พงส.นำตัว"พงศ์พัฒน์"ส่งศาลอาญา เพื่อคุมตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

29/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 29 พ.ย.2557

พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปที่ศาลอาญารัชดา เพื่อออกหมายขังให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นำรถตู้มารอรับ ซึ่ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีสีหน้าอิดโรย

ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้นำตัวมาฝากขัง โดยผู้ต้องหาทั้งหมดที่นำมาฝากขังพร้อม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะครบกำหนดฝากขังผลัดแรกในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะยื่นฝากขังผลัดที่ 2 โดยคัดค้านการประกันตัวเช่นเดิม เนื่องจากเห็นว่าเป็นข้าราชการระดับสูง อาจใช้อิทธิพลไปข่มขู่พยาน พร้อมยืนยัน การฝากขัง เจ้าหน้าที่ไม่มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาแต่อย่างใด ซึ่งการที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ขาเจ็บนั้น เป็นเพราะอายุมากและสุขภาพไม่แข็งแรง

พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบของกลางทั้งหมด และขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบแล้ว รวมถึงจะสอบสวนขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม หากพบมีการซุกซ่อนของกลางไว้ที่ใด จะขอหมายศาลไปค้นต่อไป พร้อมยืนยัน ใครกระทำความผิด จะดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
 
Read more ...

รอง ผบก.สตูล ยันสั่งเด้ง! รอง ผกก.สภ.ละงู จริง

28/11/57
โดยสปริงนิวส์ เมื่อ 28 พ.ย.2557

พ.ต.อ.โสภณ ปานสมทรง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีคำสั่งให้ย้าย 

พ.ต.ท.เสกสิทธิ์ ปรากฏชื่อ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรละงู

 ให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุจับกุมเครือข่ายขนน้ำมันเถื่อน ที่อาจจะเชื่อมโยงกับกลุ่มของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีรายงานการจับกุม

ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ไปช่วยราชการแทนในตำแหน่งสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 อีกหนึ่งหน้าที่ ภายหลังจากที่ พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรงค์ คนสนิทของอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยื่นใบขอลาออกจากราชการไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา
Read more ...

‘สมยศ’เผย‘ตำรวจน้ำ’เอี่ยวส่วยน้ำมันเถื่อน

28/11/57
โดยเนชั่น เมื่อ 28 พ.ย.2557

‘ผบ.ตร.’ เผย ‘ตำรวจน้ำ’ เอี่ยวส่วยน้ำมันเถื่อน พบจ่ายเดือน 12 ล้าน พร้อมแจ้ง 4 ข้อหา 5 คนแก๊ง‘พงศ์พัฒน์’ คุมตัวส่งฝากขังศาลพระโขนงบ่ายนี้

28 พ.ย.57 ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม คดีเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ร่วมกันกระทำความผิดในหลายข้อหา โดยล่าสุดทางพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อส่วยที่ยึดได้จากบ้านพักของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ผู้ต้องหาหนีคำพิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี พบรายชื่อข้าราชการตำรวจหลายหน่วยงาน และชื่อย่อต่าง ๆ ได้สั่งการให้ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว พร้อมกันนี้ได้ทำเอกสาร 2 ชุดให้กองบัญชการตำรวจนครบาลและกองบังคับการปราบปรามดำเนินการสอบสวน

พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า พบข้อมูลบัญชีการจ่ายเงินน้ำมันเถื่อนเกิดขึ้นมา 2 ปีแล้ว เกี่ยวข้องเกือบทุกหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ จะต้องตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด พบยอดเงินสูงสุดที่มีการจ่ายส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานกองบังคับการตำรวจน้ำ สูงถึง 12 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินคดีกับนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ,นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา,นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา และนายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ 5 ผู้ต้องหา กลุ่มเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. กลางดึกที่ผ่านมาได้นำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และทำการแยกตัวสอบปากคำคนละสถานที่ ตำรวจใช้เวลาสอบสวนนานถึง 6 ชั่วโมง ทั้งหมดให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา หลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นได้คุมตัวทั้ง 5 คนฝากขังแยกตามสน.ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ก่อนที่จะมีการนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดพระโขนงในเวลา 13.00 น.วันนี้

เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 4 ข้อหา 1.ข้อหา ม.112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 2.ข้อหา ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธและกักขัง โดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คน 3. หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือประการกระทำใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใด ให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และ4.ร่วมกันลักทรัพย์

ขณะที่ทางกรมศิลปากร จะมีการแถลงข่าวผลการตรวจวัตถุโบราณ ศิลปวัตถุ จำนวนกว่า 30,000 ชิ้นที่ทำการตรวจยึดได้จากบ้านพักของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ในช่วงบ่ายวันนี้ ในการตรวจสอบวัตถุโบราณดังกล่าวจะต้องตรวจสอบอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการ และประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัย พร้อมกับสอบสวนถึงที่มาที่ไปของการครอบครองโบราณวัตถุ จากผู้ครอบครองเป็นรายบุคคล โดยจะต้องชี้แจงได้ว่ามาได้มาจากไหน เมื่อใด และเหตุผลของการครอบครอง เพราะบางชิ้นอย่างเช่น เทวรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่เคยอยู่ในเทวสถาน หรือพระพุทธรูปที่อยู่ในวัด เหตุใดจึงมาอยู่ในเซฟเฮ้าส์ได้ ทั้งนี้กฎหมายไม่ได้ห้างไม่ให้ครอบครองโบราณวัตถุแต่การครอบครองนั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมาย หากพบว่าการครอบครองและการได้มามิชอบจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535
Read more ...

สั่งเด้ง 3 ผกก.ตำรวจน้ำ เซ่นส่วยน้ำมันเถื่อน

28/11/57
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อ 28 พ.ย.2557

“ประวุฒิ” เรียกประชุม ผกก.-ผบก.สอบสวนกลาง ปลุกขวัญ สั่งการ 1 เดือนทำงานกู้ชื่อเสียงหน่วย ขู่เด้งหากทำงานไม่เข้าเป้า สั่งเด้งด่วน 3 ผกก.ตำรวจน้ำสอบส่วย เผยสามผู้ต้องหาตระกูล “อัครพงศ์ปรีชา” ถอดยศ ปลดตำแหน่งองครักษ์เรียบร้อย ชงถอดยศตำรวจที่เกี่ยวข้องกับก๊วน “พงศ์พัฒน์” แล้ว

วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เรียกประชุมตำรวจจากทุกกองบังคับการในสังกัด บช.ก.ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ (ผกก.) ขึ้นไปถึงผู้บังคับการ (ผบก.) เข้าร่วมประมาณ 160 นาย เป็นครั้งแรกภายหลัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนายตำรวจระดับสูงในสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในข้อหาแอบอ้างสถาบันฯ แสวงหาผลประโยชน์มิชอบ เรียกรับส่วย โดยบรรยากาศการประชุมไม่เคร่งเครียด

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวภายหลังประชุมว่า ได้พูดเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ในที่ประชุมด้วย แต่ไม่ได้แจงในรายละเอียดการดำเนินคดี โดยได้ย้ำว่าหลังจากนี้ไป บช.ก.ต้องทำงานเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของหน่วยสอบสวนกลางกลับคืนมา เคยมีชื่อเสียงในอดีตที่กองปราบปรามมีชื่อจับกุมทำคดีที่ไม่มีใครทำได้มาตลอด แต่หลังๆ ผ่อนลงไป จากนี้ไปให้ทุกกองบังคับการไปเขียนแอ็กชันแพลนในระยะเวลา 1 เดือนภายในเดือนธันวาคมนี้ว่าจะทำอะไรบ้างในด้านการดำเนินการจับกุม ป้องปราบ คืนความสุขให้ประชาชนซึ่ง บช.ก.ไม่ได้ทำในระยะที่ผ่านมา ทั้งนี้ อีก 1 เดือนจากนี้ให้สื่อมวลชนคอยสังเกตผลงานของทุกกองบังคับการซึ่งจะมีผลในการปรับย้าย หากทำงานในช่วงนี้ทำงานไม่สำเร็จจะมีปัญหาในตำแหน่งที่ท่านอยู่ จะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสม

“ได้พูดในที่ประชุมถึงขวัญกำลังใจ คนที่ทำงานดีอยู่แล้วไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ถูกต้อง ก็ทำงานต่อไป ไม่มีใครไปยุ่งหากทำดี เรื่องของรายชื่อส่วยนั้นก็ย้ำว่าไม่ได้ดำเนินการทุกคนที่มีชื่อ ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป บางทีชื่อคล้าย ย้ำว่าไม่ได้กวาดทั้งหมด ต้องตรวจสอบก่อน เพราะเอกสารรายชื่อจ่ายส่วยได้มาจากผู้กระทำผิดที่อาจมีความคลาดเคลื่อน มีการรับแทน อ้างชื่อ ทั้งนี้จะดำเนินการกับใครต้องมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการส่งเงิน ย้ำไปว่าไม่ต้องกังวลซึ่งทุกคนเข้าใจ บรรยากาศดีขึ้น” รรท.ผบช.ก.กล่าว และว่าจากนี้ไปสั่งการให้ทุกหน่วยทำตามหน้าที่ ตนยกเลิกชุดเฉพาะกิจใน บช.ก.ทั้งหมดไปแล้ว ให้ทำตามหน้าที่ของหน่วยตามกฎหมาย และจะวัดผลรายสัปดาห์ตามแอ็กชันแพลนที่เสนอมา โดยจะติดตามการทำงานการปราบปรามมือปืนรับจ้าง การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งรัสเซีย แก๊งโคลอมเบีย แก๊งเอทีเอ็ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้าทรัพยากรธรรมชาติ ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งหมด บช.ก.ต้องทำ ต้องดำเนินการ โดยให้ประชาชนแจ้งเบาะแสมาได้ผ่านสายด่วน 1599 การประชุมวันนี้มีกันพร้อมเพรียงเว้นแต่ผู้ที่มีภารกิจสำคัญไม่ได้เข้าร่วม

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงรายชื่อตำรวจเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อน ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ออกมาเปิดเผยว่า ตนรับมาและได้ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบแล้วว่า ผกก. รองสารวัตร หมวด ที่กล่าวอ้างคือใคร มีความเชื่อมโยงระดับไหน โดยมีผู้ที่รับสารภาพไปแล้วบางคนยังต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม วันนี้ตนได้มีคำสั่งให้ตำรวจน้ำระดับ พ.ต.อ.มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจสอบสวนกลาง 3 นาย เพื่อเปิดโอกาสให้การตรวจสอบกรณีส่วยน้ำมันเถื่อนเป็นไปอย่างโปร่งใส โดยได้มีคำสั่ง บช.ก.ที่ 266/2557 ให้ 

พ.ต.อ.วริศร์ศิริภ์สิริภ์ ลีละสิริ ผู้กำกับการ 5 ตำรวจน้ำ (รับผิดชอบภาคตะวันออก) 

พ.ต.อ.สมชาติ หรือธนชาติ ศุภวุฒิ ผู้กำกับการ 7 ตำรวจน้ำ (รับผิดชอบภาคใต้ตอนล่าง) และ 

พ.ต.อ.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผู้บังคับการเรือ (สบ 4) กลุ่มงานเรือตรวจการณ์ จังหวัดชลบุรี 

ช่วยราชการ ศปก.บช.ก.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

โดยให้รายงานตัวที่ ศปก.บช.ก.ตั้งแต่ 09.00 น.วันนี้ ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นคนผิด แต่เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องการจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อนในทะเล นอกจากตำรวจน้ำตนยังไม่เห็นชื่อของหน่วยอื่นเกี่ยวข้อง แต่มีรายชื่อที่ ผบ.ตร.ให้มา มีหลายหน่วย แทบทุกหน่วยในพื้นที่ แต่ต้องตรวจสอบเสียก่อนเพราะหลายครั้งเจอโพยในพื้นที่ระบุรายชื่อ แต่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทั้งนี้มีส่วนที่ตรงความจริง มีคนรับสารภาพแล้วและสอดคล้องกับที่ ผบ.ตร.ออกมาเปิดเผย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรงค์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวงประตูน้ำพระอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ลาออกกะทันหันเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับกรณี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ตนขอเรียนว่าเกี่ยว เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถรับราชการได้ในสถานการณ์นี้จึงขอลาออกก่อน หากขวัญและกำลังใจดีคงกลับมาใหม่ก็เป็นเรื่องของเขา เบื้องต้นไม่ผิดอะไร จึงใช้วิธีลาออกเพื่อไปใช้ชีวิตทำงานอย่างอื่น เรียนว่าผู้ที่กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องบางรายไม่สบายใจ ถูกกล่าวหาถูกมองในทางไม่ดีจึงคิดว่าลาออกดีกว่า ก็เป็นความคิดส่วนตัว การลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัว ตนคงชี้ชัดไม่ได้ แต่เบื้องต้นไม่มีหลักฐานอะไรชี้ว่าเขากระทำผิด แต่เขาเลือกวิธีนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว สอบถามแล้วทราบว่าเป็นความสมัครใจ

เมื่อถามถึงการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กรณีกลุ่มผู้ต้องหา 5 รายที่ถูกออกหมายจับและนำตัวฝากขังวันนี้นั้น นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา เดิมมียศ ว่าที่ พ.ต. แต่ในขณะจับกุมได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาว่ามีการถอดยศและปลดจากการเป็นนายทหารราชองครักษ์แล้ว คำสั่งอยู่ในมือตน ส่วนนายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา ก็มีคำสั่งถอดยศ จ.ส.อ.แล้วเช่นกัน ขณะที่นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา ข้าราชการในสำนักพระราชวัง ก็มีการปลดออกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ตามคำสั่งของนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา โดยทั้ง 3 คนเคยเป็นข้าราชการ เคยมียศ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ถูกปลดไล่ออกแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตำรวจที่ถูกดำเนินคดีในขบวนการนี้อยู่ระกว่างดำเนินการถอดยศเช่นกัน โดยตนจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวด้วยว่า ล่าสุดวันนี้พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้ขอนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย เป็นพลเรือนทั้งหมด มีพฤติการณ์ตั้งแก๊งทวงหนี้ ข่มขู่ ขูดรีด โดยแอบอ้างสถาบันฯ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทำหน้าที่ทวงหนี้ให้
Read more ...

ยุติคำสั่งย้าย “ชัยทัต บุญขำ” ผบก.ป. แต่ให้ปฏิบัติราชการ สนง.นายตำรวจราชสำนักประจำ

26/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 26 พ.ย.2557

ผบ.ตร.ยุติคำสั่งเด้ง “ชัยทัต บุญขำ” ผบก.ป.ที่ถูกให้มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. แต่ให้ไปปฏิบัติราชการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำแทน

วันนี้ (26 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 643/2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ใจความว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ จึงยุติการให้

พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการกองปราบปราม 

ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ตามคำสั่ง ตร.ที่ 625/2557 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และให้ พล.ต.ต.ชัยทัต ปฏิบัติราชการ สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำมอบหมาย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

อนึ่ง สำหรับ พล.ต.ต.ชัยทัตนั้น ได้รับคำสั่งให้ช่วยราชการ ศปก.ตร.พร้อมกับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป.ซึ่งเสียชีวิตแล้ว และเป็นหนึ่งในเครือข่ายกระทำผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. แต่จากการสืบสวนไม่พบว่าร่วมกระทำผิดจึงไม่มีการออกหมายจับหรือไม่มีคำสั่งอื่นใด เพียงกันไว้เป็นพยานเท่านั้น 
Read more ...

คำสั่งแรกเด้ง ผกก.บางบัวทอง หลังลูกน้องผูกคอตาย

25/11/57
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 24 พ.ย.2557

เมื่อวันที่24พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า 

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1)

ลงนามคำสั่ง บช.ภ.1ที่335/2557ให้ 

พ.ต.อ.มาโนช รัตนโชติ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และ

พ.ต.อ.สุนทร ชื่นชิต พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะหัวพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง 

ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ในระหว่างคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทำการสืบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ 

ร.ต.ท.ปรีชา นันทะพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง 

ผูกคอตายเสียชีวิต เมื่อวันที่22 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีคำสั่ง บช.ภ.1ที่336/2557ให้ 

พ.ต.อ.ปรีชา มาเจริญ ผกก.ฝ่ายปกครองและการฝึก ศูนย์ฝึกอบรมตำวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บางบัวทอง และให้ 

พ.ต.ท.ประเสริฐ แหวนแก้ว พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี รักษาราชการแทนในตำแหน่งพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.บางบัวทอง จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

ทั้งนี้ คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งแรกในการพิจารณาทางปกครองแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น กรณีผู้ใต้บังคับบัญชาฆ่าตัวตาย นับแต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งกำชับในสัปดาห์ที่ผ่านมา.
Read more ...

“สมยศ” สั่งตั้ง กก.สอบวินัย “พงศ์พัฒน์” กับพวกรวม 7 นาย

24/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 24 พ.ย.2557

“สมยศ” เซ็นตั้งกรรมการสอบวินัย “พงศ์พัฒน์” กับพวกรวม 7 นาย หากพบตำรวจอื่นมีเอี่ยวให้รายงานด่วน

วันนี้ (24 พ.ย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 633/2557 ลงวันที่ 23 พ.ย. 2557 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยระบุว่า ตามที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. ปฏิบัติราชการศปก.ตร. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ผบก.รน. ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4 ปคบ. ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. และด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป.ต้องคดีอาญาแล้วได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เลขที่ 632/2557 ไปแล้วนั้น

อาศัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 86 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวประกอบด้วย พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน

พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข จเรตำรวจ (สบ 8) 
พล.ต.ต.จักกฤษศณ์ สิงห์ศิลารักษ์ รองจเรตำรวจ (สบ 7) 
พล.ต.ต.ไพบูลย์ อุดมสินค้า ผบก.กต.9 จต. พ
.ต.อ.ชยธวัส เสาวนะ รอง ผบก.กต.9 จต.เป็นกรรมการ 
พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤติยา ผกก.ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กต.9 เป็นกรรมการและเลขานุการ 
พ.ต.ท.วณัฐศ์ ชาลประเสริฐ สว.ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กต.9 จต.เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า 

พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. มีคำสั่งเลขที่ 257/ 2557ลงวันที่ 23 พ.ย. 2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน 

พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.จว.สมุทรสาคร 

ประกอบด้วย 
พ.ต.อ.สิทธิชัย โล่กันภัย รองผบก.ตม. 3 
พ.ต.อ. วีรยศ การุณธร ผกก.กองกำกับการบริการคนต่างด้าว บก.ตม.3 
พ.ต.ท.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.กองกำกับการบริการคนต่างด้าว บก.ตม.3 เป็นกรรมการ 
พ.ต.ท.ยุทธนา ราชจันทร์ สว.ตม.จว.นครปฐม บก.ตม.3 เป็นกรรมการและเลขานุการ และ
ร.ต.อ.นพรัตน์ ศิริมุสิกะ รอง สว.ตม.จว.นครปฐม บก.ตม.3 เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

โดยให้คณะกรรมการทั้ง 2 ชุดดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2557 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาต่อไป หากคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดวินัยร้ายแรงในเรื่องอื่น นอกจากที่ระบุในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนไปพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการมีความเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนกระทำความผิดในเรื่องที่สอบสวนนั้น ให้ประธานรายงานมาให้ทราบโดยเร็ว
Read more ...

จับตา...ตั้ง “นายพล” นอกฤดู “ฐิติราช” บีบ “ศรีวราห์” คุม บช.ก.

24/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 24 พ.ย.2557

สน.พระอาทิตย์

เหนือฟ้ายังมีฟ้า แม้ทั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ และ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ซึ่งมีแบ็กระดับบิ๊กให้การสนับสนุนมาคุมเก้าอี้ใหญ่ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามกลุ่ม “รอง ผบช.ก.” ที่มีซูเปอร์เพาเวอร์ให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี, พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์, พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์

แม้สัญญาณการแต่งตั้ง “นายพล” นอกฤดู ทดแทนตำแหน่งว่างจากผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด หรือ เออร์ลีรีไทร์ จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีขึ้นเมื่อไหร่ หรือจะมีการบรรจุเข้าไว้เป็นวาระจรในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วันพุธที่ 26 พ.ย. นี้ หรือไม่ แต่อุณหภูมิการช่วงชิงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ก็ร้อนระอุชนิดห้ามกะพริบตา

ต้องยอมรับการแต่งตั้งนายพลนอกฤดูทดแทนผู้ที่เออร์ลีรีไทร์ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนสีกากี และคนทั่วไปเท่าไหร่นัก ยิ่งปีนี้ตำแหน่งที่ว่างแต่ละเก้าอี้ ล้วนไม่ใช่เก้าอี้ระดับเกรดเอ หรือเก้าอี้ที่น่าสนใจมากนัก โดยมีนายพลที่พร้อมใจกันถอดเครื่องแบบก่อนเวลา 5 ตำแหน่ง นำทีมโดย พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.พนมศักดิ์ ทั่งทอง จเรตำรวจ (สบ8) พล.ต.ต.รังสิต พิริยายน รองเจรตำรวจ (สบ7) และ พล.ต.ต.พจน์ วิญญาวงศ์ ผบก.สสท.

ส่วนตำแหน่งระดับนายพลอื่นๆ โดยเฉพาะระดับหัวหน้าหน่วยกำลัง ไม่ว่าจะเป็น ผู้บัญชาการ (ผบช.) หรือ ผู้บังคับการ (ผบก.) ล้วนเพิ่งมีการแต่งตั้งโยกย้ายกันไปในวาระประจำปี 2557 เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก แม้ช่วงหนึ่งมีข่าว พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) อาจย้ายไปเป็น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำให้การแต่งตั้งนอกฤดูคึกคัก เพราะจะมีเก้าอี้ใหญ่อย่าง ผบช.ภ.1 ว่าง แต่เมื่อผู้ที่มาเป็น “อธิบดีดีเอสไอ” ไม่ใช่ พล.ต.ท.อำนวย การแต่งตั้งนายพลนอกฤดู ก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ

ไม่มีอะไรตื่นเต้น!!!

กระทั่งเกิดรายการฟ้าผ่า! กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่สีกากี มีคำสั่งเด้ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 ป. ไปปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) แบบขาดจากตำแหน่งเดิม และไม่มีกำหนดเวลา โดยมีแนวโน้มสูงที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะไม่ได้กลับมานั่งเก้าอี้ ผบช.ก. โดยอาจจะโยกไปเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.

ศึกชิงเก้าอี้ “ผบช.ก.” เลยร้อนระอุ!!!

ส่งผลให้การแต่งตั้งนายพลนอกฤดู แทนตำแหน่งว่างจากผู้ที่เออร์ลีรีไทร์ร้อนระอุตามไปด้วย เพราะคาดว่าจะมีการแต่งตั้ง ผบช.ก. คนใหม่ ในการแต่งตั้งรอบนี้ไปในคราวเดียวกัน

เช็กกระแสความเคลื่อนไหวการช่วงชิงเก้าอี้ ผบช.ก. ชื่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ดูจะเป็นเต็งจ๋าที่จะโยกระนาบจาก “นครบาล” มาคุมบังเหียน “สอบสวนกลาง” เพราะมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ขั้วอำนาจปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ ในการแต่งตั้ง “นายพลวาระประจำปี” พล.ต.ท.ศรีวราห์ มีชื่อจะขยับมาเป็น ผบช.ก. แทน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่จะถูกดันขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่พอ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ สามารถอยู่ในตำแหน่ง ผบช.ก. ต่อได้อีกปี ทำให้น้องเลิฟ พล.อ.ประวิตร รายนี้ต้องเบนเป้าไปขึ้น ผบช.น. ต่อคิวจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ที่เกษียณอายุราชการแทน

การที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ มีชื่อมาเป็น ผบช.ก. เที่ยวนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเส้นทางสีกากีของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็เติบโตมาในสอบสวนกลาง ไม่ว่าจะเป็น ผู้การฯป่าไม้ หรือ รอง ผบช.ก. สไตล์การทำงานเลยคุ้นเคยกับหน่วยงานเฉพาะมากกว่านครบาล ที่ต้องพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถามใจลึกๆ แล้ว เชื่อว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ต้องการที่จะกลับมาคุม บช.ก. หากมีโอกาส

มาแรงอีกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) “น้องช้าง” ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพสีกากี และคู่หู พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็เชื่อว่ารุ่นพี่อย่างสมยศก็ต้องการที่จะให้น้องไปคุม บช.ใหญ่ รวมทั้ง พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เองก็คงต้องการไปอยู่สอบสวนกลาง เพราะเติบโตจากสายบู๊ กองปราบปราม จนมาเป็น รอง ผบช.ก. เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เหนือฟ้ายังมีฟ้า แม้ทั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ และ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ซึ่งมีแบ็กระดับบิ๊กให้การสนับสนุนมาคุมเก้าอี้ใหญ่ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามกลุ่ม “รอง ผบช.ก.” ที่มีซูเปอร์เพาเวอร์ให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น

พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี, 

พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์, 

พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์
โดยเฉพาะ พล.ต.ต.ฐิติราช ว่ากันว่า ชั่วโมงนี้ชื่อแรงขึ้นมาเบียดชนิดเหลื่อมๆ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ไปแล้วด้วยซ้ำ หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ มีคำสั่งให้ตำรวจไปรักษาการตำแหน่ง 4 ตำรวจ บช.ก. ที่ถูกส่งไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. มีชื่อ

พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 บก.ทท. น้องภรรยา พล.ต.ต.ฐิติราช ไปนั่งเก้าอี้ รักษาการ ผกก.1 ป. หรือ ผู้กำกับกรุงเทพฯ 

ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งไม่ธรรมดา หากไม่แข็งจริงคงไม่ได้มานั่งเก้าอี้รักษาการ เพราะขนาด

พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.8 รน. หลานชาย พล.ต.อ.สมยศ ยังขยับมานั่งได้แค่รักษาการ ผกก.5 บก.ทท. 

แทน ทั้งๆ ที่ พ.ต.อ.ภูมินทร์ ก็เคยอยู่กองปราบปรามมาก่อน

ทุกสายตาจับจ้อง พล.ต.ต.ฐิติราช พี่เขย ที่น่าจะมีแรงผลักดันไม่น้อยกว่าน้องภรรยา และหากได้ขึ้นมาคุมบังเหียน “สอบสวนกลาง” ก็ดูจะลงตัวชัดเจนทุกๆ องค์ประกอบ

และอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องสะกิดให้จับตา ว่ากันว่าการแต่งตั้งนายพลนอกฤดูครั้งนี้ อาจมีรายการ “ล้างบางนายพลสอบสวนกลาง” แบบยกก๊วน ต้องติดตามๆ
Read more ...

สตม.สั่ง พ.ต.อ.โกวิท ผกก.ตม.สมุทรสาคร ออกจากราชการ

24/11/57
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com เมื่อ 24 พ.ย.2557

ผู้บัญชาการ สตม. มีคำสั่งให้ 'พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล' ผกก.ตม.สมุทรสาคร ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้ง กก. สอบวินัยร้ายแรง

พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) มีคำสั่ง สตม.ที่ 258/2557 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557ให้ 

พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผู้กำกับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.สมุทรสาคร 

ปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ศปก.สตม. ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.อ.โกวิท ในกรณีที่ถูกศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับในข้อหา

- ร่วมกันก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ พ.ศ. 2484 ม.54, 55 

- ร่วมกันปลูกสร้างอาคารฝายล่วงล้ำในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 ม.117, 183
Read more ...

ผงะเซฟพงศ์พัฒน์ เงินพันล. ชี้ทำเสื่อมพระเกียรติ ทั้ง"โฉนด-พระ"เฉียดหมื่นล้าน ผบ.ตร.ให้ออกพร้อม"7ตำรวจ"

24/11/57
โดยข่าวสด เมื่อ 24 พ.ย.2557

ทั้ง"โฉนด-พระ"เฉียดหมื่นล้าน ผบ.ตร.ให้ออกพร้อม"7ตำรวจ" กัน"ผู้การกองปราบ"เป็นพยาน ยันผกก.1 ป.ที่ตกตึก-ฆ่าตัวตาย

ตะลึงค้นบ้าน"พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์" อดีตผบช.ก. พบเงินสดนับพันล้านซุกในตู้เซฟหลายใบพร้อมยึดโฉนดที่ดิน-พระเครื่องจำนวนมากมูลค่าเฉียดหมื่นล้านบาท ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการพร้อม 6 ตร. ขณะที่ ผบช.สตม.ให้ผกก.ที่เกี่ยวข้องออกตามรวมเป็น 7 นาย พร้อมจ่อตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง หลังถูกจับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและเรียกรับสินบน ส่วนผู้การกองปราบฯ รอด เพราะให้การเป็นประโยชน์และไม่เกี่ยวข้องกับคดี ม.112 โฆษก ตร.ย้ำทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ยันผกก.1 ป.ฆ่าตัวตายเพราะเครียดมีชื่อพัวพันคดีนี้ด้วย ส่วนผู้ต้องหาหญิงที่ยังหลบหนีสอบพบทำหน้าที่ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน

จากกรณีศาลอาญาออกหมายจับพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ช่วยราชการศปก.ตร. ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุ ภาพ และเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับสินบนหรือประโยชน์อื่นใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 149 นอกจากนี้ออกหมายจับตำรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 6 นาย ประกอบด้วยพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป., พล.ต.ต. บุญสืบ ไพรเถื่อน ผบก.รน., พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล ผกก.ตม.สมุทรสาคร, ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. และด.ต. ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. กับพลเรือนอีก 3 คน ประกอบด้วยนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล, นางสวงค์ มุ่งเที่ยง และนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช รวมเป็น 10 คน ขณะที่พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 ป. ที่เพิ่งเสียชีวิตจากการตกจากที่สูงเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้ด้วย เบื้องต้นตำรวจควบคุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกรวม 8 คน โดยมีนางสุดาทิพย์อยู่ระหว่างหลบหนี ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 พ.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.มีคำสั่ง ตร.ที่ 632/2557 ลงวันที่ 23 พ.ย.2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า อาศัยอำนาจตามมาตรา 95 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบกฎก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 8

จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบช.ก.ปฏิบัติราชการศปก.ตร. พล.ต.ต. โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก.ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ผบก.รน.ปฏิบัติราชการศปก.ตร. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4 บก.ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. และด.ต. ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ออกจากราชการไว้ก่อน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

อนึ่งผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อก.ตร.ตามพ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 105 ภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำสั่งและประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งไปทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือขอรับผลการวินิจฉัยอุทธรณ์

มีรายงานว่าในวันที่ 24 พ.ย.นี้ พล.ต.อ. สมยศจะมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจทั้ง 6 นายด้วย

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) มีคำสั่ง สตม.ที่ 258/2557 ลงวันที่ 23 พ.ย.2557 ให้พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม. สมุทรสาคร ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับคำสั่งให้ออกจากราชการของตำรวจทั้งหมด ไม่มีรายชื่อ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป. เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากนักและให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะกันตัวไว้เป็นพยาน

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก และโฆษก ตร. กล่าวว่า มีการควบคุมตัวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวกรวม 8 คนไว้แล้ว มีแจ้งข้อหาและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัว เพื่อสอบสวนและจะนำตัวไปรายงานตัวฝากขังต่อศาลอาญาในวันที่ 24 พ.ย. ส่วนพลเรือนอีก 2 คนนั้นอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวด้วยว่า จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานว่ามีการกระทำอันทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ซึ่งรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำผิดจะมีการแถลง เปิดเผยหลักฐานต่อสื่อมวลชนอย่างละเอียดอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ซึ่งจากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา

โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า สำหรับพ.ต.อ. อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีตผกก.1 ป. ที่เสียชีวิตนั้นจากการสืบสวนพบอยู่ในขบวนการเดียวกันร่วมกระทำความผิด โดยก่อนหน้านี้เชิญตัวมาให้ข้อมูลแล้วและให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ขณะนั้นยังไม่ขออนุมัติหมายจับจึงยังไม่ควบคุมตัวไว้ กระทั่งต่อมาทราบว่าหลังพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ให้ข้อมูลแล้วก็ไปกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ด้วยความเครียดและเกรงกลัวถูกดำเนินคดี ทรายภายหลังว่าก่อนเข้าให้ข้อมูลนั้น พ.ต.อ.อัครวุฒิ์มีอาการเครียดโดยพยานยืนยันว่าพยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง และเขียนข้อความลาตายทิ้งไว้ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่าตำรวจและหน่วยอรินทราชเข้าจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต. โกวิทย์ พร้อมพวกเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นนำทั้งหมดไปสอบปากคำที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ก่อนที่ในช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 23 พ.ย. จึงแยกผู้ต้องหาทั้งหมดควบคุมผู้ต้องหาตามห้องขังสถานีตำรวจ นครบาลต่างๆ รวม 8 แห่ง โดยพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.เตาปูน ซึ่ง ผบช.ก.สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีกากี ไม่มีท่าทีเคร่งเครียดแต่อย่างใด

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าในการเข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 8 คนพบหลักฐานและทรัพย์สินจำนวนมาก โดยเฉพาะที่บ้านพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พบเงินสดนับพันล้านบาท เก็บไว้ในตู้เซฟหลายใบ ตำรวจใช้เวลานานนับชั่วโมงกว่าจะเจาะตู้เซฟนำเงินออกมาได้ทั้งหมด นอกจากนี้มีทรัพย์สินอื่น อาทิ พระพุทธรูปบูชาหายาก กว่า 100 องค์ พระเครื่องชื่อดังจำนวนหลายพันองค์ โฉนดที่ดินจำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ร่วม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับนางสุดาทิพย์ และนางสวงค์ ผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนทำหน้าที่ดูแลเรื่องทรัพย์สินและยักย้ายถ่ายเทต่างๆ โดยนางสุดาทิพย์อยู่ระหว่างหลบหนี
Read more ...

สั่งย้าย 5 เสือ เซ่น นศ.ขอนแก่นชู 3 นิ้ว

24/11/57

โดยไทยรัฐ เมื่อ 24 พ.ย.2557

ผบช.ภ.4 ลงนามคำสั่ง ย้าย 5 เสือโรงพักขอนแก่น ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการ ภ.4 คาดเซ่น นศ.กลุ่มดาวดินชู 3 นิ้ว ...

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 ลงนามคำสั่ง ภ.4 ที่ 2396/2557 ให้ข้าราชการตำรวจไปประจำศูนย์ปฏิบัติการ ภ.4 จำนวน 5 นาย ประกอบด้วย 

1.พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น รรท.ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น 

2.พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.ภ.จ.ขอนแก่น 

3.พ.ต.ท.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผกก.ป. สภ.เมืองขอนแก่น 

4.พ.ต.ต.จีรัชติกุล จะรัสกมลพงษ์ สวป. สภ.เมืองขอนแก่น และ 

5.พ.ต.ต.ชาติชาย ทิมนิกุล สว.สส. สภ.เมืองขอนแก่น 

ทั้งนี้ แต่วันที่ 22 พ.ย.57 โดยได้ลงประจำวันปฏิบัติหน้าที่ ศปก.ภ.4 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.วันที่ 23 พ.ย.

ทั้งนี้ มีรายงานว่าเหตุผลที่มีการสั่งย้ายครั้งนี้ อาจเนื่องจากในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม จ.ขอนแก่น ฝ่ายความมั่นคงได้มีการมอบหมายให้ข้าราชการตำรวจขอนแก่น ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไป โดยกำหนดหน้าที่แล้ว แต่กลับมีความบกพร่องปล่อยให้มีนักศึกษากลุ่มดาวดิน 5 คน จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าไปชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหารที่หน้าเวทีขณะนายกรัฐมนตรีกำลังปราศรัย ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อรัฐบาล และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างครึกโครม ฝ่ายความมั่นคง จึงมีคำสั่งให้โยกย้ายข้าราชการตำรวจที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการลงโทษ และเป็นตัวอย่างไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในพื้นที่อื่นๆที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจราชการอีก
Read more ...

สั่งย้ายด่วน! "ผู้กำกับฯตม.สมุทรสาคร" ให้ไปรายงานตัว ภายใน 10โมงเช้า พรุ่งนี้!

18/11/57
โดยมติชน เมื่อ 17 พ.ย.2557

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. พล.ต.ต.สุกิจ โคอินทรางกูร รองผบช.สตม. รรม.ผบช.สตม. มีคำสั่งสำนักงานตรวจค้นเข้าเมืองที่ 255/2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ

ระบุว่า เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการของสำนักงานตรวจค้นเข้าเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 และมาตรา 71 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และข้อ 8(2) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2551 จึงให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ดังนี้

1. ให้พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม.สมุทรสาคร บก.ตม. 3 ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.สตม. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผบช.สตม.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวที่ศปก.สตม. ภายในวันที่ 18 พ.ย. เวลา 10.00 น.

2.ให้พ.ต.อ.พิชญา บุญขจร รองผบก.ตม. 6 รรท.ผกก.ตม.จังหวัดสมุทรสาคร บก.ตม. 3 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
Read more ...

ฉวยโอกาส “ซ้ำยามดวงตก”สลายขั้วอำนาจ “พงศ์พัฒน์”

17/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 17 พ.ย.2557

เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตำแหน่งสำคัญๆในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเฉพาะ “กองปราบปราม” หน่วยกำลังระดับเกรดเอ เก้าอี้ “ผกก.” เกือบทุกกองกำกับการ เป็นตำรวจสายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์แทบทั้งสิ้น จนถึงขนาดมีเสียงกล่าวขานกันว่า กองปราบปราม คือ อาณาจักรย่อมๆของ “ผู้ใหญ่บ้าน” ที่ใครก็อย่าไปยุ่ง

คำสั่งฟ้าผ่า! บช.ก. หรือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เด้ง 3 นายพล 1 นายพัน พ้นจากตำแหน่งไปปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจ(ศปก.ตร.) แบบขาดจากตำแหน่งเดิม และไม่มีกำหนดเวลา แม้ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่สีกากี จะอ้างย้ายเพื่อให้ไปทำงานสำคัญ

แต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นก็ปฏิเสธไม่ได้ นี่คือ ปฏิบัติการ “ล้างบาง”สอบสวนกลาง!!!

เพราะหลังจากบิ๊กอ๊อดเซ็นคำสั่งเด็ดหัวพี่ใหญ่ให้ 

“บิ๊กกิ๊ก”พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) และ

เพื่อนเลิฟ “บิ๊กโก”พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองผบช.ก. 

ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. โดยขาดจากตำแหน่งเดิมแล้ว

จากนั้นถัดมาอีกเพียง 2 วัน คำสั่งระลอกสองให้ 

“บิ๊กเจี๊ยบ”พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.) และ

พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผู้กำกับการ(ผกก.1) บก.ป. 

ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. โดยขาดจากตำแหน่งเดิมเช่นกัน

การออกคำสั่งดังกล่าว ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน ถึงเวลาที่“กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” ต้องมีการปรับทัพจัดทิศกันครั้งใหญ่ เพราะเช็ครายชื่อ 2 นายพล 1 นาย พัน ที่ร่วมชะตากรรมกับ “บิ๊กกิ๊ก” โดนคำสั่งไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.ครั้งนี้ ล้วนมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นกันทั้งสิ้น

“บิ๊กโก” พล.ต.ต.โกวิทย์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.) รุ่น 31 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่สนิทสนมกันมาก เนื่องจากเป็นคนสมุทรสงครามด้วยกัน จะคอยดูแลช่วยงานใกล้ชิด “บิ๊กกิ๊ก”เหมือนเป็นหัวหน้าสำนักงาน ผบช.ก.

“บิ๊กเจี๊ยบ”พล.ต.ต.ชัยทัต นรต.รุ่น 39 เป็นเด็กปั้นของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มาตั้งแต่เป็น ผกก.ปพ. และขยับขึ้น รองผบก.ป. ก่อนได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นเป็น ผบก.ป. ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา

ส่วน“บิ๊กอั้ม”พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ นรต.รุ่น 49 ลูกน้องคนสนิทที่”บิ๊กกิ๊ก”ไว้ใจให้เป็นคนจัดบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตลอด 3-4 ปีที่นั่งเก้าอี้ ผบช.ก.

และก็เป็นที่คาดหมายกันว่า หากไม่มีคำสั่งให้ใครไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.อีกเป็นระลอก 3ระลอก 4 ช่วงนี้ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผบก.-สารวัตร ประจำปี 2557เชื่อว่าตำรวจที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็น่าจะต้องถูกปรับเปลี่ยนจากเก้าอี้ล็อตใหญ่

เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตำแหน่งสำคัญๆในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเฉพาะ “กองปราบปราม” หน่วยกำลังระดับเกรดเอ เก้าอี้ “ผกก.” เกือบทุกกองกำกับการ เป็นตำรวจสายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์แทบทั้งสิ้น จนถึงขนาดมีเสียงกล่าวขานกันว่า กองปราบปราม คือ

อาณาจักรย่อมๆ ของ “ผู้ใหญ่บ้าน” ที่ใครก็อย่าไปยุ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือ บิ๊กสีกากีก็ตาม

เมื่อกำแพงเหล็กพังทลาย ขุนศึก นายกองที่เคยอยู่ในอาณาจักร ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องแตกกระสานซ่านเซ็น ตำรวจระดับ ผกก. ซึ่งมีความใกล้ชิดพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และมีบทบาทเก้าอี้สำคัญใน บช.ก. ต้องจับตาว่าน่าจะโดนโยกย้ายไปตำแหน่งอื่น

โดยเฉพาะกองปราบปราม ปัจจุบันทุกกองกำกับการล้วนเป็นตำรวจที่ใกล้ชิด “บิ๊กกิ๊ก” เริ่มจาก 

กองกำกับการ 1 ป. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ซึ่งถูกคำสั่งไปปฏิบัติราชการแล้ว แนวโน้มไม่ได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมมีสูง เพราะเชื่อว่า พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 บก.ทท. ที่มารักษาการ ผกก. 1 ป. ตั๋วแข็งโป๊ก มานั่ง ผกก. 1 ป. เต็มตัวแน่

เช่นเดียวกับ 

กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ(ปพ.) พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.ช่วยราชการสำนักงาน ผบช.ก. คงต้องเปิดเก้าอี้ให้ “บิ๊กต่อ”พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผกก.ปพ. รักษาการ ผกก.ปพ. นั่งเก้าอี้แทนเช่นกัน

รวมทั้ง 

กองกำกับการ 2 ป. พ.ต.อ.นิรันดร นามสุวรรณ ผกก. 2 ป., 

กองกำกับการ 3 ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 ป., 

กองกำกับการ 4 พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 ป., 

กองกำกับการ 5 ป. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 ป., 

กองกำกับการ 6 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6 ป.

ก็ไม่น่าจะหนีสัจธรรม “สมบัติผลัดกันชม”พ้น

นอกจากนั้นยังมี 

พ.ต.อ.อภิชัย ดุษฏีพฤฒิพันธุ์ ผกก.2 ทล. 

พ.ต.อ.สฤษดิ์ พุทธพงษ์ศิริพร ผกก.5ปคม. 

พ.ต.อ.ธนาวุฒิ ท้วมสมบุญ ผกก.2 ปอศ. 

พ.ต.อ.เจนกมล คำนวณ ผกก.4 ปอศ. 

พ.ต.อ.ภูการวิก โชติกเสถียร ผกก.5 ปอศ. และ

พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง ผกก.3 ปคบ. 

ก็ต้องหนาวๆร้อนๆ เช่นกัน

ยิ่งเชื่อแน่ว่าเก้าอี้ “ผบช.ก.” ที่พล.ต.ท.พงศพัฒน์ นั่งกุมบังเหียนอยู่ มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่จะสามารถรั้งเอาไว้ได้ โดย

”บิ๊กปู”พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.สายตรงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานคณะกรรมการช้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)

มีชื่อติดโผจะข้ามห้วยจากนครบาลที่เพิ่งนั่งได้เพียงแค่ 1 เดือน กลับมาถิ่นเก่าคุม “สอบสวนกลาง” แน้วโน้มการล้างขั้วเก่าก็สูงขึ้นตามไปด้วย

เหมือนในการแต่งตั้งระดับ “นายพล” ที่มีการล้างขั้วอำนาจเก่า ในระดับ ผบช.ภ.1-9 สิ้นซาก ไม่เหลืออยู่ในตำแหน่งแม้แต่รายเดียว

“กองปราบปราม” หน่วยงานพิเศษที่ถือว่าเป็นกำลังหลัก มีอำนาจจับกุมทั่วประเทศ มีหรือขั้วอำนาจใหม่ที่เข้ามากุมบังเหียนจะไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะโอกาสดีๆอย่างนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก

นับจากนาทีนี้ คงต้องจับตาปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่จะเกิดขึ้นตามมา หลังจากเกิดฟ้าผ่า ผบช.ก.!
Read more ...

ฟ้าผ่าเก้าอี้ ผบช.ก. เด้งบิ๊กกิ๊ก โกวิทย์โดนด้วย ประวุฒิคุมแทน

14/11/57
โดยข่าวสด เมื่อ 14 พ.ย.2557

"สมยศ"แจงย้าย จับตาล้างบาง! บก.ป.กับตร.น้ำ

"บิ๊กอ๊อด-สมยศ" เด้งฟ้าผ่า "ผบช.ก." บิ๊กกิ๊ก-พงศ์พัฒน์ฉายาพันธุ์ และโกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองผบช.ก. ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ตร. โดย ให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมให้ "บิ๊กตุ้ย" ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาราชการแทน ด้าน "สมยศ" แจงเหตุสั่งย้าย-มีภารกิจสำคัญมอบหมายให้ไปปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งเห็นเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ จับตาย้ายอีกล็อตใหญ่ กองปราบฯ-ตำรวจน้ำ

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ 610/2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ โดยระบุว่าเพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความ เรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยความในมาตรา 11 และมาตรา 72 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552

จึงให้ข้าราชการตำรวจ ไปปฏิบัติราชการ และรักษาราชการแทน ดังต่อไปนี้ 1.ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวที่ศปก.ตร. ภายในวันที่ 12 พ.ย. 2557 เวลา 10.00 น. ดังนี้ 1.1 พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. 1.2 พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. นอกจากนี้ให้พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาราชการแทนผบช.ก. ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.2557 เป็นต้นไป

โดย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การมีคำสั่ง ให้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ตร. เนื่องจากมีภารกิจงานสำคัญที่ต้องมอบหมายให้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ไปปฏิบัติเป็น กรณีพิเศษ เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ส่วนการให้พล.ต.ท.ประวุฒิ รักษาราชการแทน ผบช.ก. ก็เป็นไปตามขั้นตอนการบริหารราชการ เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพเท่านั้น

ที่ บช.ก. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน ผู้บังคับบัญชา ชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องทำงานของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พบว่าพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ไม่ได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงาน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า เบื้องต้นผู้บังคับบัญชาทราบคำสั่งแล้ว แต่ติดภารกิจงานราชการ จึงไม่สามารถเดินทางไปรายงานตัวได้ และไม่ทราบว่าจะเดินทางไปรายงานตัวในวันนี้หรือไม่ โดยคาดว่าหลังเสร็จภารกิจ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะเดินทางไปรายงานตัวโดยเร็วที่สุด

ส่วนบรรยากาศภายในบช.ก. เป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยบริเวณด้านหน้ามีรถประจำตำแหน่งของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จอดอยู่ในช่อง จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่ารถคันดังกล่าวถูกนำมาจอดไว้ เพื่อ รอการส่งมอบคืน

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคำสั่งโยกย้ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการตำรวจ สังกัดบช.ก.อย่างมาก เนื่องจากเป็นการ โยกย้ายแบบกะทันหัน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ในอีกหลายตำแหน่งเร็วๆ นี้

สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หรือบิ๊กกิ๊ก ศึกษาจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับพล.ต.อ.สมยศ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท. ประวุฒิ และพล.ต.ต.โกวิทย์ โดยพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ดำรงตำแหน่งผบช.ก. ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการต่างๆ มากมาย เริ่มจากโครงการตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ที่ มุ่งเน้นให้ตำรวจร่วมกับชาวบ้านทำกิจกรรมและช่วยกันแก้ปัญหาในชุมชน โครงการ "Big 6" โดยมีแนวคิดให้ตำรวจพบปะพูดคุยกับบุคคลสำคัญ 6 กลุ่มของสังคม เพื่อฝึกหาข่าวแบบรับฟัง โครงการชมรมยุวชนตำรวจ เพื่อให้เด็กและตำรวจมีความผูกพัน อีกทั้งช่วยกันแก้ไขปัญหา

นอก จากนี้ยังมีโครงการอีกมากมายที่หวังช่วยพัฒนาบุคลากรและองค์กร อาทิ บช.ก. โกอินเตอร์ ร.ร.ตำรวจนอกเวลา โครงการคืนชุมชนสีขาวให้สังคม โครงการ 5 ทฤษฎี 1 หลักการ เพื่อลดหวาดระแวงของประชาชน และ MOU ทางการศึกษากับนิด้า เป็นต้น
Read more ...

ผบ.ตร. มีคำสั่งเด้ง ผู้การฯ กองปราบฯ - ตั้ง "อัคราเดช" รักษาการ

14/11/57
โดยข่าวสด เมื่อ 14 พ.ย.2557

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. 

ลงนามคำสั่งให้

พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการปราบปรามและ 

พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม 

ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. เป็นต้นไป โดยให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในวันที่ 14 พ.ย. เวลา 16.00 น.

วันเดียวกัน

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. 

มีคำสั่งที่ 257/2557 ให้

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผบก.ป. รักษาราชการแทน ผบก.ป. 

พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก. 5 บก.ทท. รักษาราชการแทน ผกก.1 ผบก.ป. และ

พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก. 8 บก.รน. รักษาราชการแทนผกก. 5 บก.ทท. 

ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. 2557 เป็นต้นไป
Read more ...

ผบ.ตร.แจงย้าย 'พงศ์พัฒน์-โกวิทย์' เพื่อมอบงานสำคัญ

13/11/57
ที่มา : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เมื่อ 13 พ.ย.2557

"พล.ต.อ.สมยศ"  เผยย้าย "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์" และ "พล.ต.ต.โกวิทย์" เพื่อมอบงานสำคัญกรณีพิเศษ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า การมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ( ศปก.ตร.) เนื่องจากมีงานสำคัญที่ต้องมอบหมายให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไปปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษ เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ส่วนการให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็เป็นไปตามขั้นตอนการบริหารราชการ

ทั้งนี้ภายหลังจากหนังสือคำสั่งย้ายด่วนมีผลบังคับใช้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ จะต้องมารายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ภายในวันนี้
Read more ...

ก.ตร. 28 พ.ย.นี้ ขยายแต่งตั้งรอง ผบก.-สว. รับอดีต “หัวหน้า รปภ.แม้ว” คืนสีกากี

13/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 13 พ.ย.2557

นัดประชุม ก.ตร. 28 พ.ย.นี้ วาระขอมติขยายเวลาแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบก.-สว.วาระประจำปีไปเป็น 31 .ธ.ค. รับ “อรรถกฤษณ์” อดีตหัวหน้าทีม รปภ. “ทักษิณ” กลับเข้ารับราชการ สะพัดปมเด้ง “พงศ์พัฒน์” ทำ บช.ก.ระส่ำ คาดเปลี่ยนตัว ผกก.-สว.ยกแผง

วันนี้ (13 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 28 พ.ย. เวลา 13.30 น. ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวาระการขอขยายเวลาการแต่งตั้งระดับรอง ผบก.-สารวัตร วาระประจำปี 2557 จากเดิมกฎ ก.ตร.กำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. ขยายออกไปเป็นภายในวันที่ 31 ธ.ค. นอกจากนี้ยังมีวาระการพิจารณาการปรับระดับตำแหน่งนายเวร-ผู้ช่วยนายเวรของ ผบ.ตร.จนถึงผู้บัญชาการ และการพิจารณารับ

พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 

ที่ลาออกไปขณะตำแหน่งรอง ผบช.ภ.4 กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งระดับรอง ผบช.

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าภายหลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 610/2557 ให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก.มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบช.ก.ว่า หลังจาก ผบ.ตร.มีคำสั่งดังกล่าวทำให้เหล่าข้าราชการตำรวจมีการจับตาการแต่งตั้งระดับรอง ผบก.ถึง สว.วาระปี 2557 ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญในระดับ ผกก.ถึง สว.หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในสังกัดกองบังคับการปราบปราม กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เนื่องจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบันล้วนเป็นตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ท.โกวิทย์ แทบทั้งสิ้น

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าอาจมีการพิจารณาแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.แทนตำแหน่งของ

พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงศ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร.

ที่ขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด หรือเออร์ลีรีไทร์ และแต่งตั้ง ผบช.ก.คนใหม่ โดยมีกระแสข่าวว่าอาจมีการโยก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล มาเป็น ผบช.ก.คนใหม่ นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งทดแทนตำแหน่ง ระดับผบช.ว่างอีก 2 ตำแหน่ง คือ ตำแหน่งตำแหน่ง จเรตำรวจ (สบ 8) และผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. เนื่องจาก พล.ต.ท.พนมศักดิ์ ทั่งทอง จตร.(สบ 8) และ พล.ต.ท.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ขอเออร์ลีรีไทร์ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสั่งการให้ดำนินการใดๆ เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนอกวาระประจำปี
Read more ...

ย้าย “ผบช.ก.” ตอนตี 4 เชื่อรัฐกระชับอำนาจ เผยตัวเต็ง “ศรีวราห์” เตรียมสลับเก้าอี้ “นวยทนได้”

12/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 12 พ.ย.2557

เหตุผลย้าย “พงศ์พัฒน์-โกวิท” ตอนตี 4 ยังไม่ชัด คาดไม่สามารถนำหน่วยงานตอบสนองนโยบายรัฐได้ จับตา “ศรีวราห์” กลับบ้านเก่าผงาดเป็น ผบช.ก. ส่วนตำแหน่ง น.1 เตรียมยกให้ “นวยทนได้”

ภายหลังมีคำสั่งปลด พล.ต.ท.พงศพัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. และพล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ รองฯ เพื่อนนายตำรวจคนสนิท นอกจากสร้างความตกตะลึงแก่วงการตำรวจแล้วยังเป็นที่สนใจของผู้สื่อข่าวจำนวนมาก โดยตลอดทั้งวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสื่อมวลชนหลายแขนงมุ่งหน้ามารอการแถลงจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ถึงเหตุผลที่แท้จริงรวมทั้งมีความพยายามแกะร่องรอยและปมต่างๆ อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ตลอดเวลา 4 ปีในตำแหน่ง ผบช.ก.ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เขาคือนายตำรวจที่ได้รับสิทธิพิเศษ แม้จะเคยมีนักการเมืองบางยุคต้องการปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจในหน่วยงานนี้แต่ไม่เคยสำเร็จ กระทั่งความพยายามของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศยังต้องล่าถอยไป

รายงานข่าวแจ้งว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 610/2557 เรื่องให้ พล.ต.ท.พงศพัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. กับ พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก.ไปปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิมนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ตัดสินใจเมื่อตอน 04 น.เศษของวันที่ 12 พ.ย. จึงนับว่าต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะไม่เคยมีคำสั่งในลักษณะนี้มาก่อน นอกจากเป็นกรณีพิเศษจนถึงพิเศษที่สุด

สำหรับเส้นทางของตำรวจทั้ง 2 นายเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 (ทบ.15) โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 (นรต.31) มีเพื่อนร่วมรุ่น คือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เป็นต้น โดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ยังจบปริญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรสืบราชการลับจากมหาวิทยาลัยหน่วยสืบราชการลับสหรัฐอเมริกา หลักสูตรด้านการบริหารตำรวจ จากวิทยบาลัยตำรวจแคนาดา เป็นต้น

ประวัติการทำงานส่วนใหญ่เติบโตมาในสายกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เคยเป็นผู้กำกับ 1 กองปราบปราม (รับผิดชอบใน กทม.) และผู้กำกับ 2 กองปราบปราม(รับผิดชอบทั่วราชอาณาจักร) รองผู้บังคับการกองปราบปราม รักษาการแทนผู้การกองปราบ เป็นผู้การกองปราบ ก่อนเลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพียง 6 เดือนแล้วขึ้นเป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนนั่งเต็มตัวเมื่อปี 2553 นับเป็นเวลายาวนานกว่า 4 ปีที่อยู่ในตำแหน่งทรงอิทธิพลที่สุดในองค์กรตำรวจ

มีรายงานว่าเหตุผลการย้ายแบบฟ้าผ่าครั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องเหนือความคาดเดา แต่เมื่อจับต้นชนปลายแล้วน่าจะมาจากการอยู่ในอำนาจอย่างยาวนานของ พล.ต.ท.พงศพัฒน์ นั่นเองและเท่าที่ผ่านมาผลงานต่างๆ ของหน่วยงานในสังกัด ไม่ว่าจะเป็นกองปราบปรามเอง หรือกองบังคับการอื่นๆ เช่น ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ตำรวจรถไฟ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆเช่นเกี่ยวกับความผิดทรัพยากรธรรมชาติ การทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังตอบสนองความต้องการของนโยบายระดับชาติไม่ได้ อีกทั้งยังมีเหตุแทรกซ้อนจากบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.-พ.ต.ต. ซึ่ง พล.ต.ท.พงศพัฒน์ มอบหมายให้ พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบชก.เป็นผู้รับผิดชอบจัดทำ และไม่สามารถประสานความลงตัวกับผู้บริหารระดับอื่นได้ จึงเป็นที่มาของคำสั่งย้ายด่วนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม กับคำสั่งดังกล่าวแม้ส่วนใหญ่จะยังงุนงง แต่ก็มีเสียงสนับสนุนโดยหวังว่า จะเป็นการเปิดประตูสู่การบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล อย่างแท้จริงเพราะที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การนำของพล.ต.ท.พงศพัฒน์ ดูเหมือนว่าอยู่ภายใต้กรอบความคิดของอดีต ผบช.ก.และพล.ต.ต.โกวิท ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจที่สุดเพียง 2 คนจึงถือเป็นศักราชใหม่มีแนวโน้มการทำงานที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือว่าเป็นการกระชับอำนาจของรัฐบาลทหาร กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างแท้จริง

ส่วนเก้าอี้ ผบช.ก.ที่มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาการณ์ไปก่อนนั้น มีรายงานว่านายตำรวจที่มีความเหมาะสม และอยู่ในขั้วอำนาจขณะนี้ คือ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ที่เติบโตมากับสายงานกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมาโดยตลอด อาจจะขยับเก้าอี้ไปทำหน้าที่แทนพร้อมกับ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ที่มีสิทธิ์เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่ได้เช่นกัน
Read more ...

ผบ.ตร. สั่ง ผบช.ก. ช่วยราชการ ศปก.ตร.

12/11/57
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 12 พ.ย.2557

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่ง ตร.ที่ 610/2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ โดยให้

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) 

พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. 

ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้รายงานตัวที่ ศปก.ตร.ภายในวันที่ 12 พ.ย. 2557 เวลา 10.00 น. และให้

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 

รักษาราชการแทน ผบช.ก.

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2557 เป็นต้นไป.

มีรายงานด้วยว่า ทั้ง พล.ต.อ.สมยศ, พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์, พล.ต.ต.โกวิทย์ และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 (นรต.31) โดยคำสั่งย้ายดังกล่าว ผบ.ตร.ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุแห่งการโยกย้ายนอกฤดูกาล
Read more ...

ถกเพิ่มเก้าอี้ รอง ผบก.ทั่ว ปท. รอง ผกก. สารวัตร มีเฮด้วย แต่ลดตำแหน่ง "นายเวร" ลง

10/11/57
โดยข่าวสด เมื่อ 10 พ.ย.2557

ตร.ทั่วประ เทศได้เฮ หลังอนุก.ตร.จ่อปรับตำแหน่งครั้งใหญ่ เพิ่มรองผบก.ให้บก.ฝรก.ภาค 1-8 และศชต. แล้วยังเพิ่มรองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่อีกอัตรา ขณะที่ รอง ผกก.- สารวัตรทั่วประเทศก็ได้เพิ่มในส่วนอำนวยการ-สืบสวน แต่ปรับลดยศตำแหน่งนายเวรทุกระดับตั้งแต่ผบ.ตร.-ผบช. กลับไปใช้แบบเก่าเป็นแค่ รอง ผบก. ชี้เทียบเคียงยศเหล่าทัพ เตรียมเสนอ ก.ตร.พิจารณาต่อไป

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. (บร 1) เป็นประธานการประชุมอนุคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ในช่วงบ่ายของวันที่ 10 พ.ย.นี้ โดยมีการประชุมวาระเพื่อพิจารณาดังนี้ การเยียวยาและชดเชยสิทธิ์ที่จะได้รับสิทธิ์การเลื่อนเงินเดือน สำหรับข้าราชการตำรวจที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษแล้ว กลับสู่สภาพเดิม การปรับเพิ่มระดับตำแหน่งอาจารย์และการกำหนดตำแหน่ง รอง ผบก.ให้ บก.ฝรก. ศฝร.ภ.1-8 และศฝร.ศชต. การบรรจุและแต่งตั้ง นายถาวร ศิษนเรนทร์ (นอกราชการ) กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร การรับโอน นายอัสพล ตันตะราวงศา เข้ารับราชการในสังกัด รพ.ตร.

นอกจากนี้ยังมีวาระขออนุมัติหลักเกณฑ์ และวิธีประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพยาบาล (สบ 1-3) ในสังกัดศชต. การปรับระดับตำแหน่งนายเวร และผู้ช่วยนายเวรของผู้บังคับบัญชาระดับตร. การกำหนดตำแหน่งในสังกัด วน. การกำหนดตำแหน่งรองผบก. และรองผกก.ในสังกัด สง.ก.ตร.เพิ่มเติม การวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่งรองผกก.เพิ่มให้กับ ทพ.สกพ. กำหนดตำแหน่งรองผกก.เพิ่มให้กับ สงป./สยศ./บก.สปพ. ขออนุมัติกำหนดตำแหน่ง รองผกก.ฝอ. รองผกก.สส. และสว.สส. เพิ่มเติมให้กับภ.จว.ต่างๆ ในสังกัด ภ.1-9 การกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจให้สถานีตำรวจที่ขอตั้งขึ้นใหม่จำนวน 2 สถานี และสถานีตำรวจสาขาจำนวน 3 สถานี กำหนดตำแหน่ง รองผบก.เพิ่มให้กับ ภ.จว.เชียงใหม่ และข้าราชการตำรวจทำหน้าที่จราจรในสถานีตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงใหม่ และวาระสุดท้าย การปรับระดับตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมยังพิจารณาตำแหน่งนายเวรผบ.ตร. ที่มียศ พล.ต.ต. และตำแหน่ง ผบก. ซึ่งเริ่มมีขึ้นในสมัย พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นผบ.ตร. มี พล.ต.ต.อธิชา เปาอินทร์ เป็นนายตำรวจนายแรก โดยระบุเหตุผลว่าเพื่อให้เกิดความมีประสิทธิภาพในการประสานงาน และสั่งการกับหน่วยงานใต้บังคับบัญชา

ต่อมาคนที่ 2 คือ พ.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี ซึ่งรอการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เป็น พล.ต.ต. โดยขณะนี้เป็น รรท.นายเวร พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ทั้งนี้เหตุผลที่ปรับลดยศนายเวรลงนั้น อ้างเหตุผลว่าเป็นการเทียบเคียงโครงสร้างยศกับเหล่าทัพ ซึ่งมีนายทหารคนสนิท ผบ.เหล่าทัพ ที่มียศเพียงแค่ พ.อ.เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ถ้าหากที่ประชุมเห็นชอบก็จะปรับลดยศนายเวรทุกระดับ และนายเวร ผบ.ตร. กลับมาใช้แบบเดิม คือ ตำแหน่ง

ระดับ ผบ.ตร. นายเวร จะเป็น รอง ผบก. ผช.นายเวร ผบ.ตร.เป็น ระดับ ผกก.

ระดับ รอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษา (สบ 10) นายเวรจะเป็นระดับ ผกก. มี ผช.นายเวรเป็น รอง ผกก.

ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. มีนายเวรเป็นระดับ รอง ผกก. ผู้ช่วยนายเวรเป็นระดับ สว. และ

ระดับ ผบช. มีนายเวรเป็นระดับ สว. และ ผช.นายเวร ผบช. ก็จะเป็นระดับ รอง สว. ซึ่งกลับไปใช้แบบเดิมที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้

รวมทั้งการกำหนดตำแหน่งต่างๆ ในครั้งนี้ หากที่ประชุมเห็นชอบก็ต้องนำไปบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในการประชุมของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานในครั้งต่อไป
Read more ...

โปรดเกล้ารายชื่อแต่งตั้ง ผบช. ขึ้นไป และ ผบก. ถึง รอง ผบช.

10/11/57
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 10 พ.ย.2557

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ที่สำคัญถึง 57 ตำแหน่ง ทั้งนี้มีการโยกย้ายตำแหน่งที่สำคัญหลายตำแหน่งอธิเช่น

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาย จเรตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร. ,

พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ที่ปรึกษา (สบ10) (ด้านกฎหมายและสอบสวน) ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ , 

พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผช.ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) (ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม) , 

พล.ต.ท. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผช.ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร. , 

พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผช.ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ10) (ด้านกฎหมายและสอบสวน) , 

พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9) ดำรงตำแหน่ง (สบ10) (ด้านสืบสวน) , 

พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผช.ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร. เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรับชมข้อมูลทั้งหมดได้ที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

ในส่วนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง รองผู้บัญชาการ ไปจนถึงระดับผู้บังคับการจำนวน 225 ตำแหน่งนั้นสามารถติดตามได้ที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เช่นเดียวกัน
Read more ...

แต่งตั้ง "นายพันสีกากี"ฉาว!หลังบ้านอดีตบิ๊กตร.เซ้งลี้เก้าอี้

9/11/57
โดย สน.พระอาทิตย์ ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อ 9 พ.ย.2557

มีข่าวเชิงลบออกมาอย่างต่อเนื่องในการแต่งตั้งโยกย้ายเกี่ยวกับการซื้อขายเก้าอี้ ในแวดวง "สีกากี”ที่กระหึ่มกันในทำนองว่า มีภรรยาผู้มีอำนาจที่อยู่นอกรั้ว "กรมปทุมวัน”เป็นคนจัดแจง ใส่ชื่อลง "ตั๋ว”ผู้มีอำนาจส่งมาให้ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการ ตามโควตาที่มีการจัดสรรกัน

ระส่ำ!! กันทั้ง "กรมปทุมวัน"คำสั่งตรวจสอบการติดตั้งจอแสดงภาพและป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจ ตามแยกต่างๆ ที่ตอนนี้นอกจากพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รรท.ผบช.น.) ตั้งกรรมการสอบตำรวจระดับ ผู้กำกับการ(ผกก.) ร่วม 50 โรงพักแล้ว การตรวจสอบกำลังบานปลายออกไปตามภูธรต่างๆ ซึ่งล่าสุด พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รักษาการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1(รรท.ผบช.ภ.1) ก็สั่งตรวจสอบทุกจังหวัดในสังกัดเช่นกัน

แม้การตรวจสอบ ผกก.โรงพัก ร่วมครึ่งร้อยในพื้นที่นครบาล พล.ต.ต.ศรีวราห์ จะออกมาชี้แจงว่า การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้นเพื่อความโปร่งใส แต่อาจทำให้ผู้ที่มีรายชื่อเกิดความกังวล เนื่องจากใกล้ฤดูแต่งตั้งโยกย้าย ก็ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกันเนื่องจากการแต่งตั้งระดับ รอง ผบก.-ผกก. ต้องเข้าที่ประชุม ก.ตร. โดยให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้กลั่นกรองขึ้นมาก่อนจากนั้นให้ทางกองบัญชาการ (บช.) จัดทำบัญชีผู้เหมาะสมส่งรายชื่อมาให้ สกพ. ก่อนนำเข้าในวาระการประชุม ก.ตร. เพื่อให้มีการพิจารณาต่อไป

“เรื่องนี้ขอย้ำว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด"

แต่ดูเหมือนว่าคำยืนยันจาก "แม่ทัพนครบาล”ก็ไม่ทำให้เหล่า "ผกก.”ที่มีชื่อถูกตั้งกรรมการสอบสวนได้คลายกังวล เพราะพล.ต.ต.ศรีวราห์ระบุชัดเจนว่า พฤติการณ์ให้บริษัทเอกชนเข้ามาประกอบธุรกิจหาผลประโยชน์บนที่ราชพัสดุด้วยการติดตั้งจอแสดงภาพ และป้ายโฆษณาแต่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือยินยอมและมีหลักฐานเป็นหนังสือยินยอมแต่ไม่ถูกต้องตามระเบียบทางราชการ

นั่นหมายความว่า หากผลการสอบสวนออกมาไม่ว่า ผกก.โรงพักจะผิดโดยตรง หรือโดยอ้อม ก็จะมีข้อบกพร่อง และอาจส่งผลกระทบไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะกับตำรวจขั้วตรงข้ามกับผู้มีอำนาจ อาจถูกหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขในการแต่งตั้งโยกย้าย

ต้องยอมรับว่า หลังจากเสร็จสิ้นการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ "นายพล”ที่ผ่านมา ภาพสะท้อนที่ออกมาก็ชัดเจนแล้วว่าตำรวจสายที่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ,ลูกน้องเก่าพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร., สายพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. รวมทั้งพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาการรองผบ.ตร. ต่างขยับนั่งเก้าอี้สำคัญเกือบทุกตำแหน่ง

ในทางตรงกันข้ามตำรวจ "ขั้วตรงข้าม"ที่อยู่ใต้เงาการเมืองในยุครัฐบาลนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสายสัมพันธ์เก่าระบอบทักษิณ ต่างๆก็ถูกเด้งออกจากตำแหน่งกันกราวรูด เห็นได้จากการแต่งตั้งระดับ ผบช. ที่ ผบช.ที่คุมพื้นที่ทั้งประเทศ ตั้งแต่ ผบช.น. จนถึง ผบช.ภ.1-9 รวมทั้งศชต. ต่างเปลี่ยนตัวทั่วหน้า ไม่ถูกเตะเข้ากรุนั่งตบยุง ก็ถูกดันขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.ตามลำดับอาวุโสไม่มียกเว้น

เช่นเดียวกับการแต่งตั้งระดับ รองผบก.-ผกก.ประจำปี ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าครั้งนี้ ว่ากันว่า ขั้วอำนาจไม่ต่างจากการแต่งตั้งระดับนายพลที่จะส่งลูกน้องสายตัวเอง ลงมานั่งเก้าอี้ ผกก.โรงพักเกรดเอ หรือผกก.หน่วยงานสำคัญๆ

เพราะกติกาในการแต่งตั้ง "รองผบก.-ผกก.”ในยุคที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามากุมอำนาจ มีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงปกติ ที่การแต่งตั้ง "รองผบก.-ผกก.”จะให้อำนาจ ผบช. พิจารณารายชื่อเต็มๆ แต่มาครั้งนี้ คสช.มีประกา ฉบับที่ 88/2557 ให้การพิจารณาแต่งตั้งระดับ รอง ผบก. และ ผกก. ต้องผ่านการพิจารณาในที่ประชุมก.ตร. เสียก่อน เช่นเดียวกับการแต่งตั้งระดับนายพลมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทำหน้าที่ ประธาน ก.ตร. ร่วมกับ ผบ.ตร. รองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ เป็น กรรมการ

มิหนำซ้ำ ยังมีข่าวเชิงลบออกมาอย่างต่อเนื่องในการแต่งตั้งโยกย้ายเกี่ยวกับการซื้อขายเก้าอี้ ในแวดวง "สีกากี”ที่กระหึ่มกันในทำนองว่า มีภรรยาผู้มีอำนาจที่อยู่นอกรั้ว "กรมปทุมวัน”เป็นคนจัดแจง ใส่ชื่อลง "ตั๋ว”ผู้มีอำนาจส่งมาให้ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการ ตามโควตาที่มีการจัดสรรกัน

ทำให้ตำรวจระดับ ผกก. ไร้เส้น ไร้สาย ต่างขั้วอำนาจ หวาดหวั่นกันไปทั่ว

โดยเฉพาะในพื้นที่ "นครบาล” ที่มีข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่าจะมีการ "ล้างบาง”ตำรวจที่มีสายสัมพันธ์ขั้วอำนาจเก่าออกมาหน่วย 20-30 ราย และนำตำรวจที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจใหม่ รวมทั้งลูกน้องเก่าพล.ต.ต.ศรีวราห์จากภูธรภาค 1 เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงจำนวนมาก

พอมีเรื่องการตรวจสอบ ผกก.โรงพัก เกือบ 50 นาย เกี่ยวกับการติดตั้งจอแสดงภาพและป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจ ตามแยกต่างๆอีก

แรงระส่ำเลยยิ่งหนักขึ้น!!!

แม้เก้าอี้ว่างระดับ รองผบก. –ผกก. ประจำปีนี้ ทั่วประเทศเกือบ 250 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รอง ผบก. ว่าง 11 ตำแหน่ง ผกก. ว่าง 240 ตำแหน่ง รวมทั้งน่าจะว่างจากแท่งที่ต้องขยับขึ้นตามตำรวจที่เข้าโครงการเกษียณก่อนราชการ หรือเออลี่รีไทร์ และการปรับยกระดับโรงพัก เปิดโรงพักใหม่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องทำเสร็จก่อนการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผบก.-ผกก.ประจำปี ในช่วงเดือนธันวาคม ก็น่าจะทำให้มีเก้าอี้ว่างเกือบๆ 300 ตำแหน่ง

ดังนั้นแวดวงสีกากีชั่วโมงนี้จึงวิ่งกันวุ่นไม่เป็นอันทำงาน โดเยเฉพาะ "ผกก.โรงพัก"ต่างก็ต้องพยายามเซฟตัวเองไม่ให้เกิดความเสี่ยงมากนัก คดีต่างๆจึงหยุดนิ่งไม่มีข่าวคราวการบุกจับกุมเหมือนก่อน เพราะขยับมากก็เจ็บมาก บางพื้นที่บางโรงพักถูกเจาะถูกบุกจับสถานบริการ ทั้งๆที่สถานบริการเหล่านี้มีเกลื่อนแทบทุกถนนในเมืองกรุง ขนาดไม่ขยับยังเจ็บเหมือนอย่างที่ 50 ผกก.โรงพักนครบาลกำลังเผชิญอยู่

"ผกก.โรงพัก”เลยลุ้นกันหนัก
Read more ...

บนแนวทางเศรษฐี "สมยศ" ทุ่มใช้ "เงิน"ซื้อใจคนสีกากี

2/11/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 2 พ.ย.2557

สน.พระอาทิตย์

เพราะหากวันหนึ่งวันใดไม่มีเงินล่อใจ หรือมีรางวัลเชิญชวนแล้ว ภาพพจน์ด้านลบๆของตำรวจ รวมทั้งพฤติกรรมการเรียกรับสินบนจะกลับคืนมาหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่พล.ต.อ.สมยศต้องตรึกตรองให้ถ่องแท้ถึงรากเง้าปัญหาตำรวจ จะแก้ด้วย”เงิน”นำหน้ามากกว่าการสร้างจิตสำนึกคำว่า "หน้าที่ตำรวจ" สิ่งไหนจะเหมาะสมกว่ากัน.

การบริหารงานตำรวจยุค "บิ๊กอ๊อด"พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กุมบังเหียน "กรมปทุมวัน"ผ่านมาครบ 1 เดือนเต็ม เริ่มจะเห็นสไตล์การทำงานของ "แม่ทัพสีกากี"รายนี้แล้วว่า น่าจะใช้ "เงิน"นำหน้าขับเคลื่อนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ฉีกแนว"ผบ.ตร."ในอดีต มาเป็นสไตล์ตำรวจนักเล่นหุ้นที่อู่ฟู่ลำดับต้นๆของเมืองไทย!!!

เมื่อไม่นานหลังเป็นผบ. ตร. เพิ่งมีข่าวพล.ต.อ.สมยศ ควักเงินจำนวน 270 ล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) ของ บมจ. วธน แคปปิตัล (WAT) จำนวน 7,500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ซึ่งยังไม่รวมบุตรสาว "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง"ที่เข้ามาถือหุ้นเดียวกันอีก 2,500 ล้านหุ้น มูลค่า 90 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.73% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท

สไตล์การใช้เงินในการบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแลก” งานจากลูกน้อง ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่ครั้งที่พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) ดูแลงานด้านการจราจร ผุดไอเดีย "แจกเงินลดคอรัปชั่น"

โครงการนี้เป็นการมอบเงินรางวัลจำนวน 1 หมื่นบาท ให้ตำรวจจราจรที่สามารถจับผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทำผิดกฎจราจรแล้วนำเงินมาติดสินบนตำรวจจราจร โดยให้ถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐานดำเนินคดีฐานติดสินบนเจ้าพนักงาน

เพื่อหวังแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นและการเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ให้ตำรวจรับสินบน

แม้ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองหลายคน และกระแสสังคมจะออกมาทักท้วงโครงการนี้ เพราะเห็นว่าอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล สร้างความหวาดระแวงให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการจับกุมผู้ติดสินบนเจ้าหน้าที่แลกกับการพ้นความผิดทางกฎหมาย ถือเป็นเรื่องผิด ตำรวจผู้ทำหน้าที่รักษากฎหมายมีหน้าที่ต้องจับกุมดำเนินคดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมีรางวัลใดๆ

แต่พล.ต.อ.สมยศ เห็นด้วยกับไอเดีย "แจกเงินลดคอรัปชั่น” เพราะมองว่าการให้เงินรางวัล 1 หมื่นบาทกับตำรวจที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดกำหมายจราจรและพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ จะช่วยทำลายวัฒนธรรมการรับส่วย จึงให้ดำเนินการต่อเนื่องทั่วประเทศเกี่ยวกับสินบนทุกกรณี ไม่เฉพาะงานจราจร

“จะไม่เป็นเพียงการจ่ายรางวัลนำจับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น แต่หากประชาชนมีพยานหลักฐาน จนถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับสินบน ก็พร้อมจะมอบเงินรางวัล 1 หมื่นบาท ให้กับประชาชนด้วยเช่นกัน”

แนวทางการบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุคพล.ต.อ.สมยศกุมบังเหียนยังคงถูก ตอกย้ำขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้ในกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง เดย์ ซึ่งเป็นกิจกรรมทำความสะอาดภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะมีขึ้นทุกวันพุธสุดท้ายของแต่ละเดือน

กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์มีขึ้นเพื่อให้ข้าราชการตำรวจที่มีที่ตั้งอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่านปทุมวัน ได้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบดูแลความสะอาด ดูแลความเรียบร้อยภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างความสามัคคีเป็นหมู่คณะ

วันพุธที่ 29 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพุธสิ้นเดือนครั้งแรก นับตั้งแต่พล.ต.อ.สมยศรับตำแหน่งผู้นำกรมปทุมวัน กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ที่ตำรวจหลายร้อยนายจากหน่วยงานต่างๆภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เข้าร่วม ก็ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบแตกต่างจากที่ผ่านมา

โดยผบ.ตร.ในยุคก่อนๆ กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์จะมีเพียงการร่วมกันทำความสะอาดสถานที่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มาในยุค "บิ๊กอ๊อด"นอกจากร่วมกันทำความสะอาดแล้วยังมีการจัดซุ้มอาหาร และตั้งโต๊ะเก้าอี้ รวมทั้งมีดนตรี ขับกล่อมให้ตำรวจที่เข้าร่วมกินกรรมได้รับประทานอาหารร่วมกันเคล้าเสียงเพลง มิหนำซ้ำในการจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ในวันพุธสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน แว่วๆว่านอกจากมีซุ้มอาหาร ดนตรี และเครื่องดื่ม เหมือนที่ผ่านๆมาแล้ว ยังจะมีการจับรางวัลแจกให้กับตำรวจที่เข้าร่วมกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ด้วย

ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการปรับกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ สร้างความรื่นรมย์ พร้อมรางวัลมากมาย นอกจากคืนความสุขให้ลูกน้องตามคำยอดฮิตที่สังคมทั่วไปชอบนำมาใช้แล้ว อีกนัยยะหนึ่งก็เป็นสิ่งล่อใจให้ตำรวจอยากเข้ามาร่วมกิจกรรมที่พล.ต.อ.สมยศจัดขึ้นกันให้มากๆ

ไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลก ที่พล.ต.อ.สมยศจะใช้ "เงิน”ในการขับเคลื่อนงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสร้างแรงจูงใจลูกน้องให้ทำงาน เพราะดูจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพล.ต.อ.สมยศและนางพจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง คู่สมรส ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)

พล.ต.อ.สมยศ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 374,679,849 บาท แบ่งเป็นของพล.ต.อ.สมยศ 246,455,152 บาท(เงินฝาก 18 บัญชี 11,544,651 บาท เงินลงทุน 12 แห่ง 53,117,900 บาท เงินให้กู้ยืม 2 รายการ 109,000,000 บาท ที่ดิน 10 แปลง 40,792,601 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง 2 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 30 ล้านบาท)

ของนางพจมาน 128,224,696 บาท (เงินฝาก 4 บัญชี 27,790,529 บาท เงินลงทุน 3 แห่ง 1,280,216 บาท ที่ดิน 14 แปลง 65,810,000 บาท โรงเรียนและสิ่งปลูกสร้าง 4 หลัง 23,343,950 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 10 ล้านบาท) มีหนี้สิน 18,822,122 บาท แบ่งเป็นของพล.ต.อ.สมยศ 13,947,466 บาท ของนางพจมาน 4,874,676 บาท(เป็นเงินกู้จากธนาคารทั้งหมด)

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พล.ต.อ.สมยศ เป็นยอดนักบริหารการเงิน และดำเนินธุรกิจควบคู่กับการเป็นตำรวจได้อย่างประสบความสำเร็จ ทั้งการเงินและหน้าที่การงาน แต่ความสำเร็จในการบริหารการเงินในทางธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องการันตีว่าเมื่อใช้ "เงิน"มาเป็นตัวนำในการบริหารงานตำรวจ จะประสบความสำเร็จสามารถทำให้ตำรวจปลอดจากการคอรัปชั่น หรือมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานเพื่อประชาชนมากขึ้นอย่างถาวรหรือไม่

เพราะหากวันหนึ่งวันใดไม่มีเงินล่อใจ หรือมีรางวัลเชิญชวนแล้ว ภาพพจน์ด้านลบๆของตำรวจ รวมทั้งพฤติกรรมการเรียกรับสินบนจะกลับคืนมาหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่พล.ต.อ.สมยศต้องตรึกตรองให้ถ่องแท้ถึงรากเง้าปัญหาตำรวจ จะแก้ด้วย”เงิน”นำหน้ามากกว่าการสร้างจิตสำนึกคำว่า "หน้าที่ตำรวจ" สิ่งไหนจะเหมาะสมกว่ากัน.
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม