.ราชธรรม จิตธรรมมา ผกก.5 บก.ปทส. เป็น รอง ผบก.รฟ.
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันต์ประเสริฐ รอง ผบก.น. 8 เป็น รอง ผบก.ทล.
พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒนนครบัญชา รอง ผบก.สลก.ตร. เป็น รอง ผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพัธ์ รอง ผบก.สลก.ตร. เป็น รอง ผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.ศิววงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ปส.2 เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.สมพร แดงดี รอง ผบก.อก.ภ.1 เป็น รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.สยาม บุญสม รองผบก.อก.ภ.1 เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อสรรักษ์ จูสนิท รองผบก.ภ.จ.แม่ฮ่องสอน เป็น รอง ผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล รอง ผบก.ปปป. เป็น รอง ผบก.ปคม.
พ.ต.อ.สิทธิชัย ลีลาสวัสดิ์ ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. เป็น รอง ผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ นพโพธิพงศ์ ผกก.3 บก.ปทส. เป็น รอง ผบก.ปทส.
พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.สปพ. เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.สุเมธ ปุณศรี รอง ผบก.ภ.สิงห์บุรี เป็น รอง ผบก.ปทส.
พ.ต.อ.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบก.รฟ. เป็น รอง ผบก.รน.
พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินสิทธิ์ ผกก.ฝอ.บก.รฟ. เป็น รอง ผบก.อก.บช.ก.
พ.ต.อ.อนุชา กิติวิภาต รอง ผบก.อก.ภ.3 เป็น รอง ผบก.ปทส.
พ.ต.อ.อรรณณพ รัตนอุบล ผกก.6 บก.ปปป. เป็น รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยาประดิษฐ์ รอง ผบก.สส.ภ.9 เป็น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.อก.บช.ก. เป็น รอง ผบก.ทล.
พ.ต.อ.เอนก ส่งประเสริฐ ผกก.3 บก.รน. เป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือ บก.รน.
พ.ต.อ.กฤษดา ปิ่นสินชัย ผกก.ฝอ.2 บก.อก.บช.ก. เป็น ผกก.ฝอ.8 บก.อก.บช.ก.
พ.ต.อ.กิตติศัพท์ ทองศรีวงศ์ ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา เป็น ผกก.2 บก.ปคม.
พ.ต.อ.กุณฑล ฉลาดแพทย์ ผกก.สภ.พุนพิน จ.สุราษฎ์ธานี เป็น ผกก.1 บก.ปคบ.
พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กัลป์ยาวัฒนเจริญ ผกก.ฝอ.4 บก.อก.สทส. เป็น ผกก.1บก.ปอศ.
พ.ต.ท.เกื้อกมล ดวงประทีป รอง ผกก.3 บก.ทท. เป็น ผกก.12 บก.รน.
พ.ต.ท.คมกฤช สุขไทย รอง ผกก.5บก.ปอศ. เป็น ผกก.3 บก.รฟ.
พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.สน.ลำผักชี เป็น ผกก.1 บก.ทท.
พ.ต.ท.จักริน ชุมแจ่ม รอง ผกก.4 บก.ปอศ. เป็น ผกก.ฝอ.1 บก.อก.บช.ก.
พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 บก.ทท. เป็น ผกก.1 บก.ป.
พ.ต.ท.จิรัฏฐ์ จึงภัทรนิษฐ์ รอง ผกก.ฝอ.7 บก.อก.บช.ก. เป็น ผกก.6 บก.ปคม.
พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ฝอ.4 บก.อก.บช.ก. เป็น ผกก.4 บก.ทท.
พ.ต.ท.ชันนนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผกก.2 บก.ปคม. เป็น ผกก.3 บก.ปคบ.
พ.ต.อ.ชวาล เพ็ญพานิช ผกก.ฝ่ายกิจการต่างประเทศ บก.อก.บช.ส. เป็น ผกก.3 บก.รน.
พ.ต.อ.ชัยณรงค์ สมเพาะ ผกก.สส.ภ.จ.อำนาจเจริญ เป็น ผกก.3 บก.ทท.
พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี ผกก.4 บก.รน. เป็น ผกก.8 บก.ทล.
พ.ต.อ.ชาญชัย เชาว์เกษม ผกก.สภ.ไชโย จ.อ่างทอง เป็น ผกก.กลุ่มงานถวายความปลอดภัย บก.ทล.
พ.ต.อ.ชาติชาย ชาติเวช ผู้บังคับการเรือ กลุ่มงานเรือตรวจการณ์ บก.รน. เป็น ผกก.5 บก.รน.
พ.ต.อ.ชินพันธ์ พราหมณพันธ์ ผกก.สภ.นาหวาย จว.เชียงใหม่ เป็น ผบก.5 บก.ทล.
พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.อารักขา 2 บก.อคฝ. เป็น ผกก.5บก.ทท.
พ.ต.อ.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผกก.4บก.ทท. เป็น ผกก.5 บก.รฟ.
พ.ต.อ.ฐานวัฒน์ ธีรโชติเรืองชัย ผกก.สภ.ระยอง เป็น ผกก.6 บก.ปทส.
พ.ต.อ.ณรงค์เดช กมลบุตร ผกก.ฝอ.บก.ปอศ. เป็น ผกก.2 บก.ปอศ.
พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ บวรวงศ์พิทักษ์ ผกก.กลุ่มงานสารสนเทศภูมิศาสตร์และสื่อประสมเพื่อการบิหาร ศทก. เป็น ผกก.ฝอ.บก.ทล.
พ.ต.อ.ณัฐกาญจน์ จีนะวัฒน์ ผกก.5 บก.ปปป. เป็น ผกก.6 บก.ปปป.พ.
Read more ...

ความแตกต่าง

10/1/58
โดยสหบาท นสพ.ไทยรัฐ เมื่อ 10 ม.ค.2558

เห็นแล้วเหนื่อยใจแทน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ในเรื่องคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่ติดมากับตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่งานนี้เจอหนักหน่อยกับคำสั่ง 2 หน่วยหลัก

คำสั่ง 1 “ตัดรากถอนโคน” โยกย้ายนายตำรวจที่ว่าเป็นเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ทำให้เกิดแรงต้านอย่างหนักในช่วงแรก

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.ผบช.ก. ใช้เหตุผลและการบริหารจัดการ ทำความเข้าใจผู้ที่เกี่ยวข้องจนทุกอย่างคลี่คลาย ยึดความเป็นธรรมในการหยิบตัวคนออกนอกหน่วยเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เสียขวัญน้อยที่สุด ขยับคนที่มีความรู้ ความสามารถมาลงในตำแหน่งแค่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน บช.ก.

เรื่องที่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ตำรวจกลายเป็นความร่วมมือทุกคนในหน่วยเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย

แต่คำสั่ง 2 โยกย้าย บช.น. เป็นเรื่องใหญ่เหนือกว่า บช.ก.ในเรื่องมูลเหตุโยกย้าย เพราะความผิดในเรื่อง “ป้ายไฟโฆษณา” บนป้อมตำรวจที่ติดตั้งป้ายโฆษณา 805 ป้อม เป็นของ บช.น. 173 ป้อม ซึ่งเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องตั้งป้าย แค่ทำสัญญาให้ถูกต้องแค่นั้น

แต่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. มองเป็นความผิดร้ายแรง โทษฐานทำให้รัฐเสียหาย ต้องดำเนินคดีอาญาและแพ่ง รวมทั้งลงโทษทางวินัย ประกาศเล่นงานตำรวจทั้งวินัยและอาญา

มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พร้อมประกาศขู่ย้าย ผกก. กว่า 60 โรงพัก

แต่ตำรวจที่ถูกย้ายมองว่าไม่ทัดเทียมกัน บางคนถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัย แต่ได้ยุติเรื่องได้อยู่ที่เดิมหรือขยับอยู่ใน บช.น. แต่โรงพักที่ติดตั้งป้ายแบบเดียวกันถูกโยกย้ายนอกหน่วย มีข่าววิ่งเต้นยุติเรื่อง ผู้ที่ถูกย้ายทนไม่ไหว ขอความเป็นธรรม ก.ตร. ชะลอการพิจารณาจนกว่าทราบผลคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง

ไม่ว่าผลคำสั่งแต่งตั้งยุติแบบไหน สิ่งที่ปฏิบัติตลอดมาโรงพักแทบทุกแห่งขอรับบริจาคสนับสนุนภาคเอกชนในภารกิจตำรวจ โดยเฉพาะ “ป้ายไฟโฆษณา” เป็นสิ่งที่อยู่ติดป้อมตำรวจทั่วประเทศมานาน

แต่ ผบช.น.ยุคนี้มองเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลต่อตำแหน่งหน้าที่ตำรวจ

เป็นความแตกต่างหลักการบริหารจัดการของ บช.น.และ บช.ก.
Read more ...

เด้ง ผบก.ปอศ. ไปประจํา ตร. และ ก.ตร.นัดที่2 พิจารณา รอง ผบก.-ผกก.ผ่าน

10/1/58
โดยไทยรัฐ เมื่อ 10 ม.ค.2558 เวลา 05.22 น.

“บิ๊กอ๊อด” ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุม ก.ตร. พิจารณาแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก. นัดที่ 2 เผยเป็นวาระพิเศษ ในเรื่องยินยอมโดยสมัครใจ อาทิ ขอสละสิทธิ์รับตำแหน่ง ต้องพิจารณาคนใหม่ขึ้นมาแทน รายชื่อในโผมียอดรวมเท่าเดิม ไม่มีวิ่งเต้นขอเปลี่ยนรายชื่อ คำสั่งมีผลในวันที่ 15 ม.ค.ล่าสุดเรียกตัว ผบก.ปอศ. “พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล” เพื่อนร่วมรุ่น นรต.31 เข้าช่วยราชการประจำ ศปก.ตร. ไม่มีกำหนด อ้างเหตุบริหารงานในองค์กรผิดพลาด ไม่เกี่ยวเครือข่ายอดีต ผบช.ก.

ก.ตร.ประชุมนัด 2 ผ่านฉลุย โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ม.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.วาระพิเศษเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก. ที่ห้องประชุม 1 ตร. เป็นการประชุม ก.ตร.นัดที่ 2 ต่อเนื่องจากการประชุม ก.ตร.ในวันที่ 7 ม.ค. ที่เป็นวาระการเสนอขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก.ทั่วประเทศ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่แต่ละหน่วยดำเนินการไม่ครบถ้วน อาทิ กรณีผู้ที่อยู่ในข่ายอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้นำรายชื่อเข้าไปในบัญชี หรือบางคนได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้นแต่เห็นว่าไม่สะดวก ขอสละสิทธิ์รับตำแหน่ง ต้องพิจารณาคนใหม่ขึ้นมาแทน เป็นเรื่องที่ได้รับความยินยอมโดยสมัครใจ รายชื่อที่ถูกเสนอไปเมื่อครั้งประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด รายชื่อที่ถูกเสนอโยกย้ายมียอดรวมเท่าเดิม ยืนยันว่าไม่มีการวิ่งเต้น เพื่อขอเปลี่ยนรายชื่อ โดยคำสั่งมีผลในวันที่ 15 ม.ค.นี้

สำหรับรายชื่อที่ผ่านการประชุม ก.ตร. อาทิ 

บช.ตชด. 
พ.ต.อ.ไพโรจน์ ทานธรรม รอง ผบก.ตชด.ภาค 4 เป็น รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 พ.ต.อ.อนุชา จารุนัฎ ผกก.4 บก.สอ.บช.ตชด. เป็น รอง ผบก.ตชด.ภาค 2 พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบก.น.5 เป็น รอง ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.ต.อ.อรินทร เดชาธรอมร ผกก.1 บก.สอ.บช.ตชด. เป็น รอง ผบก.สอ.บช.ตชด. พ.ต.อ.อมร ผ่องสมรูป ผกก.ตชด.22 เป็น ผกก.ฝอ.บก.สอ.บช.ตชด. พ.ต.อ.สุนทร ประดิษฐ์แท่น ผกก.3 บก.กฝ.บช.ตชด. เป็น ผกก.ตชด.22 พ.ต.อ.พรหมวุฒิ วุฒิวิวัฒน์ชัย ผกก.ฝอ.8 บก.อก.บช.ตชด. เป็น ผกก.ตชด.34 พ.ต.อ.สิงหนาท สีกาแก้ว ผกก.ตชด.42 เป็น ผกก.ฝอ.บก.ตชด.ภาค 1 พ.ต.อ. นิคม พรประสิทธิ์ ผกก.ศฝส.บก.กฝ.บช.ตชด. เป็น ผกก.ตชด.42 พ.ต.อ.ศรุต สงวนสุข ผกก.สสน.2 บก.สส.บช.ตชด. เป็น ผกก.บช.ตชด. พ.ต.อ.สุกิจ ทังทนาวิน ผกก.บช.ตชด. เป็น ผกก.สสน.2 บก.สสน.บช.ตชด.

บช.ภ.5 
พ.ต.อ.ทวีชัย ประทีปอุษานนท์ รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย เป็นรอง ผบก.ศฝร.ภ.5 พ.ต.อ.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.ภ.5 เป็น รอง ผบก.อก.ภ.5 พ.ต.อ.ชวลิต คชหิรัญ ผกก.ฝอ.3บก.อก.ภ.5 เป็น รอง ผบก.อก.ภ.5 พ.ต.อ.วีรชน บุญทวี รอง ผบก.อก.ภ.5 เป็น รอง ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แก้วดวงโต รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เป็น รอง ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.จรัญญ์ เริงธรรม รอง ผบก.ภ.จ.ลำพูน เป็น รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.พศวีร์ โชติเทียนชัยวัต รอง ผบก.ภ.จ.พะเยา เป็น รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผกก.สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.ธนกฤต เรือนแก้ว รอง ผบก.ภ.จ.แพร่ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ลำปาง พ.ต.อ.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผกก.สส.ภ.จ.เชียงใหม่ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ลำปาง พ.ต.อ.ธเนส ชาวนาทุ่ง รอง ผบก.ภ.จ.แม่ฮ่องสอน เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ลำพูน พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.ภ.จ.แพร่ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.นพดล กรึงไกร รอง ผบก.ภ.จ.น่าน เป็น รอง ผบก.ภ.จ.พะเยา พ.ต.อ.สวงน โรงสะอาด รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย เป็น รอง ผบก.ภ.จ.พะเยา พ.ต.อ.ระยอง ยังอยู่ รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย เป็น รอง ผบก.ภ.จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.อ.อักษร วงษ์ใหญ่ ผกก.สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.อ.สมบูรณ์ หอมนาน รอง ผบก.สส.ภ.5 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.น่าน พ.ต.อ.พีระ เต็มแย้ม ผกก.สภ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เป็น รอง ผบก.ภ.จ.น่าน พ.ต.อ.สมชาย เป้าพานิชย์ ผกก.สภ.สบปราบ จ.ลำปาง เป็น รอง ผบก.ภ.จ.น่าน พ.ต.อ.เดชเดชา เดชารชตะ ผกก.สภ.แม่แคว จ.น่าน เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.แพร่ พ.ต.อ.ชัชวรินทร์ บุนนาค ผกก.สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เป็น ผกก.สภ.เถิน จ.ลำปาง พ.ต.อ.ฐปพนธ์ มานพ ผกก.สภ.เมืองปาน จ.ลำปาง เป็น ผกก.สส.ภ.จ.น่าน พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผกก.สภ.เมืองแพร่ เป็น ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย

บช.ภ.6 
พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก เป็น รอง ผบก.อก.ภ.6 พ.ต.อ.เฉลิม ชัยประสิทธิ์ รอง ผบก.อก.ภ.6 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.อุตรดิตถ์ พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กรกรนาก รอง ผบก.อก.ภ.6 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.นครสวรรค์ พ.ต.อ.ธนวรรธน์ อยู่คง รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบูรณ์ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.กำแพงเพชร พ.ต.อ.สมนึก แช่มช้อย รอง ผบก.ภ.จ.ตาก เป็น รอง ผบก.ภ.จ.กำแพงเพชร พ.ต.อ.สุชาติ โสรัจจ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุตรดิตถ์ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผกก.ฝอ.ภ.จ.พิษณุโลก เป็น ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6 พ.ต.อ.รังสรรค์ กาญจนรัตน์ ผกก.สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร เป็น ผกก.ฝอ.บก.สส.ภ.6 พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ ผกก.6 บก.ทล. เป็น ผกก.ฝอ.1 บก.อก.ภ.6 พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก เป็น ผกก.ฝอ.2 บก.อก.ภ.6 พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.พระโขนง เป็น ผกก.ฝอ.3 บก.อก.ภ.6 พ.ต.อ.ดำรงค์ หมื่นอาจยิ้ม ผกก.ฝอ.2 บก.อก.ภ.6 เป็น ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.อ.ไสว ครุธผาสุข รอง ผบก.สส.ภ.6 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ตาก พ.ต.อ.จำแลง สุดใจ ผกก.สภเมืองสมุทรสาคร เป็น ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง ผกก.สน.โคกคราม เป็น ผกก.สภ.หนองปลิง จ.นครสวรรค์ พ.ต.อ.สมชัย มลฑา ผกก.สภ.ชุมตาบง จ.นครสวรรค์ เป็น ผกก.สภ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ ไกรวรวิชรสิทธิ์ ผกก.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็น ผกก.สภ.เขาบางแกรก จ.อุทัยธานี พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.สภ.เขาวิหารแดง จ.สระบุรี เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.พิษณุโลก พ.ต.อ.ไกรสิทธิ์ พรหมปฏิมา รอง ผกก.สส.เมืองอุตรดิตถ์ เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.สุโขทัย

บช.ภ.8
พ.ต.อ.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบก.ภ. จ.กระบี่ เป็น รอง ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต เป็น รอง ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.อติพัฒน์ กรึงไกร ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.9 เป็น ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ บุญนัดดา รอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เป็น รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพอาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็น ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.อ.ปรีดากลัดสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบก.ภ.จ.พังงา เป็น รอง ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รอง ผบก.สส.ภ.8 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.กิตติพงษ์ สุวรรณ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.อดิศักดิ์ เทพวรรณ รอง ผกก.ป.สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เป็น ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.8 เป็น ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผกก.ฝอ.สส.ภ.8 เป็น ผกก.สส.ภ.จ.ระนอง พ.ต.อ.นรเศรษฐ อินทร์จันทร์ ผกก.สส.ภ.จ.ระนอง เป็น ผกก.สภ.สุขสำราญ จ.ระนอง พ.ต.อ.สมชาย อิ่มใจ ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร เป็น ผกก.สภ.เมืองระนอง พ.ต.ท.สมบัติ ฉ่ำแสง รอง ผกก.ป.สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เป็น ผกก.สส.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ธีระพล ทิพย์เจริญ รอง ผบก.สส.ภ.8 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.สส.ภ.8 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.สมคิด บุญรัตน์ ผกก.ฝอ.5 บก.อก.ภ.8 เป็น ผกก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต

บช.ภ.9 
พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ.เป็นรอง ผบก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอวบ รอง ผบก.อก.ภ.9 เป็นรอง ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เป็นรอง ผบก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.มารุต เรืองจินตนา ผกก.สภ.นาทวี จ.สงขลา เป็น รอง ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.อำนาจ ดี ผกก.สภ.จะนะ จ.สงขลา เป็นรอง ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.พีระพงษ์ ฉายอรุณ ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์จ.สงขลา เป็น ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.ประพัฒน์ ศรีอนันต์ ผกก.สภ.คอหงส์ จ.สงขลา เป็น ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เป็น ผกก.ฝอ.2 บก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.โกวิท วัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เป็น ผกก.ฝอ 3.บก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.พินิจ ฤทธิเดช ผกก.ผนพ.สภ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เป็น ผกก.ฝอ.7 บก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี เป็น ผกก.ฝอ.บก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. เป็น ผกก.ฝอ.8 บก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.อภิชัย ดุษฎีพฤฒิพันธุ์ ผกก.2 บก.ทล. เป็น ผกก.ฝอ.10 บก.อก.ภ.9 พ.ต.อ.อรุษ แสงจันทร์ ผกก.7 บก.ทล. เป็น ผกก.ฝอ.บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.นิพล เหมสลาหมาด ผกก.สภ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นรอง ผบก.ภ.จ.สตูล พ.ต.อ.ชัยรัตน์ กาญจนเนตร ผกก.สภ.เมืองตรัง เป็น ผกก.สภ.เมืองสตูล พ.ต.อ.ปรีดา เปี่ยมวารี รอง ผบก.กต.8 จต. เป็น รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.มนตรี เจียมบุรเศรษฐ์ ผกก.สภ.สวนพริกไทย จ.ปทุมธานี เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.พัทลุง พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ทองแท้ ผกก.ฝบศ.ศฝร.ภ.8 เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.ตรัง

เช้าวันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งเรียกตัว พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผบก.ปอศ.มาช่วยราชการประจำ ศปก.ตร. และให้ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. ไปรักษาราชการแทน ผบก.ปอศ. คำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.58 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและประสิทธิภาพในการบริหารงานของ บก.ปอศ. โดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ รรท. ผบช.ก. กล่าวว่า เป็นการเรียกตัวมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและประสิทธิภาพของหน่วย เป็นคำสั่งของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เรียกตัวมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. โดยไม่มีกำหนด

สำหรับ พล.ต.ต.ธงชัย เป็น นรต.รุ่น 31 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สมยศ และ พล.ต.ท.ประวุฒิ มีรายงานว่าในคำสั่งด่วนให้เข้าประจำ ศปก.ตร. เป็นเรื่องปัญหาในการบริหารจัดการในหน่วยงาน บก.ปอศ. ที่มีความผิดพลาด ไม่เกี่ยวข้องกรณีจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ที่มีการโยกย้ายเครือข่ายออกนอกหน่วย
Read more ...

ผบ.ตร.ยันไม่สับเปลี่ยนรายชื่อ บัญชีแต่งตั้งรอง ผบก.ถึง ผกก.

9/1/58
โดยผู้จัดการ เมื่อ 9 ม.ค.2557

ผบ.ตร.ประชุม ก.ตร. ยันไม่สับเปลี่ยนรายชื่อตามบัญชีแต่งตั้งที่เห็นชอบไปแล้ว เชื่อแถลงเปิดคดีถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” ไร้เหตุป่วน

วันนี้ (9 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ครั้งที่ 2/2558 ว่า วันนี้มีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ถึง ผกก. วาระประจำปี 2557 เป็นการพิจารณาในขั้นตอนทางธุรการ ไม่ได้มีการเปลี่ยนรายชื่อ 1,711 ตำแหน่ง ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ก.ตร.ไปแล้ว แต่มีเพียงบางรายชื่อที่ขอสละสิทธิ์ ไม่รับตำแหน่งสูงขึ้น เช่น ในส่วนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่มีวาระเข้าประชุม

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการออกคำสั่งให้มีผลแต่งตั้งพร้อมกันวันที่ 15 ม.ค.นี้ ส่วนการแต่งตั้งระดับรอง ผกก.ถึง สว. มอบหมายให้แต่ละกองบัญชาการไปดำเนินการในลำดับถัดไป

พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารรัฐสภา ที่มีการแถลงเปิดคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า แต่ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลดูแล จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อช่วงเช้า เชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุความวุ่นวาย โดยเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจว่าขณะนี้บ้านเมืองยังอยู่ระหว่างการใช้กฎหมายพิเศษ จึงขอให้ระมัดระวังการเคลื่อนไหว หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่ให้เกินขอบเขตกฎหมาย

ส่วนการดูแลความปลอดภัยการจัดงานวันเด็ก ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจแต่ละพื้นที่จัดกำลังและมาตรการดูแลผู้ปกครองและเด็กๆ อย่างเต็มที่ โดยตำรวจจะเป็นหน่วยสนับสนุนการจัดงานตามสถานที่ต่างๆ ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ซึ่งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีการจัดงานที่สนามเสือป่าเหมือนเช่นทุกปี โดยเตรียมของขวัญสำหรับเด็กๆ ไว้มากมาย
Read more ...

นายต้องใจกว้าง

9/1/58
โดยสหบาท นสพ.ไทยรัฐ เมื่อ 9 ม.ค.2558

พูดกันมาตลอดว่า “โรงพัก” คือจุดแตกหักของตำรวจ เป็นหน้าตาขององค์กรตำรวจ การต่อสู้กับปัญหาอาชญากรรมที่มีความสลับ ซับซ้อน หรือการลดความหวาดกลัวภัยให้กับประชาชนเพื่อก้าวให้ทันอาชญากรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “สถานีตำรวจ” เป็นจุดต่อสู้ทุกปัญหา

เป็นเรื่องที่พูดกันมาตลอดของตำรวจผู้ใหญ่ แต่ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายมีการสลับสับเปลี่ยนตำรวจ โดยไม่สนใจความเหมาะสมกับพื้นที่ ไม่ปล่อยให้ตำรวจเกาะติดพื้นที่ จนเกิดปัญหาไม่คุ้นเคยพื้นที่

ยังไม่รวมหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจ “ชุดอรินทราช 26” ในสังกัด บช.น. และ “ชุดนเรศวร 261” ในสังกัด บช.ตชด. “ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด” ในสังกัด บก.สปพ.บช.น. ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษที่ดีที่สุดของตำรวจ

เป็นเสมือนหน่วยงานสนับสนุนที่ทรงคุณค่า

ภารกิจพิเศษสำคัญเร่งด่วนที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ การเคลื่อนตัวของหน่วยพิเศษเข้าถึงพื้นที่อาจไม่ทันต่อสถานการณ์ จำเป็นต้องฝึกฝนพัฒนาตำรวจในพื้นที่ ให้พร้อมปฏิบัติได้อย่างทันต่อสถานการณ์

มีนายตำรวจที่คิดจัดฝึกอบรม “ชุดสวาท” ของแต่ละภาค และจังหวัดรองรับเหตุฉุกเฉิน

กำหนดรูปแบบการฝึกให้ได้คนที่พร้อมอยู่ในทีม จัดฝึกร่วมกันเพื่อความคล่องตัวในการสนธิกำลัง ในการปฏิบัติงาน คนที่ผ่านการฝึกฝนจนสำเร็จได้เข้าไปถ่ายทอดให้ตำรวจในหน่วยเพื่อขยายศักยภาพหน่วยในพื้นที่

พอขออนุมัติงบประมาณเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์พิเศษ อาวุธปืน ยานพาหนะเพื่อใช้ปฏิบัติงานในแต่ละพื้นที่กลับถูกผู้ใหญ่หั่นงบประมาณ และลดอุปกรณ์ที่จำเป็นลงมาจนไม่เหลือสภาพชุดปฏิบัติการพิเศษ

ไม่ใช่ไม่มีงบประมาณจัดซื้อ แต่เป็นแค่ความคิดผู้ใหญ่บางคนที่ “ใจแคบ” มองข้ามความสำคัญชุดปฏิบัติการพิเศษที่รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน คิดแต่เรื่องแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

ไม่เคยให้ความสำคัญบุคลากรที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ นายตำรวจที่มีความเพียบพร้อม ผ่านการฝึกฝน จนมีความชำนาญกลับไม่ได้รับการสนับสนุนลงในตำแหน่งที่เหมาะสม

อดีตของตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษที่ร่วมฝึกซ้อมร่วมเหล่าทัพประจำปี เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น เครื่องมืออุปกรณ์ที่ล้าสมัยสุดๆ ยานพาหนะที่ใช้เป็นของส่วนตัวที่ดัดแปลงใช้ชั่วคราว ต่างจากทหารทุก เหล่าทัพที่ครบเครื่อง

แต่ไม่เคยมี “นาย” คนไหนสนใจ เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญในภารกิจชุดปฏิบัติการพิเศษ

แต่มีปัญหาฉุกเฉิน...ก็ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม...
Read more ...

วิบากกรรม...ป้ายโฆษณาฉาว พันโยงใยล้างบางตำรวจนครบาล

8/1/58
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 8 ม.ค.2558

กลายเป็นเรื่องยาวตั้งแต่เดือนต.ค. 57 ต่อเนื่องมาถึงปีนี้...คดีเสร็จแต่ไม่จบ??? ภายหลัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ตรวจสอบพบความผิดปกติในการใช้พื้นที่ราชพัสดุบริเวณป้อมตำรวจจราจรตามแยกต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ถูกต้อง โดยมีการใช้อำนาจของนายตำรวจในพื้นที่ไปลงนามกับบริษัทเอกชนผู้ประกอบกิจการป้ายโฆษณาไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ

ตอนนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้วิเคราะห์ศึกษากฎหมายจนสรุปได้ว่าพฤติกรรมของนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง 73 นายระดับ รองผบก.-สารวัตรใน 67 สถานีตำรวจกระทำผิดวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบของทางราชการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา, สั่งการในหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ, ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ทางราชการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ

รวมถึงกระทำการประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันถือเป็นข้อห้ามการกระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้เสียระเบียบแบบแผนของตำรวจอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 78 (1) (2) (9) และ (15) แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จึงได้มีคำสั่งให้ผบก.น.1-9 ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจในแต่ละสังกัดที่พบว่ามีป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร

ผลการสอบสวนทางวินัยของแต่ละพื้นที่ออกมาแล้วชัดเจน อาทิ...พื้นที่บก.น.1 ไม่พบว่าผิดวินัยจึงได้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้แก่ สน.ห้วยขวาง สน.ดุสิต สน.สามเสน แต่พบว่า ผิดวินัยร้ายแรงได้แก่ สน.ดินแดงและ สน.พญาไท

พื้นที่บก.น.3 พบมีความผิดแต่ไม่ร้ายแรง 3 สน.ได้แก่ สน.มีนบุรี สน.ลำผักชี และ สน.จรเข้น้อย โดยทาง บก.น.3 ได้เสนอลงโทษให้ภาคทัณฑ์ไว้

พื้นที่บก.น.6 ไม่พบว่าผิดวินัยจึงได้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้แก่ สน.จักรวรรดิ สน.พลับพลาไชย 2 แต่ที่ พบว่าผิดวินัยร้ายแรง ได้แก่ สน.ปทุมวัน 2.สน.บางรัก 3.สน.พระราชวัง 4.สน.พลับพลาไชย 5.สน.สำราญราษฎร์และ 6.สน.ยานนาวา

พื้นที่บก.น.7 พบว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรงจึงสั่งลงโทษภาคทันฑ์ 4 สน.ได้แก่สน.บางกอกน้อย สน.บางเสาธง สน.ธรรมศาลาสน.ศาลาแดง ส่วน สน.ท่าพระ คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ผิดวินัย จึงได้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

พื้นที่บก.น.8 มี 3 สน. ผิดวินัยไม่ร้ายแรงสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ได้แก่สน.บุปผาราม สน.สำเหร่และ สน.บุคคโลขณะที่อีก 4 สน.ได้แก่สน.บางมดสน.ปากคลองสาน สน.บางคอแหลม สน.สมเด็จเจ้าพระยาไม่พบผิดวินัย จึงมีคำสั่งให้ยุติการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ

จากผลการสอบสวนทางวินัยครั้งนี้...กลายเป็นชนวนเหตุให้มีการยื่นหนังสือจากบช.น.ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าสู่ที่ประชุมก.ตร.ในการขอโยกย้ายนายตำรวจที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยในกรณีต่าง ๆ ไปด้วย…ดังนี้ นายตำรวจระดับรองผบก.14 นายถูกเสนอชื่อย้าย แต่มีแบบไม่สมัครใจย้าย 7 นายและสมัครใจย้าย 7 นาย ระดับ ผกก.โยกย้ายออกนอกหน่วย 59 นายไม่สมัครใจย้าย 44 นายและสมัครใจย้าย 15 นายแบ่งเป็นกรณีป้ายโฆษณา 38 นาย…

นอกจากนั้นเป็นในส่วนของการถูกตั้งกรรมการเรื่องบ่อนการพนัน 1 นาย กรณีทหารรายงานความมั่นคง 1 นายบกพร่องงานรับเสด็จ 2 นายกรณีสถานบริการถูกจับกุม 1 นายและจับกุมการค้าน้ำมันเถื่อน 1 นาย

ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยถึงกระบวนการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่า ตนพิจารณาด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและการพิจารณาโยกย้ายก็จะเป็นไปตามข้อเท็จจริงในเรื่องการกระทำผิดที่สำคัญก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช.ฉบับที่ 88 หากมีการไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองก็สามารถทำได้ตามสิทธิของแต่ละคนแต่ทุกอย่างที่ทำไปนั้นล้วนเป็นไปตามกฎระเบียบและประกาศ คสช.ใครทำผิดก็ต้องดำเนินการ

“ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล้างบางแต่เกิดจากการกระทำที่ทำให้รัฐเสียหายก็ต้องดำเนินการทางวินัยทั้งทางกฎหมายอาญาและส่วนที่มีนายตำรวจไปร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.นั้นก็ไม่ทราบว่าทำไมนายตำรวจที่ร้องเรียนรู้ได้อย่างไรว่าจะถูกโยกย้ายเพราะคำสั่งแต่งตั้งยังไม่ออกและการย้ายในกรณีป้ายก็ไม่มากถึง 60 นายตามข่าว ตอนนี้ขอนายตำรวจทุกนายทำงานไปตามหน้าที่ผู้บังคับบัญชาไม่คิดจะเอาเป็นเอาตายขอให้ทำงานต่อไป” ผบช.น.กล่าว

ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะคณะกรรมการการกำหนดนโยบายการใช้อาคารสถานที่ และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายโฆษณาบนป้อมจราจรว่าหลังจากได้มีการยื่นหนังสือถึงกรมธนารักษ์เพื่อสอบถามในกรณีนี้กรมธนารักษ์ตอบยืนยันกลับว่าป้ายโฆษณาส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดที่มีรั้วรอบขอบชิดเป็นที่ของราชพัสดุอย่างแน่นอน

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่าเบื้องต้นกรมธนารักษ์แนะนำให้ดำเนินการให้ถูกต้องอาจต้องตรวจสอบว่ากระทำการมากี่ปีแล้วและดำเนินการจ่ายค่าเช่าย้อนหลังต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าป้ายใดอยู่ในพื้นที่สน.ใดพร้อมทำรายงานแจ้งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ามีบริษัทใดบ้างที่ทำป้ายโฆษณาให้กับ สน.ต่าง ๆ เพื่อขออนุญาตให้ถูกต้องโดยก่อนหน้านี้การจัดทำป้ายโฆษณาบนป้อมจราจรนั้นไม่เคยมีการยื่นหนังสือขอความเห็นชอบผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก่อนเลย

ขณะเดียวกันมีกลุ่มนายตำรวจที่พัวพันกับคดีความผิดป้ายโฆษณาในสังกัด บช.น.จัดทำเอกสาร 2 แผ่นเตรียมยื่นขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร. ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ที่จะมีการพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบก.-ผกก.กรณีถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบของทางราชการฯ

เอกสารระบุว่ากรณีการสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณในพื้นที่ บช.ภ.1-9 บช.ก.ก็มีติดตั้งแต่สอบเฉพาะบช.น.เท่านั้นถือเป็นการเลือกปฏิบัติ และการลงทัณฑ์ก็ไม่เป็นธรรมเพราะกรรมการของแต่ละส่วนในทั้งระดับบก.น.และบช.น.มีความเห็นต่างในความผิดฐานเดียวกัน

นอกจากนี้กรณีการปรับย้ายผู้ดำรงตำแหน่งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปีทั้งในและนอกหน่วย บช.น.ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ไปยังตร.โดยมีหมายเหตุว่าทำให้เกิดความเสียหายสมควรปรับย้ายและมีการปรับย้ายโดยไม่รอผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว โดย บช.น.พยายามเร่งรัดผลการดำเนินการทางวินัยจึงขอให้ชะลอการแต่งตั้งโยกย้ายด้วย
จึงเป็นเรื่องหนักที่ทางก.ตร.จะต้องมีการหารือกันอย่างละเอียดรอบคอบเพราะทุกฝ่ายทุกข้อโต้แย้งหรือข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็มีระเบียบและกฎหมายรองรับกันแต่ก็มีขัดกันบางช่วงบางตอน...คงต้องดูผลการประชุมก.ตร.นัดปีใหม่นี้ผลจะออกมาอย่างไรเพราะหากออกมาดีชัดเจนการโยกย้ายรองผบก.-สารวัตรจะได้ไหลลื่นแต่หากสะดุดก็ต้องมาปรับแก้กันต่อไป.
Read more ...

พิษป้ายโฆษณาป้อมตำรวจย้ายล้างบางนครบาล

8/1/58
โดยคมชัดลึก เมื่อ 8 มกราคม 2558

เช้าตรู่วันที่ 7 มกราคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปี 2558 แต่กลับมีประเด็นร้อน เพราะการประชุมของ ก.ตร.นัดนี้ เป็นการประชุมเพื่อพิจารณาคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงไปจนถึงระดับสารวัตร

การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ เป็นไปตามวาระ ซึ่งคงไม่แตกต่างจากครั้งอื่นๆ แต่ในครั้งนี้กลับได้รับความสนใจจากสังคมมากเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายไม่นาน เกิดคดีประวัติศาสตร์ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพวกอีกหลายคน ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และพัวพันการรับผลประโยชน์จากธุรกิจนอกกฎหมาย มีนายตำรวจในเครือข่ายหลายคนถูกดำเนินคดี บางรายถูกโยกย้ายพ้นจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้ การแต่งตั้งครั้งนี้จึงมีการคาดการณ์ตั้งแต่แรกว่า นายตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่อยู่ในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำนวนไม่น้อยจะถูกย้ายพ้นตำแหน่งเดิม ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาด เมื่อมีนายตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมากถึง 130 ราย ถูกโยกย้าย และในจำนวนนั้นมีถึง 56 ตำแหน่ง ถูกย้ายออกนอกหน่วย

ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ถูกจับตามอง เพราะก่อนหน้าการแต่งตั้งโยกย้ายรอบนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. มีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจในสังกัดมากถึง 76 โรงพัก หลังจากพบความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการติดตั้งป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจทั่วกรุงเทพมหานครรวม 133 ป้าย นำมาสู่คำสั่งโยกย้ายตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลออกนอกหน่วยมากถึง 73 ตำแหน่ง แบ่งเป็นระดับรอง ผบก. 14 นาย ส่วนอีก 59 นาย เป็นระดับ ผกก. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การย้ายล้างบางครั้งนี้เป็นเรื่องต้องการนำตำรวจบุคคลใกล้ชิดเข้ามาในพื้นที่นครบาลแทนคนในขั้วอำนาจเก่า ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยืนยันว่า ทำถูกต้องและพร้อมที่จะรับผิดชอบหากมีกรณีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

"บางคนที่โดนโยกย้ายก็มีหลายเรื่อง ทั้งเรื่องส่วย การพนัน และป้ายโฆษณา ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มาตรา 57 ของ พ.ร.บ.ตำรวจที่สามารถชี้แจงได้ หากผิดผมต้องรับผิดชอบ ผมมารับงานเมื่อ 1 ตุลาคม 2557 เมื่อพบความผิดก็ต้องว่ากันไปตามความเป็นจริง" พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าว

ทั้งการติดตั้งป้ายโฆษณาแอลอีดีบนป้อมตำรวจ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556 ในยุคที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำสัญญากับบริษัทป้ายโฆษณาที่มีชื่อย่อว่า "ส." มีที่ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว โดยบริษัทแห่งนี้เสนอมอบเงินให้กองทุนช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ในปีแรกจำนวน 4 ล้านบาท ต่อมาในปี 2557 ช่วงที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้อนุมัติให้มีการรับเงินอีก 2 งวด งวดละ 6 แสนบาท รวม 1.2 ล้านบาท กระทั่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พบความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงมีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนขึ้น

หลังจากมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ ป้ายโฆษณาแอลอีดีที่เคยติดตั้งอยู่บนป้อมตำรวจหลายจุดก็ถูกระงับการใช้งาน และบางแห่งถูกรื้อถอนออกไป แต่ในบางจุดอย่างเช่น ที่แยกพัฒนาการ ยังคงเปิดใช้งานตามปกติ

ผู้สื่อข่าวเนชั่นได้สอบถามไปยังตัวแทนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจดังกล่าว ทราบว่า ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการทำป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจจะมีอยู่ 3 ส่วน คือ บริษัทที่ลงนามกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งอ้างว่ามีการนำเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีอยู่เพียง 11 ป้ายเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นบริษัทอื่นที่ทำป้ายโฆษณาในลักษณะเดียวกัน แต่เงินที่ได้ไม่เข้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีอยู่ 20-30 จุด โดยป้ายโฆษณาเหล่านี้ใช้ไฟฟ้าของหลวง ส่วนที่เหลือจัดอยู่ในกลุ่มที่ 3 เป็นป้ายโฆษณาที่ผู้บริจาคสร้างป้อมตำรวจจัดทำขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้มีการดำเนินการมานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยตัวแทนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจ จึงมองว่าน่าจะเป็นการหาประเด็นเพื่อโยกย้ายตำรวจมากกว่า

สำหรับป้ายโฆษณาแอลอีดี ที่มีการติดตั้งทั้ง 133 ป้าย บริษัทชื่อย่อ "ส." แห่งนี้ จะเป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด โดยจะปล่อยให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้โฆษณาสินค้า ซึ่งคิดอัตราค่าเช่าเป็นรายเดือน มีอัตราค่าเช่าตั้งแต่ 5 แสน-1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีการเซ็นสัญญาเช่าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนต่อครั้งต่อราย ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วพบว่า ผลประโยชน์จากป้ายโฆษณานี้จะสูงหลายร้อยล้านบาทต่อเดือน กลายเป็นคำถามตามมาว่า ผลประโยชน์มหาศาลจำนวนนี้ตกไปอยู่ในมือใคร
Read more ...

“บิ๊กปู” ชงชื่อย้ายล้างบาง ผกก. - รอง ผบก.73 เก้าอี้

7/1/58
โดยผู้จัดการ เมื่อ 7 ม.ค.2558 เวลา  14:05 น.

ที่ประชุมก.ตร.มีมติสั่งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบกน.-สารวัตร ตามต้นสังกัดที่เสนอมา โดยเฉพาะบช.น. สั่งเด้งผกก. ออกนอกหน่วย 59 ตำแหน่งและรองผบก.อีก 14 เก้าอี้ ซึ่งเกี่ยว

โยงกับการติดตั้งป้ายโฆษณาฉาว พร้อมตั้งกรรมการสอบ ชี้เป็นเรื่องที่รัฐทำให้เสียหาย ขณะที่บช.ก.ไม่น้อยหน้า สั่งโยกพ้นหน่วยเป็นระดับรองผบก. 12 นาย ผกก.44 นาย ซึ้่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายพงศ์พัฒน์อดีตบช.ก.

วันนี้(7 ม.ค.)เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ โดยมีวาระสำคัญคือการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รองผบก.) ถึง สารวัตร (สว.) ประจำปี 2557 โดยหน่วยงานซึ่งเป็นที่จับตามองมากที่สุดได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้าราชการตำรวจในสังกัดดังกล่าว

ถูกตั้งข้อหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการกระทำความผิดในหลายกรณี

สำหรับบรรยากาศการประชุมนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า พบมีนายตำรวจระดับ ผกก.ในบช.น.หลายนายมาสังเกตการณ์ในการประชุมแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังการประชุมว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ ผบก. ถึง สว. ของทุกหน่วยงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด ทั้งนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ได้เรียกผู้บัญชาการของแต่ละหน่วยงานเข้ามาชี้แจงรายละเอียดว่ามีเหตุผลใดในการโยกย้ายแต่ละตำแหน่ง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาในแต่ละหน่วยงานแต่ละภาคในการลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ขณะที่ ก.ตร.เป็นผู้มาตรวจสอบความถูกต้องให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับต่างๆเท่านั้น ซึ่งรายชื่อทุกหน่วยงานก็เรียบร้อยดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุม ก.ตร. ได้ท้วงติงในส่วนใดหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาในแต่ละหน่วยงานเป็นผู้แต่งตั้ง ไม่ใช่ ก.ตร. ผมยังไม่รู้จักเลยว่าใครเป็นใครบ้าง จึงเรียกทางผู้บัญชาการให้มายืนยันว่าบัญชีที่ส่งมามีรายละเอียดอย่างไร ก.ตร.ก็มาตรวจสอบว่าคนไหนเป็นอย่างไร และเป็นไปตามกฎระเบียบต่างๆหรือไม่ เนื่องจากมันมีกฎระเบียบในการแต่งตั้งของ ก.ตร. เยอะอยู่แล้วที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามบัญชีของกองบัญชาการที่เสนอเข้ามา ส่วนรายชื่อจะเปิดเผยวันไหน เดี๋ยว ผบ

.ตร.จะเป็นผู้กำหนดวันให้มาลงนามพร้อมกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงในก.ตร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก.ตร.เป็นเพียงผู้ตรวจสอบความถูกต้อง จะไม่เข้าไปก้าวก่ายใดๆทั้งสิ้น อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ท้วงติง อะไรถูกต้องก็ปล่อยไป ไม่ต้องไปสนใจ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีของ อดีต ผบช.ก. รองนายกฯ กล่าวว่า การเสนอชื่อแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องของ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รรท.ผบช.ก. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงาน บช.ก. ในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมและลงนามแต่งตั้ง ในส่วนของ ก.ตร. เพียงตรวจสอบให้ตรงตามกฎระเบียบเท่านั้น เราไม่ลงไปในรายละเอียดว่าใคร

เป็นอย่างไร เราทำด้วยความยุติธรรม และเป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง เชื่อว่าทุกกองบัญชาการได้ใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการทุกขั้นตอนแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องห่วง อย่าไปห่วงอะไรมาก ตำรวจไม่เสียกำลังใจ เขารู้ว่าผิดยังไง พวกเขาเข้าใจ ส่วนจะฟ้องก็ให้ฟ้องไป ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมก.ตร. เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบก.-สว.ทุกกองบัญชาการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี แต่กองบัญชาการที่ใช้เวลาพิจารณายาวนานที่สุดคือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากมีผู้ที่ย้ายออกพอสมควร และมีตำแหน่งที่ย้ายเข้ามาจากหลายๆพื้นที่ และก็มีการสอบถามบ้าง โดยทั่วไปคณะกรรมการได้รับทราบบัญชีรายชื่อที่ส่งไปและให้พิจารณาก่อนแล้ว ซึ่งไม่มีการท้วงติงในเรื่องที่ค่อนข้างจะมีปัญหา ทุกอย่างเรียบร้อยดี โดยขั้นตอนวันนี้ถือว่าก.ตร.ให้ความเห็นชอบแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการที่ออกคำสั่งแต่งตั้ง แต่ละกองบัญชาการในส่วนที่ย้ายเข้ามาตนก็เป็นคนออกคำสั่งแต่งตั้ง ในส่วนที่ย้ายออกไปกองบัญชาการที่เป็นปลายทางก็มีการออกคำสั่งแต่งตั้งในส่วนของเขา นอกจากนี้ก.ตร. ไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนชื่อในที่ประชุม มีแค่อำนาจเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น แต่ก็มีการติงบางจุดเท่านั้นเอง ขณะที่ในส่วนของบช.ก. มีแค่จุดเดียว ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ก็ปรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามระเบียบใหม่การรับผิดชอบจริงๆ จะต้องอยู่ที่ผู้บัญชาการหรือว่าอยู่ที่ก.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เป็นส่วนๆไป คือทางกองบัญชาการก็มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ตามกฎหมายและกฎระเบียบ และตรวจสอบเรื่องของอาวุโส การครองตำแหน่ง เรื่องระเบียบต่างๆในเรื่องของการย้าย รวมทั้งคุณสมบัติเฉพาะตัว ตำแหน่ง หลังจากนั้นก็มีหน้าที่เรื่องความชอบหรือความถูกต้อง โดยไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง เสมอภาค เรื่องที่กองบัญชาการรับผิดชอบในส่วนนั้น และมีการเสนอชื่อขึ้นไป



ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ที่จะฟ้องร้องคือฟ้องกับผู้บัญชาการแต่ละภาค ไม่เกี่ยวข้องกับก.ตร. โฆษก.ตร. กล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าจะฟ้องประเด็นไหน ถ้าฟ้องเยียวยาก็จะขอให้ทางก.ตร.ช่วย ก็แล้วแต่ว่าจะร้องตรงไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก.ตร.ไม่ต้องไปรับผิดชอบกับเรื่องการฟ้องร้องหรือไม่ เพราะตำรวจหลายนายยังสับสนเกี่ยวกับเรื่องว่าใครจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า อยู่ที่ว่าจะร้องหรือว่าจะขอความเป็นธรรมในส่วนไหน ถ้าส่วนที่เกี่ยวข้องกับก.ตร. ก็เป็นเรื่องของการร้องขอความเป็นธรรมกับก.ตร. ส่วนถ้าจะไปฟ้องร้องก็แล้วแต่เขาจะฟ้องต้องดูว่าฟ้องอะไร ตอนนี้ไม่ทราบว่าเขาจะฟ้องอะไรหรือเปล่า แต่ในส่วนของบช.ก. ส่วนใหญ่ไปด้วยความสมัครใจ ซึ่งมีบันทึกสมัครใจ จริงๆแล้วออกก็ไม่เยอะ รองผู้การกับผู้กำกับ รวมแล้ว 56 นาย รองผู้การ 12 นาย ผู้กำกับ 44 นาย โดยในจำนวนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอดีตบช.ก. เกือบทั้งหมด ซึ่งความเกี่ยวพันในที่นี้หมายความว่า ต้องดูว่าเรื่องไหน ในเรื่องแต่งตั้งอาจจะมีเรื่องของเป็นเจ้าหน้าที่ในการแต่งตั้ง หรือแต่งตั้งขึ้นมาโดยรวดเร็ว ก็อยู่ในตำแหน่งได้นานๆ หรือเป็นเรื่องของการเข้าไปรับรู้รับเห็นหรือนหน้าจะรับรู้รับเห็น แต่บางท่านเพื่อความสบายใจ ก็ขอทำบันทึกสมัครใจย้ายออกไปเอง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามาทำงาน ก็เป็นเรื่องของสปิริต

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ซื้อขายตำแหน่งในบช.ก. ส่วนนี้ถูกย้ายออกด้วหรือไม่ โฆษก.ตร. กล่าวว่า ถูกย้ายออกด้วย แต่อย่าเหมารวมกับ 56 นาย ก็มีการพิจารณารวมๆกัน แต่ละนายก็มีเหตุผลในแต่ละเรื่อง ซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดนี้ยืนยันว่าดูแล้วก็น่าจะมีการปรับย้าย เพราะเป็นเรื่องของการไว้เนื้อเชื่อใจด้วย และเป็นเรื่องของหน่วยงานความมั่นคง ต้องมีเสถียรภาพพอสมควรในเรื่องการทำงาน ในส่วนของรองสารวัตรและรองผู้กำกับที่เกี่ยวข้องกับอดีตผบช.ก. ที่ถูกย้ายออกตอนนี้ตัวเลขยังเคลื่อนไหวตลอด ไม่ทราบว่าเท่าไหร่แต่คงไม่เยอะเหมือนที่เป็นข่าว

อย่างเช่นผู้กำกับกับรองผู้การก็ไม่เยอะ เมื่อมาดูผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆแล้วไม่เท่าไหร่ ต้องเอาผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆไม่ใช่เหวี่ยงแห ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนสารวัตรกับรองผู้กำกับน่าจะเยอะ ตัวเลขไม่น่าจะถึงร้อย

“จะมีการนัดลงนามกันก่อนวันที่ 9 ม.ค. และให้มีผลวันที่ 15 ม.ค. แต่ถ้ามีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานอื่น ก็คงจะต้องมีการนัดประชุมก.ตร.อีกครั้งในวันที่ 12 ม.ค. และก็ลงนามภายในวันนั้น ก็คงมีส่วนน้อยมากหรืออาจจะไม่มี ถ้าไม่มีส่วนนี้ก็ลงนามวันที่ 9 ม.ค. และมีผลวันที่ 15 ม.ค. ส่วน 12 ม.ค. เว้นไว้เผื่อแก้ไขเพิ่มเติม เพราะต้องตรวจในเรื่องของความถูกต้องต่างๆ ในเรื่องของอายุงาน คือเผื่อไว้กรณีที่ว่าจำเป็น” พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว

***บช.น.เด้ง 59 ผกก.เข้ากรุ เซ่นพิษป้ายฉาว

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น. ) กล่าวภายหลังชี้แจงกับ ก.ตร.ว่า ตนได้เข้าไปชี้แจงทุกประเด็น จนก.ตร.เข้าใจแล้ว ทั้งนี้กรณีมีบัตรสนเท่ห์เข้ามาร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งในบช.น.ตนก็นำมาพิจารณา แต่ไม่มีผกก.คนใดการลงนามว่าใครร้องเรียนก็ไม่รู้จะสอบใคร เราพิจารณาข้อเท็จจริงในบัตรสนเท่ห์ แต่ก็ไม่พบข้อเท็จจริง ทั้งนี้การแต่งตั้งในบช.น.ชี้แจงไปว่าทำตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 88/2557 และตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2557 มาตรา ที่ 57 นำข้อเท็จจริงประกอบกฎหมาย ส่วนกรณีตำรวจที่บกพร่องจากกรณีติดตั้งป้ายโฆษณาก็ได้ชี้แจงเหตุที่โยกย้ายไปว่าเป็นกลุ่มที่ถูกดำเนินการทางวินัย ซึ่งเป็นกลุ่มน้อย เหตุผลหลักในการเสนอโยกย้ายในบช.น.ตามที่ชี้แจงต่อก.ตร.ประกอบด้วย 

1.ความเหมาะสมในการวางตัวบุคคลในภารกิจรับเสด็จฯ 

2.ในสน.ที่มีปริมาณคดีอาญากรณีเหตุการณ์ชุมนุม 2557 จำนวนมากจึงจำเป็นต้องแต่งตั้ง ผกก.ที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถในงานสอบสวน มาสอบสวนสำนวนที่ค้างอยู่เสร็จสิ้น 

3.การรายงานข้อมูลจากหน่วยความมั่นคง 

4.ข้อมูลถูกดำเนินการทางวินัย จากกรณีถูกจับกุมอบายมุขเป้าหมายตามนโยบายหลักของตร. กรรีถูกดำเนินการทางวินัยกรณีป้ายโฆษณา และกรณีดำเนินการทางวินัยอื่นๆ และ 

5.นำผลการปฏิบัติงานดีเด่นกรณีได้รับรางวัลดีเด่นต่างๆมาพิจารณา เห็นได้ว่าเรื่องป้ายโฆษณาเป็นเรื่องย่อยๆ ทุกตำแหน่งพิจารณาตามเกณฑ์เหล่านี้

ผบช.น.กล่าวว่า บช.น.ได้พิจารณาแต่งตั้ง

ออกนอกหน่วยทั้งสิ้น 73 ตำแหน่ง 
สับเปลี่ยนจากนอกหน่วยเข้าในหน่วย 68 ตำแหน่ง แยกเป็นระดับ 

รอง ผบก.ออกนอกหน่วย 14 ตำแหน่ง สมัครใจ 6 ตำแหน่งไม่สมัครใจ 8 ตำแหน่ง 
ผกก.ออกนอกหน่วย 59 ตำแหน่ง 
กรณีไม่สมัครใจ 44ตำแหน่ง 
สมัครใจ 15 ตำแหน่ง 

เฉพาะกรณีป้ายโฆษณา ในระดับผกก. ไม่สมัครใจย้ายออก 38ตำแหน่ง สมัครใจ 7 ตำแหน่ง 

กลุ่มที่ไม่สมัครใจแต่เรามีเหตุผลที่ย้ายเพราะมีความบกพร่อง ทั้งนี้ ก.ตร.เห็นชอบทุกตำแหน่ง กำชับว่าทำตามกฎระเบียบ โดยระดับ รอง ผกก.และสารวัตรก็พิจารณาด้วยเกณฑ์เดียวกัน หากกระทบเรื่องป้ายฯก็พิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป

การแต่งตั้งครั้งนี้ผมพิจารณาโดยยึดประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ผมมีหน้าที่ดูแลหน่วยให้เรียบร้อย แต่งตั้งตามอำนาจหน้าที่ ยืนยันไม่มีเถยจิต(แปลว่า จิตคิดจะขโมย, ความคิดที่จะลัก หมายถึงความคิดจะถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้ ด้วยอาการแห่งโจร คือมีเจตนาลัก ฉ้อ โกง ตระบัด เป็นต้น)กับใคร ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน หากมีการฟ้องร้องก็ต้องรับสภาพ เป็นตำรวจ หนีไม่ได้ ผมว่าผมทำด้วยความเป็นธรรม ผมว่าแต่งตั้งถูกแล้วดำเนินการด้วยประโยชน์สูงสุดแล้ว ไม่มีเถยจิตกับใครเพราะผมไม่รู้จักใคร ผมยืนยันคนที่ย้ายไป 100เปอร์เซ็นต์ ถูกตั้งกรรมการหมด ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐเสียหายทั้งสิ้น” ผบช.น.กล่าว

เมื่อถามว่า ในบัตรสนเท่ห์มีการตั้งข้อสังเกตว่าจงใจตั้งกรรมการ เพื่อหวังผลโยกย้าย พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งในนครบาล เมื่อตรวจสอบพบมีการรับเงินมิชอบ จึงรายงาน ตร. แล้วตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว ใครจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ตนย้ำว่าไม่เกี่ยวทุกตำแหน่งเพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมือง ถ้าอยู่ในตำแหน่งแล้วปล่อยให้บุกรุกที่ของรัฐหาประโยชน์คนนั้นก็ควรพิจารณาตัวเอง การแต่งตั้งทำตามกระบวนการ ทั้งนี้ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับป้ายบางคนก็ไม่ถูกโยกย้ายด้วยเหตุผลอื่นประกอบ เป็นคนทำงานดีก็ไม่ถูกย้าย ทำตามประกาศ คสช. ทั้งนี้มีผกก.2 รายที่ดีรับรางวัลโรงพักดีเด่น แต่ไม่พิจารณาเลื่อนเป็นรองผบก.เนื่องจากถูกตั้งกรรมการเรื่องป้ายฯส่วนโรงพักดีเด่น รายอื่นๆและกลุ่มที่อาวุโสได้ขึ้นหมด

ผบช.น. กล่าวว่า ในที่ประชุม ประธานก.ตร.พูดว่าก.ตร.มีหน้าที่ทักท้วงให้เป็นไปตามระเบียบ ตนก็เรียนว่าทำตามระเบียบ ที่สงสัยก.ตร.จะถามเป็นรายๆ ก.ตร.ได้บอกว่าหากมีการฟ้องร้อง ผบช.ต้องรับผิดชอบ ตนก็พร้อมรับผิดชอบ ยืนยันทำตามกฎหมายระเบียบ ผมทำตามระเบียบตนไม่ยอมติดคุกหรอก หากทำตามกฎหมายแล้วไม่เป็นธรรมแล้วอะไรจะเป็นธรรมอีก กติกากลางมีจะเอาตามใจไม่ได้
Read more ...

พญาไม้" ถามไว้ตรงนี้ แล้ว ประชาชน ต่างจังหวัดเป็น ถังขยะ ไว้รองรับตำรวจที่เห็นว่าเลวอย่างนั้นหรือ

7/1/58
โดย ข่าวข้นคนเข้ม พญาไม้ pradej@hotmail.com นสพ.ข่าวสด เมื่อ 7 ม.ค.2558

หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ฉบับประจำวันพุธที่ 7 มกราคม 2558... เจ็ดวันผ่านไปไวเหมือนติดปีก 230 วันของงานคืนความสุขที่ กองทัพ แห่งชาติเข้ามามีบทบาท เป็นผู้กำหนด ชะตากรรม แผ่นดิน "พญาไม้" ยืนยันประโยคนี้ เพราะ ประวัติศาสตร์ บอกไว้ว่าแค่ กองทัพ กับ กฎอัยการศึก นั้น ยับยั้ง การต่อสู้เรียกร้อง ของประชาชนไม่ได้... ไม่ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ แห่งมวลมหาประชาชน หรือ จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แห่งมวลชนคนเสื้อแดง ที่หยุดยั้งไม่กระทำการเผชิญหน้ากับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งในฐานะหัวหน้าปฏิวัติกับนายกรัฐมนตรี ก็เพราะเชื่อว่า การปฏิวัติ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นการเปิด ทางออก ให้ประเทศและหยุดสงครามประชาชน... คืนความถูกต้องให้กับการปกครองประเทศ คืน ประชาธิปไตย ให้กับประชาชน ตามสัญญา "เราจะทำตามสัญญา" ปัญหาก็ไม่เกิด

หากผิดพลาดลากยาวตามใจพวกเรือดพวกปลิง แผ่นดิน จะกลับไปใหม่สู่ความวุ่นวายสารพัดสารพัน... ทหารที่ดีจะไม่ทำแบบที่ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ เคยว่า "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" ปะหน้า พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ว่า "จ๊อดกับพี่ยึดเหมือนกัน" น้องๆ ที่เขายึดอำนาจ พี่ก็เตือนไปตามที่หวังดี แต่สื่อไปแปลความกันให้วุ่นวาย เข้าใจผิดพลาดกันไปหมด...

จะย้ายตำรวจนครบาล กว่าครึ่งร้อยนาย ออกไปภูธร "พญาไม้" ถามไว้ตรงนี้ แล้ว ประชาชน ต่างจังหวัดเป็น ถังขยะ ไว้รองรับตำรวจที่เห็นว่าเลวอย่างนั้นหรือ หรือคนต่างจังหวัดไม่ใช่คนไทย...
Read more ...

'ประวิตร'ยัน ก.ตร.เห็นชอบตามที่เสนอ

7/1/58
โดยกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เมื่อ 7 ม.ค.2558 เวลา 13:26 น.

"พล.อ.ประวิตร" รองนายกฯ ยัน "ก.ตร." เห็นชอบตามที่แต่ละกองบัญชาการ เสนอโยกย้ายตร.เข้าที่ประชุม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นชอบตามที่แต่ละกองบัญชาการเสนอมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยเรียบร้อย ในการพิจารณา ก.ตร.ไม่ได้ก้าวก่าย มีเพียงการท้วงติงในสิ่งที่อาจผิดกฎข้อบังคับเท่านั้น

พร้อมปฏิเสธว่าตนไม่ได้รับใบสนเท่ห์ร้องขอความเป็นธรรมของตำรวจที่ถูกโยกย้ายโดยเชื่อว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยทำถูกต้องตามกฎหมายและตามขั้นตอนทุกอย่าง ส่วนกรณีจะมีนายตำรวจฟ้องศาลปกครองนั้น ถือเป็นสิทธิฟ้องได้หลังการประชุมขั้นตอนต่อไป ผู้บัญชาการของทุกกองบัญชาการจะสามารถลงนามคำสั่งได้ในวันที่ 9 มกราคม เพื่อให้มีผลในวันที่ 15 มกราคม.
Read more ...

ก.ตร.ประชุมพิจารณาโผแต่งตั้งโยกย้าย

7/1/58
โดยไทยพีบีเอส เมื่อ 7 ม.ค.2558

วันนี้ (7 ม.ค.2558) มีการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ วาระแรกของปี 2558 ซึ่งมีตั้งแต่ระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ แต่การแต่งตั้งครั้งนี้ก็มีการ้องเรียนว่า การจัดโผ ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่กองบัญชากรตำรวจนครบาล ที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยึดผลการสอบสวนกรณีป้ายไฟจราจร ที่แต่ละพื้นที่ ถูกสอบสวนว่าผิดวินัยและอาญา มาเป็นหนึ่งในข้อพิจารณา รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ

วันนี้ (7 ม.ค.2558) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 57 ซึ่งเลื่อนมาประชุมในวาระปี 2558 ของนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ถึงสารวัตร โดยเฉพาะตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจนครบาล

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องมีการพิจารณาอย่างเป็นธรรม ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนให้ทบทวนคำสั่งโยกย้ายจากเรื่องป้ายโฆษณาบนป้อมจราจรได้ส่งเรื่องให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาแล้ว

มีรายงานว่า การประชุมวันนี้ที่เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 น.เพราะมีการพิจารณาแต่ละพื้นที่อย่างละเอียด เริ่มจากพื้นที่ภาคใต้ก่อนทั้งตำรวจภูธรภาค 8 ภาค 9 และศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ จากนั้นจะเป็นกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อด้วยตำรวจภูธรภาค 3 ภาค 4 และภาคตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 2 ภาค 7 ภาค 5 ภาค 6 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจสันติบาล ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน กองบัญชาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจและหน่วยขึ้นตรง

ในวันนี้่ (7 ม.ค.) พล.ต.ท.ศรีวรา รังสิพราหณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าชี้แจงต่อ ก.ตร.ด้วย พร้อมเปิดเผยโผโยกย้าย ข้าราชการตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งหมด 73 ตำเเหน่ง เเบ่งเป็น รองผู้บังคับการ 14 นาย ผู้กำกับการ 59 นาย โดยยืนยันว่าดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย ของ พ.ร.บ.ตำรวจที่สามารถชี้เเจงได้ ขณะเดียวกันที่บริเวณด้านหน้าห้องประชุม มีรายงานว่า มีข้าราชการตำรวจที่คาดว่าจะถูกโยกย้ายจำนวนหนึ่ง ได้มาอยู่ในบริเวณดังกล่าวเพื่อสังเกตการณ์การประชุม ก.ตร. ด้วย

ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่า ที่ประชุมมีความเห็นชอบตามที่แต่ละกองบัญชาการเสนอมาทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในการพิจารณา ก.ตร.ไม่ได้ก้าวก่าย มีเพียงการท้วงติงในสิ่งที่อาจผิดกฎข้อบังคับเท่านั้น พร้อมปฏิเสธว่า ตนไม่ได้รับใบสนเท่ห์ร้องขอความเป็นธรรมของตำรวจที่ถูกโยกย้าย โดยเชื่อว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยทำถูกต้องตามกฎหมายและตามขั้นตอนทุกอย่าง

ส่วนกรณีจะมีนายตำรวจฟ้องศาลปกครองนั้น ถือเป็นที่สามารถสิทธิฟ้องได้ หลังการประชุมขั้นตอนต่อไป ผู้บัญชาการของทุกกองบัญชาการจะสามารถลงนามคำสั่งได้ในวันที่ 9 มกราคม เพื่อให้มีผลในวันที่ 15 มกราคม 
Read more ...

‘บิ๊กป้อม’นั่งหัวโต๊ะก.ตร.ถกโยก ‘ผกก.-รอง ผบก.’

7/1/58
โดยคมชัดลึก เมื่อ 7 ม.ค.2558

‘พล.อ.ประวิตร’ นั่งหัวโต๊ะก.ตร. ถกโยกย้าย ‘ผกก.-รองผบก.’ ด้าน ‘ผบ.ตร.’ แจงมีหนังสือขอความเป็นธรรมฉบับเดียว ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/วันที่ 7 ม.ค.58 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานการประชุม ก.ตร. 7 ม.ค.58 ครั้งที่1/58 ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 88/2557 มีการแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้การแต่งตั้งระดับ ผกก.- รองผบก.ต้องนำรายชื่อเข้าที่ประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาก่อนออกคำสั่งต่างจากเดิมที่ผบช.ออกคำสั่งก.ตร.ชุดนี้มีการปรับแก้ ไม่มีผู้ทรงคุณวุฒิ จากการแต่งตั้ง/เลือกตั้ง

สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เป็นรองประธาน ,พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ,พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ,พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ,พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ,พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ,พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก กรรมการ...รอง ผบ.ตร. และ กรรมการ...จตช. ,พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ และลำดับการชี้แจง แต่ละหน่วยงาน...ภ.8/ภ.9/ศชต./บช.น./บช.ก.ภ.3/ภ.4/ภ.1/ภ.2/ภ.7/ภ.5ภ.6/สตม./ตชด./ปส./บช.ส.สพฐ./สทส./บช.ศ./นรป./รร.นรต.รพ.ตร./หน่วยขึ้นตรง สง.ผบ.ตร.ประชุมก.ตร.

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวเปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า การแต่งตั้งส่วนของบชน.และบชก.กรณีบัญชีรายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย ผู้บัญชาการเป็นผู้นำเสนอให้คณะกรรมการตำรวจ หรือ ก.ตร. พิจารณาอย่างรอบคอบและเป็นธรรม หากมีความผิดพลาดผู้บัญชาการต้องรับผิดชอบ หรือหากไม่ถูกต้อง ก.ตร. ก็มีสิทธิพิจารณาเพื่อความเหมาะสม ซึ่งขณะนี้มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนายตำรวจในสังกัดนครบาล เพียง 1 ฉบับ เรื่องขอให้ทบทวนคำสั่งโยกย้ายจากเรื่องป้ายโฆษณาบนป้อมจราจร ซึ่งตนได้ส่งหนังสือดังกล่าวให้ ผบช.น. รับทราบและนำไปทบทวนการพิจารณา โดยวันนี้ก็เชิญผู้บัญชาการมาชี้แจงและแจ้งเหตุผลโดยต้องตอบคำถามสังคมได้ ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

‘บิ๊กป้อม’ ยัน ก.ตร.เห็นชอบตามที่แต่ละกองบัญชาการเสนอ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ 7 ม.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นชอบตามที่แต่ละกองบัญชาการเสนอมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยเรียบร้อย ในการพิจารณา ก.ตร.ไม่ได้ก้าวก่าย มีเพียงการท้วงติงในสิ่งที่อาจผิดกฎข้อบังคับเท่านั้น พร้อมปฏิเสธว่าตนไม่ได้รับใบสนเท่ห์ร้องขอความเป็นธรรมของตำรวจที่ถูกโยกย้ายโดยเชื่อว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยทำถูกต้องตามกฎหมายและตามขั้นตอนทุกอย่าง

ส่วนกรณีจะมีนายตำรวจฟ้องศาลปกครองนั้น ถือเป็นสิทธิฟ้องได้หลังการประชุมขั้นตอนต่อไป ผู้บัญชาการของทุกกองบัญชาการจะสามารถลงนามคำสั่งได้ในวันที่ 9 มกราคม เพื่อให้มีผลในวันที่ 15 มกราคม
Read more ...

เชิญ น.1 แจง ก.ตร. เด้ง ผกก.‘ป้ายไฟ’

7/1/58
โดยไทยรัฐ เมื่อ 7 ม.ค.2557 เวลา 07:05 น.

รายบุคคลผบ.ตร.ยันไม่กระทบโผย้ายตร.

ก.ตร.ส่วนหนึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมนายตำรวจที่โดน “พิษป้ายโฆษณา” จ่อเชิญ “ศรีวราห์” ชี้แจงเป็นรายบุคคล ส่วน “สมยศ” มั่นใจไม่ส่งผลที่ประชุมแต่งตั้งโยกย้ายสะดุด ยอมรับที่ผ่านมาไม่ได้ตรวจสอบสัญญา กระทั่ง ผบช.น.ตรวจพบจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย นายกฯลั่นคนเราต้องยอมรับผิด ไม่ใช่ไม่ยอมรับแล้วออกมาสู้ “ประวิตร” ย้อนถามผิดหรือไม่ถึงจะขอความเป็นธรรม ด้าน 2 รองผู้การนครบาลทำฉาวอีกพัวพันสถานนวดเพื่อสุขภาพเถื่อน มีสารวัตรท่องเที่ยวแจมด้วย แย้ม “โผ น.” บรรดา “ผกก.ภูธร” เข้ากรุงอื้อตามคาด ส่วนกองปราบปรามล้าง ผกก.เก่าเกลี้ยง รอง ผบก.รั้งเก้าอี้แค่ 2 คน

เรื่องวุ่นเกี่ยวกับป้ายไฟโฆษณาป้อมจราจรที่พ่นพิษจ่อเด้ง ผกก.โรงพักทั่วกรุงถึงขั้น พ.ต.อ.ที่เกี่ยวข้องจะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร.ให้ชะลอการแต่งตั้งโยกย้าย ความคืบหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ม.ค. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะคณะกรรมการกำหนดนโยบายการใช้อาคาร สถานที่และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมแนวทางการอนุญาตติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์บนป้อมจราจร เพื่อให้ถูกต้องและเป็นบรรทัดฐานเดียวกันทั่วประเทศ และหาข้อสรุปความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ ตร. ในการพิจารณาความผิดกรณีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ตามป้อมตำรวจทั่ว กทม. ทำให้ บช.น.เสนอบัญชีโยกย้ายระดับรอง ผบก.ถึง สว.ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า มีการพิจารณาด้วยกัน 3 ประเด็น ประเด็นแรกกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า ป้อมตำรวจทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 6 พันป้อม เป็นพื้นที่ของราชพัสดุ แนะนำให้ดำเนินการตามระเบียบ พบมีการติดตั้งป้ายโฆษณา 805 ป้อม เป็นส่วนของ บช.น. 173 ป้อม คณะกรรมการมีมติเสนอให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ให้ ผบช.ทุกภาคไปสำรวจว่า ได้ทำสัญญากับบริษัทใดแล้วรวบรวมสู่คณะกรรมการนำข้อมูลเสนอกรมธนารักษ์ หากกรมธนารักษ์เห็นชอบที่จะให้มีการโฆษณาต่อ บริษัทต้องไปทำสัญญากับกรมธนารักษ์มีการเสียภาษีและทำสัญญาให้ถูกต้องตามขั้นตอน

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ 2 จะมีการพิจารณาในส่วนที่ สตง.มีหนังสือสอบถาม ผลการดำเนินการในคดีรวมถึงข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม คณะกรรมการจะพิจารณาว่าจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างไร รวมถึงจะให้ในแต่ละ บช.ดำเนินการชี้แจงในข้อมูลใดบ้าง และสุดท้ายในกรณีบริษัทเอกชนทำสัญญาไว้กับ บช.น.ว่ามีความถูกต้อง หรือไม่ และจะดำเนินการโฆษณาต่อไปจนหมดสัญญาได้หรือไม่ โดยต่อไปในอนาคตเมื่อจะมีการติดตั้งป้ายต้องมีการเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบ แม้ว่าจะเป็นส่วนของที่ราชพัสดุก็จริง แต่อยู่ในการดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ ผบช.ทุกภาคต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพราะต้องมีการเข้าสู่การพิจารณา ของ ก.ตร. ตนคิดว่า ก.ตร.น่าจะเป็นที่พึ่งให้กับข้าราชการตำรวจทุกนายที่อยู่ในบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ตนเป็นหนึ่งใน ก.ตร.ยืนยันว่าจะให้การแต่งตั้งเป็นธรรมกับทุกคน บัญชีการแต่งตั้งของ บช.น.คงจะมีการเชิญ ผบช.น.มาชี้แจงเป็นรายบุคคลอย่างแน่นอน เพราะหากไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ก.ตร.อาจจะถูกฟ้องได้ ในที่ประชุม ก.ตร.ตนก็ต้องชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องป้ายโฆษณาด้วย

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งแต่งตั้ง ที่ไม่เป็นธรรมยืนยันว่า ก.ตร.ทุกคนจะให้ความเป็นธรรมดำเนินการตามหลักการ ใครที่กระทำผิดต้องพิจารณาลงโทษ ตั้งกรรมการสอบสวนเป็นไปตาม กฎหมาย ก.ตร.ทุกคนจะนำเอาระเบียบกฎหมายเป็นหลัก ไม่ได้พิจารณารายละเอียดตัวบุคคล แต่จะยึดระเบียบกฎหมาย ต้องเห็นใจผู้บังคับบัญชาอยากจัดการหน่วยให้ได้ดี แต่ที่มีข่าวปรากฏออกมาจะให้ความเป็นธรรมตามกฎ ก.ตร.ในเรื่องการแต่งตั้งให้มากที่สุด ไม่อยากให้ตำรวจฟ้องร้องกันเอง ก.ตร.มีหน้าที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เชื่อว่านายตำรวจระดับนี้มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถระดับหนึ่ง คงเป็นอีกเรื่องจะพูดในที่ประชุม

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ย้ำว่า การแต่งตั้งระดับรอง ผบก.ถึง สว.เป็นอำนาจของ ผบช.ในแต่ละ บช. ทาง ก.ตร.จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆทั้งสิ้น บัญชีแต่งตั้งที่ทำโดย ผบช.จะถูกส่งให้ ก.ตร.พิจารณา หรือรับทราบเท่านั้น แต่ต้องมาชี้แจงข้อซักถามของ ก.ตร. ต้องมีเหตุผลในการตอบคำถามของสังคม และข้อสงสัยของคนทั่วไปด้วย หากจะมีการเข้ามาร้องเรียนในวันที่ 7 ม.ค.คงไม่ทำให้การประชุม ก.ตร.หยุดชะงัก ตนเชื่อว่า ตำรวจมีวินัย การที่จะมาชุมนุมร้องเรียนอะไรก็แล้วแต่ต้องไตร่ตรองให้ดีว่า มันถูกมันควรหรือไม่ เพราะมีช่องทางในการร้องเรียนได้อยู่แล้ว การที่จะมาแสดงออก หรือการชุมนุม ขอฝากบอกน้องๆเหล่านั้นด้วยว่า ให้ใคร่ครวญให้ดี คิดว่าอะไรที่ใครได้ทำไว้อันเป็นผลมาจากการกระทำ ต้องยอมรับ ในสิ่งที่ตัวกระทำ เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาทุกท่านไม่มีอคติในการแต่งตั้งโยกย้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปเซ็นสัญญาเรื่องป้ายโฆษณาโดยที่มีผู้ใหญ่หลายท่านเข้าร่วมด้วย แสดงว่าไม่มีการตรวจเรื่องนี้มาก่อนใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศตอบว่า ในช่วงเวลานั้นคิดว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ภาคเอกชนสามารถสนับสนุนการทำงานของตำรวจ หรือหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดก็แล้วแต่ ทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประชาชนก็น่าจะทำได้ ยังไม่มีการตรวจพบการทำสัญญาระหว่าง ผบช.น.คนเก่ากับบริษัทเอกชนว่าไม่ถูกต้อง การตรวจพบสัญญาที่ไม่ถูกต้องเป็นการตรวจพบของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.และดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากไม่ดำเนินการก็ต้องมีความผิดเอง ต้องเห็นใจด้วย ส่วนผลประโยชน์จะไปตกอยู่ที่ใครคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกำลังดำเนินการอยู่

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ยืนยันว่า ส่งเรื่องไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาไม่ใช่เรื่องของตนที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ฐานะเป็นผู้บัญชาการคัดเลือกรายชื่อตำรวจในสังกัดเสนอ ผบ.ตร.พิจารณา ให้ ก.ตร.มีความเห็นชอบก่อนเสนอกลับมา และรับคำสั่งมาออกคำสั่งเท่านั้น ข่าวที่ว่า ผกก.ถูกย้ายเรื่องป้ายโฆษณาจะยื่นหนังสือร้องทุกข์ ก็ยังไม่เห็นมีใครส่งหนังสือเข้ามาร้องเรียนสักราย มีแต่เพียงบัตรสนเท่ห์ ผกก.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องป้ายไม่ได้ถูกย้ายทุกคน บางพื้นที่ได้รับการยุติการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงก็มี มีผลงานดี มีบทลงโทษทางวินัยก็ลงโทษทางวินัย การแต่งตั้งโยกย้ายนั้นเป็นเรื่องทางปกครอง ส่วนป้ายไฟที่มีปัญหายังเปิดโฆษณาอยู่ต้องดูกฎหมายแพ่งจะไปรื้อถอนหรือไม่ คาดว่าน่าจะใช้วิธีฟ้องขับไล่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต้องเป็นผู้ดำเนินการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผยถึงการจ่อโยกย้ายล้างบางตำรวจ นครบาลว่า ต้องว่ากันตามกฎหมาย ตนบอกมาตลอดว่า อย่าเอาการกระทำความผิดที่ต้องได้รับโทษมาบอกว่าจะทำให้เกิดความไม่มั่นคง ต้องยอมรับกระบวนการลงโทษ วันหน้าก็กลับมาทำงานปกติ คนเราต้องยอมรับผิด ไม่ยอมรับแล้วออกมาสู้กันหรือตนถามไปเหมือนกันว่า จะมีปัญหาหรือไม่ ตำรวจยืนยันว่า ไม่มีปัญหา ผบช.น.ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นคนปรับย้าย มีขั้นตอนกลั่นกรองมา ถ้ามีการฟ้องร้องศาลก็ไปต่อสู้ในศาล หากมีผู้ทำผิดแล้วไม่ลงโทษไม่ได้

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.กล่าวถึงกรณี ผบช.น.เสนอโยกย้ายนายตำรวจสังกัดระดับ ผกก.สังกัด บช.น.ลอตใหญ่ที่พัวพันคดีป้ายโฆษณาติดตั้งบนป้อมจราจรออกนอกหน่วยว่า ถ้าย้ายต้องผิด ถ้าไม่ผิดย้ายได้ไหม ต้องถามว่า ผิดหรือไม่ และเจ้าตัวผิดไหมถึงจะขอความเป็นธรรม เป็นอำนาจของ ผบช.น.เป็นคนทำ ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วไปย้ายคนส่งเดชได้หรือ การโยกย้ายไม่ใช่อยากจะย้ายใครก็ย้ายได้ เพราะมีขั้นตอนการดำเนินการ ผู้บัญชาการก็ต้องชี้แจงด้วยว่าจะย้ายใคร ไม่ใช่ทำโดยตามอำเภอใจ

มีรายงานว่า ในวันที่ 7 ม.ค. เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ก.ตร.วาระ พิเศษเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบก.จนถึง สว.ที่ห้องประชุม 1 ตร. สำหรับรายชื่อในส่วนของ บช.น.ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนนั้น มีการเสนอ ตำรวจภูธรเข้ามาลงตำแหน่งตามคาด อาทิ พ.ต.อ.ชุมพล กาญจนโยธิน ผกก.สภ.สว่างแดนดิน จ. สกลนคร เป็น ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.อ.พรเทพ ถิ่นอุดม ผกก.สส.ภ.จ.มหาสารคาม เป็น ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.สาโรจน์ ขวัญบุญ ผกก.สภ.หนองแสง จ.อุดร-ธานี เป็น ผกก.สน.ลาดกระบัง พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.ภ.จ.อยุธยา นรต.รุ่น 35 ร่วมรุ่น ผบช.น.เป็น ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เป็น ผกก.สด.บช.น. พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ อดีต ผกก.สภ.พัทยา จ.ชลบุรี ที่ถูกเด้งเข้ากรุ ศปก.ตร.เป็น ผกก. สน.บวรมงคล

พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักกยภาพวิชาภรณ์ ผกก.ฝอ.ภ.จ.สุโขทัย เป็น ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.อ.ประสิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สภ.หางน้ำสาคร จ.ชัยนาท เป็น ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.อ.ศุภสิทธิ์ ประชากิตติคุณ ผกก.สภ.ช้างใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น ผกก.สน.บางชัน พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็น ผกก.5 บก.จร. พ.ต.อ.อรรถพร วงษ์ศิริปรีชา ผกก.สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็น ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.อนุวัฒน์ สุวรรณภูมิ ผกก.สภ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็น ผกก.สน.ทุ่งครุ พ.ต.อ.ณัฐวิชย์ อิทธิพาภิรมย์ ผกก.สภ.แม่ระมาด จ.ตาก เป็น ผกก.สน.บางเขน พ.ต.อ.สุวิชา จินดาคำ ผกก.4 บก.ปทส. ลงเป็น ผกก.สน.บางบอน พ.ต.อ.เชิดชาย สัตตบุศย์ ผกก.สภ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี เป็น ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.อ.สมโภช ทัศนา ผกก.สภ.ดงนคร จ.นครนายก เป็น ผกก.สน.ปากคลองสาน พ.ต.อ.สมฤกษ์ ชัยสุทัศยาสันต์ ผกก.สภ.กุดบาก จ.สกลนคร เป็น ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.อุดม ธุระงาม ผกก.สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็น ผกก.สน.บางนา พ.ต.อ.โกสินทร์ กาญจนโกมล ผกก.สภ.ไชยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เป็น ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.อ.จิณวัตร สอนทองดี ผกก.สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง เป็น ผกก.สน.บุคคโล

สำหรับ บช.ก.ที่พัวพันเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. มีการปรับย้ายระนาว ตามคาด โฟกัสที่กองบังคับการปราบปราม ระดับ รอง ผบก.ป. เหลือเพียง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. และ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง นอกนั้นออกนอกหน่วยเปิดทางให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.ศรายุทธ สงวนโภศัย รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.จิระพงศ์ พัฒนพงษ์พานิช รอง ผบก.ปส.2 บช.ปส. พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.อก.บช.ภ.1 พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.น.4 มานั่งเป็น รอง ผบก.ป. ระดับ ผกก. มี พ.ต.ท.มารุต กาญจนขัยธกุล รอง ผกก.ปพ.บก.ป. ขึ้นเป็น ผกก.ฝอ.บก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 บก.ป.ขยับนั่ง ผกก.1 บก.ป. เต็มตัว พ.ต.ท.ไพโรจน์ โรจนขจร รอง ผกก.6 บก.ป. เป็น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.สส.ภ.จ.นครนายก เป็น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรมัย ผกก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต เป็น ผกก.4 บก.ป.พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.8 บก.รน. เป็น ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณพงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.ภ.3 เป็น ผกก.6 บก.ป.

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เซ็นคำสั่งที่ 730/2557 ลงวันที่ 31 ธ.ค.2557 เรื่องให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.ท.ชนะเทพ สวนแก้ว สว.กก.2 (กาญจนบุรี) บก.ทท. เกี่ยวข้องกับสถานบริการร้าน “สบายดี 99” และสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ “ร้านเบสท์แลนด์” เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าเข้าทำการจับกุม หลังมีตำรวจร้องเรียนมา ผบช.น.จึงให้ บก.สส.บช.น.เข้าจับกุม พบ พ.ต.อ.อนุชาโทรศัพท์เข้ามาหมายเลขของผู้ต้องหา ขอคุยกับชุดจับกุมฝากให้ช่วยดูแลเจ้าของร้าน ส่วน พ.ต.อ.บุญส่งโทรศัพท์ฝากอำนวยความสะดวก มี พ.ต.ท.ชนะเทพสั่งให้ ด.ต.อำพร ศรชัย ผู้ใต้บังคับบัญชา เข้ามาติดต่อขอให้ช่วยเรื่องคดีและขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แต่ชุดจับกุมไม่ยินยอม จึงแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. เป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลมาโดยเร็ว
Read more ...

ร้อง ก.ตร. ผกก.โดนล้างบาง73 พ.ต.อ.พ้นนครบาล ขู่ฟ้องถึงศาลปกครอง

6/1/58
โดยข่าวสด เมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 09:21 น.

"ศรีวราห์"ยันทำถูกต้อง

ผกก.นครบาลรวมตัวร้องก.ตร. ขอความเป็นธรรมถูกผบช.น.เสนอย้ายออกนอกหน่วยกราวรูด ระบุข้ออ้างความผิดเรื่องป้ายโฆษณาเป็นการเลือกปฏิบัติ อีกทั้งผลการสอบและการลงโทษก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจะร้องศาลปกครองต่อไป ขณะที่"ศรีวราห์"ย้ำเหตุที่ต้องย้ายเพราะมีความผิด เรื่องป้ายเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ยังมีความผิดอื่นๆ ทั้งส่วย บ่อน งานบกพร่อง ยืนยันทำทุกอย่างตามกฎระเบียบ เผยมีนายตำรวจต้องถูกเด้งพ้นนครบาลมากถึง 73 นาย แบ่งเป็นรองผบก. 14 นาย ผกก. 59 นาย ขณะที่ "ประวุฒิ"แจงในส่วนบช.ก.มีโยกย้ายแค่ 100 นาย ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายเก่าของ"บิ๊กกิ๊ก"

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผกก.สถานีตำรวจนครบาลหลายโรงพักรวมกลุ่มยื่นหนังสือถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผบ.ตร.ในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม โดยหนังสือมีเนื้อหาสรุปว่า ด้วยพวกกระผมถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบราชการ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทำให้เสียระเบียบแบบแผนของตำรวจอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีการหยิบยกการสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณ ที่สนับสนุนการสร้างป้อมจราจร

อีกส่วนหนึ่งได้ติดตั้งป้าย แอลอีดี ซึ่งได้ติดตั้งตามผู้บังคับบัญชาระดับบช.น.สั่งการให้อำนวยความสะดวก และแบ่งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับตร. บช.น. และระดับบก.น.1-9 โดยคณะกรรมการระดับตร.สืบ สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับป้ายโฆษณาของบริษัทแพลนบี จำกัด ซึ่งยังไม่มีผลสรุปการสืบสวน คณะกรรมการระดับบช.น. ผลการสืบสวนยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด และคณะกรรมการระดับบก.น.1-9 ผลก็ยังไม่เป็นข้อสิ้นสุดเช่นกัน ดังนั้นกลุ่มผู้ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ผิดหรือไม่ผิด

พวกกระผมกลุ่มข้าราชการตำรวจผู้ถูกกล่าวหาขอ เรียนดังนี้

1.การสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณที่สนับสนุนการสร้างป้อมจราจร และการติดตั้งป้ายแอลอีดีก็มีอยู่ในบช.ภาค 1-9 ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว แต่ไม่มีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง คงมีแต่เฉพาะในบช.น.เท่านั้นอันเป็นการเลือกปฏิบัติ

2.ไม่มีมาตรฐานในการลงทัณฑ์ เนื่องจากกรรมการของแต่ละส่วนทั้งระดับบช.น. และบก.น. ซึ่งในความผิดฐานเดียวกัน บางบก.น.ยุติเรื่อง บางบก.น.กักยาม และบางบก.น.ภาคทัณฑ์ แต่เมื่อเสนอทัณฑ์ไปยังบช.น. ก็ยังไม่มีข้อยุติในการพิจารณาการลงทัณฑ์ไปในแนวทางเดียวกัน

3.สำหรับ กรณีเสนอผู้ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปี ซึ่งการปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งอีกทั้งในหน่วยและนอกหน่วยบช.น. ซึ่งต้องขอยกเว้นไปยังคณะกรรมการฯยกเว้น ซึ่งตร.เป็นผู้แต่งตั้งได้มีหมายเหตุข้างท้ายว่า "ก่อให้เกิดความเสียหายสมควรปรับย้าย" แต่มีการปรับย้ายโดยไม่รอผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมีกรอบยกเว้นหลักเกณฑ์คือต้องเสนอรายชื่อในวันที่ 17-19 ธ.ค.2557 อีกทั้งผู้ถูกลงทัณฑ์สามารถอุทธรณ์การลงทัณฑ์ได้ แต่ยังมิได้รอผลการอุทธรณ์ กลับนำมาประกอบการพิจารณาปรับย้ายในวาระนี้อย่างเร่งรีบ

4.กรณีผู้ดำรงตำแหน่งครบกำหนดวาระระยะเวลา 2 ปี จึงได้ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จึงน่าจะมีหมายเหตุข้างท้ายว่า "ก่อให้เกิดความเสียหายสมควรปรับย้ายแต่ไม่มีการปรับย้าย" โดยไม่รอผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว อีกทั้งผู้ถูกลงทัณฑ์สามารถอุทธรณ์การลงทัณฑ์ได้แต่ยังมิได้รอผลการอุทธรณ์ แต่กลับนำมาพิจารณาปรับย้ายในวาระนี้อย่างเร่งรีบ

5.บช.น. พยายามเร่งรัดผลการดำเนินการทางวินัยไปยังแต่ละบก.น. และกรรมการ บช.น.ให้พิจารณาผลการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยไม่ปฏิบัติตามกรอบและเงื่อนไขระยะ เวลาตามกฎก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเล็งเห็นว่า หรือประสงค์ต่อให้ทันวาระการแต่งตั้งประจำปี เพื่อเป็นเหตุให้หยิบยกในการพิจารณาข้อบกพร่องหรือข้อเสียหายดังที่ปรากฏ หนังสือทวงถามไปยังแต่ละบก.น. หรือคณะกรรมการ บช.น. โดยเร่งรัดการรายงานผลว่า บุคคลผู้ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ก่อความเสียหายให้แก่ หน่วยหรือไม่ จึงเป็นการเร่งรัดคณะกรรมการเกินกรอบ และเงื่อนระยะเวลาตามที่กำหนดดังกล่าว

6.คณะกรรมการสืบสวน ข้อเท็จจริง ยังไม่ได้รวบรวมพยาน หลักฐาน หรือสอบปากคำ ผู้เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน เพื่อประกอบคำพิจารณาทัณฑ์ให้แล้วเสร็จ ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานตามที่ได้แจ้งกลับตามผู้ถูกกล่าวหาทุกนาย

จึงเรียนมาเพื่อขอความเป็นธรรมต่อก.ตร. คือ 1.ให้ชะลอการแต่งตั้งจนกว่าจะทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จ จริงในความผิดที่ถูกกล่าวหา 2.หากจะนำเรื่องการสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณในการสร้างป้อมจราจร การติดตั้งป้ายแอลอีดีมาพิจารณาในการโยกย้าย ให้พิจารณาให้เท่าเทียมกันทุกบช. เพื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน 3.ขอสงวนสิทธิ์ในการฟ้องร้องคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ตัวแทนกลุ่มผกก.ที่เข้ายื่นร้องขอความเป็นธรรม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าถูกย้ายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมจะร้องศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรมต่อ ไป

วันเดียวกันที่บช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงการโยกย้ายผกก.ออกนอกนครบาลกว่า 60 สน. จากทั้งหมด 88 สน. ว่า เบื้องต้นได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว โดยดำเนินการตามประกาศคสช. ฉบับที่ 88/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ โดยให้ก.ตร.พิจารณา และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการอยู่แล้ว

"ไม่ทราบเลยว่ามีนายตำรวจในสังกัด บช.น.ไปร้องทุกข์กับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และไม่ทราบด้วยว่านายตำรวจที่ร้องเรียนนั้น รู้ได้อย่างไรว่าจะถูกย้าย เพราะคำสั่งแต่งตั้งยังไม่ออก ทุกอย่างทำไปตาม กฎระเบียบ ถ้าจำเป็นก็ต้องดำเนินการ" ผบช.น.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีผกก.ที่ถูกย้ายจากความผิดเรื่องป้ายโฆษณาทั้งหมดกี่ราย ผบช.น. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่แต่ละบก.ต้องรายงานขึ้นมา เมื่อรายงานมาแล้วพบว่ากระทำผิดเกี่ยวกับป้ายจราจร ก็มีผกก.ไม่ได้สมัครใจย้ายจำนวน 38 นายเท่านั้น ขณะนี้ผบ.ตร.ยังไม่ได้เรียกไปชี้แจงแต่อย่างใด มีแต่ส่งหนังสือมาให้ทบทวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงบางรายเท่านั้น

ผบช.น. กล่าวอีกว่า ไม่มีผกก.สังกัดบช.น.ถูกย้าย 60 กว่านาย จะมารู้ดีกว่าคนทำบัญชีแต่งตั้งได้อย่างไร ที่ว่าถูกย้าย 60 กว่านายจากเรื่องป้ายโฆษณานั้น เป็นเรื่องเท็จและไม่เป็นความจริง ขอให้รอดูคำสั่งแต่งตั้งที่ผ่านการพิจารณา ยืนยันว่าไม่ได้เสนอชื่อให้ย้ายผกก.กว่า 60 นาย ทุกอย่างทำตามประกาศคสช.ฉบับที่ 88 และกฎระเบียบที่ตั้งไว้

เมื่อถามว่าผกก.เข้าร้องทุกข์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า สามารถดำเนินการได้ เป็นสิทธิ์ของผู้ร้อง แต่เรื่องกระทำความผิดรัฐเสียหาย หรือบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อน และส่วยอื่นๆ อย่างสถานบริการ จะให้พิจารณาว่าเรียบร้อยดี คงไม่ได้ ตนมีเหตุผลที่ชี้แจงได้ เพราะเป็นผู้เสนอรายชื่อให้ก.ตร.พิจารณา

ต่อข้อถามว่าถือ เป็นการล้างบางตำรวจ นครบาลหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า ถ้าการ กระทำดังกล่าวเป็นการทำให้รัฐเสียหาย แล้วปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว จะเรียกว่าล้างบางหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ แต่ถ้ารัฐเสียหายต้องดำเนินการทางกฎหมาย ไม่ใช่แค่โทษทางวินัย ต้องดำเนินคดีอาญาและแพ่ง โดยจะต้องดำเนินการทั้งหมดตามกฎระเบียบ ไม่ไช่ตนนั่งพิจารณาคนเดียวในเรื่องความเสียหายของรัฐ แต่ให้บก.พิจารณา ส่วนพิจารณาแล้วเป็นความผิดอย่างไรก็ว่ากันไปตามความผิด

เมื่อถามถึงกรณีมีผกก.ขอลาออก พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า มีการพิจารณา 2 ราย พ.ต.อ. เชวงศักดิ์ สินสูงสุด ผกก.สน.สายไหม ที่มีอาการเจ็บป่วย โดยได้รับรายงานจากพล.ต.ต. ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 ว่า ประสบอุบัติเหตุจากรถชนทำงานไม่ไหว เมื่อออกจาก ร.พ.จึงขอลาออกก่อนจะมีคำสั่งให้ทำบัญชีโยกย้าย และอีกรายจะเกษียณอยู่แล้วจึงขอลาออกไปทำธุรกิจ ไม่มีการเปิดทางให้ตำแหน่งว่างแต่อย่างใด ใครจะฟ้องร้องก็เป็นไปตามสิทธิ์ที่จะฟ้อง ไม่มีปัญหา กรณีการติดตั้งป้ายโฆษณาถือเป็นการกระทำความผิดอาญา ถ้าไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

"ขอให้นาย ตำรวจทุกนายทำงานไปตามหน้าที่ของท่าน เราไม่เคยคิดจะไปเอาเป็นเอาตาย ไม่มีเรื่องอะไรจะไปรังแกน้องๆ ขอให้ทำงานของท่านไป อย่าเอาเรื่องที่ไม่เรียบร้อยต่อบ้านเมือง อ้างเป็นเหตุให้เสียขวัญกำลังใจ ถ้ารัฐเสียหายมีความผิดอาญาก็ต้องดำเนินการ เพราะถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งก็มีความกังวลบ้าง แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง เจ้าหน้าที่รัฐจะหาประโยชน์ไม่ได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผิดก็คือผิด" ผบช.น.กล่าว

รายงานข่าวจากบช.น.เปิดเผยว่า สรุปรองผกก.-ผกก.สังกัดบช.น.ที่จะถูกย้ายออกนอกหน่วย มีทั้งหมด 73 นาย ระดับรองผบก. ไม่สมัครใจย้าย 7 นาย สมัครใจย้าย 7 นาย รวมมีรองผบก.ย้ายออกจากนอกนครบาล 14 นาย ส่วนระดับผกก. ไม่สมัครใจย้าย 44 นาย แบ่งเป็นกรณีป้ายจราจร 38 นาย

นอกจากนี้ยังมีกรณีถูก ตั้งกรรมการเรื่องบ่อนการพนัน 1 นาย กรณีทหารรายงานเรื่องความมั่นคง 1 นาย กรณีบกพร่องงานรับเสด็จ 2 นาย กรณีสถานบริการถูกจับกุม 1 นาย กรณีน้ำมันเถื่อน 1 นาย

ส่วนที่สมัครใจและขอย้ายไปตามที่หน่วยอื่นร้องขอ จำนวน 15 นาย รวมแล้วมีผกก.ย้ายออกนอกหน่วยทั้งสิ้น 59 นาย

ทางด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. เปิดเผยว่า ขณะนี้การจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับผกก.-รองผบก.ของบช.ก. ประจำปี 2557 เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เตรียมส่งให้ก.ตร.พิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.นี้ สำหรับนายตำรวจที่จะถูกย้ายออกนอกหน่วยมีประมาณ 100 นายเท่านั้น ไม่มากตามที่มีกระแสข่าวออกมา ซึ่งมีทั้งที่ย้ายเพื่อสับเปลี่ยนตำแหน่งกันภายในหน่วย เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและแนวคิดในการทำงาน แต่มีระดับผกก.ถึงร้อยละ 50 ที่ถูกเสนอชื่อโยกย้ายเนื่องจากการกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายอดี ตผบช.ก.ตามที่ทราบกันดี ทั้งนี้มีสาเหตุหลัก 4 ประการที่นำมาพิจารณา คือ 1.คดีน้ำมันเถื่อน 2.ความผิดเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายโดยมิชอบ 3.คดีบ่อนการพนัน และ 4.คดีพนันฟุตบอลออนไลน์เครือข่ายอาบูบาก้า

ผู้สื่อข่าวถามถึงการโยกย้ายในบช.น. มีจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า การโยกย้ายระดับผกก.ในบช.น.อาจมีจำนวนมาก เนื่องจากหลายตำแหน่งกระทำความผิดทั้งเรื่องวินัย ความบกพร่องในงานรับขบวนเสด็จ และที่มีจำนวนมากที่สุดคือความผิดกรณีป้ายไฟโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร ซึ่งพบว่าหลายคนปล่อยปละละเลยให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณา รวมทั้งลงนามในสัญญาทั้งที่ไม่มีอำนาจ อย่างไรก็ตามตำรวจที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีช่องทางการต่อสู้ อยู่แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจาก ผู้บังคับบัญชาไม่สามารถย้ายผู้ที่ไม่มีความผิดได้ อย่างไรก็ตามกระบวนการยังไม่สิ้นสุด ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมก.ตร.อีกครั้ง อาจเปลี่ยนแปลงได้

"ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผกก.ที่มีปัญหา การรวมตัวประท้วงร้องเรียนไม่เกี่ยวกับผม เป็นการยื่นร้องเรียนถึงผบ.ตร.โดยตรง" ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าว
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม