โดยไทยรัฐ เมื่อ 7 ม.ค.2557 เวลา 07:05 น.
รายบุคคลผบ.ตร.ยันไม่กระทบโผย้ายตร.
ก.ตร.ส่วนหนึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมนายตำรวจที่โดน “พิษป้ายโฆษณา” จ่อเชิญ “ศรีวราห์” ชี้แจงเป็นรายบุคคล ส่วน “สมยศ” มั่นใจไม่ส่งผลที่ประชุมแต่งตั้งโยกย้ายสะดุด ยอมรับที่ผ่านมาไม่ได้ตรวจสอบสัญญา กระทั่ง ผบช.น.ตรวจพบจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย นายกฯลั่นคนเราต้องยอมรับผิด ไม่ใช่ไม่ยอมรับแล้วออกมาสู้ “ประวิตร” ย้อนถามผิดหรือไม่ถึงจะขอความเป็นธรรม ด้าน 2 รองผู้การนครบาลทำฉาวอีกพัวพันสถานนวดเพื่อสุขภาพเถื่อน มีสารวัตรท่องเที่ยวแจมด้วย แย้ม “โผ น.” บรรดา “ผกก.ภูธร” เข้ากรุงอื้อตามคาด ส่วนกองปราบปรามล้าง ผกก.เก่าเกลี้ยง รอง ผบก.รั้งเก้าอี้แค่ 2 คน
เรื่องวุ่นเกี่ยวกับป้ายไฟโฆษณาป้อมจราจรที่พ่นพิษจ่อเด้ง ผกก.โรงพักทั่วกรุงถึงขั้น พ.ต.อ.ที่เกี่ยวข้องจะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร.ให้ชะลอการแต่งตั้งโยกย้าย ความคืบหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ม.ค. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะคณะกรรมการกำหนดนโยบายการใช้อาคาร สถานที่และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมแนวทางการอนุญาตติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์บนป้อมจราจร เพื่อให้ถูกต้องและเป็นบรรทัดฐานเดียวกันทั่วประเทศ และหาข้อสรุปความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ ตร. ในการพิจารณาความผิดกรณีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ตามป้อมตำรวจทั่ว กทม. ทำให้ บช.น.เสนอบัญชีโยกย้ายระดับรอง ผบก.ถึง สว.ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า มีการพิจารณาด้วยกัน 3 ประเด็น ประเด็นแรกกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า ป้อมตำรวจทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 6 พันป้อม เป็นพื้นที่ของราชพัสดุ แนะนำให้ดำเนินการตามระเบียบ พบมีการติดตั้งป้ายโฆษณา 805 ป้อม เป็นส่วนของ บช.น. 173 ป้อม คณะกรรมการมีมติเสนอให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ให้ ผบช.ทุกภาคไปสำรวจว่า ได้ทำสัญญากับบริษัทใดแล้วรวบรวมสู่คณะกรรมการนำข้อมูลเสนอกรมธนารักษ์ หากกรมธนารักษ์เห็นชอบที่จะให้มีการโฆษณาต่อ บริษัทต้องไปทำสัญญากับกรมธนารักษ์มีการเสียภาษีและทำสัญญาให้ถูกต้องตามขั้นตอน
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ 2 จะมีการพิจารณาในส่วนที่ สตง.มีหนังสือสอบถาม ผลการดำเนินการในคดีรวมถึงข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม คณะกรรมการจะพิจารณาว่าจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างไร รวมถึงจะให้ในแต่ละ บช.ดำเนินการชี้แจงในข้อมูลใดบ้าง และสุดท้ายในกรณีบริษัทเอกชนทำสัญญาไว้กับ บช.น.ว่ามีความถูกต้อง หรือไม่ และจะดำเนินการโฆษณาต่อไปจนหมดสัญญาได้หรือไม่ โดยต่อไปในอนาคตเมื่อจะมีการติดตั้งป้ายต้องมีการเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบ แม้ว่าจะเป็นส่วนของที่ราชพัสดุก็จริง แต่อยู่ในการดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ ผบช.ทุกภาคต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพราะต้องมีการเข้าสู่การพิจารณา ของ ก.ตร. ตนคิดว่า ก.ตร.น่าจะเป็นที่พึ่งให้กับข้าราชการตำรวจทุกนายที่อยู่ในบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ตนเป็นหนึ่งใน ก.ตร.ยืนยันว่าจะให้การแต่งตั้งเป็นธรรมกับทุกคน บัญชีการแต่งตั้งของ บช.น.คงจะมีการเชิญ ผบช.น.มาชี้แจงเป็นรายบุคคลอย่างแน่นอน เพราะหากไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ก.ตร.อาจจะถูกฟ้องได้ ในที่ประชุม ก.ตร.ตนก็ต้องชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องป้ายโฆษณาด้วย
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งแต่งตั้ง ที่ไม่เป็นธรรมยืนยันว่า ก.ตร.ทุกคนจะให้ความเป็นธรรมดำเนินการตามหลักการ ใครที่กระทำผิดต้องพิจารณาลงโทษ ตั้งกรรมการสอบสวนเป็นไปตาม กฎหมาย ก.ตร.ทุกคนจะนำเอาระเบียบกฎหมายเป็นหลัก ไม่ได้พิจารณารายละเอียดตัวบุคคล แต่จะยึดระเบียบกฎหมาย ต้องเห็นใจผู้บังคับบัญชาอยากจัดการหน่วยให้ได้ดี แต่ที่มีข่าวปรากฏออกมาจะให้ความเป็นธรรมตามกฎ ก.ตร.ในเรื่องการแต่งตั้งให้มากที่สุด ไม่อยากให้ตำรวจฟ้องร้องกันเอง ก.ตร.มีหน้าที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เชื่อว่านายตำรวจระดับนี้มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถระดับหนึ่ง คงเป็นอีกเรื่องจะพูดในที่ประชุม
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ย้ำว่า การแต่งตั้งระดับรอง ผบก.ถึง สว.เป็นอำนาจของ ผบช.ในแต่ละ บช. ทาง ก.ตร.จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆทั้งสิ้น บัญชีแต่งตั้งที่ทำโดย ผบช.จะถูกส่งให้ ก.ตร.พิจารณา หรือรับทราบเท่านั้น แต่ต้องมาชี้แจงข้อซักถามของ ก.ตร. ต้องมีเหตุผลในการตอบคำถามของสังคม และข้อสงสัยของคนทั่วไปด้วย หากจะมีการเข้ามาร้องเรียนในวันที่ 7 ม.ค.คงไม่ทำให้การประชุม ก.ตร.หยุดชะงัก ตนเชื่อว่า ตำรวจมีวินัย การที่จะมาชุมนุมร้องเรียนอะไรก็แล้วแต่ต้องไตร่ตรองให้ดีว่า มันถูกมันควรหรือไม่ เพราะมีช่องทางในการร้องเรียนได้อยู่แล้ว การที่จะมาแสดงออก หรือการชุมนุม ขอฝากบอกน้องๆเหล่านั้นด้วยว่า ให้ใคร่ครวญให้ดี คิดว่าอะไรที่ใครได้ทำไว้อันเป็นผลมาจากการกระทำ ต้องยอมรับ ในสิ่งที่ตัวกระทำ เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาทุกท่านไม่มีอคติในการแต่งตั้งโยกย้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปเซ็นสัญญาเรื่องป้ายโฆษณาโดยที่มีผู้ใหญ่หลายท่านเข้าร่วมด้วย แสดงว่าไม่มีการตรวจเรื่องนี้มาก่อนใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศตอบว่า ในช่วงเวลานั้นคิดว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ภาคเอกชนสามารถสนับสนุนการทำงานของตำรวจ หรือหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดก็แล้วแต่ ทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประชาชนก็น่าจะทำได้ ยังไม่มีการตรวจพบการทำสัญญาระหว่าง ผบช.น.คนเก่ากับบริษัทเอกชนว่าไม่ถูกต้อง การตรวจพบสัญญาที่ไม่ถูกต้องเป็นการตรวจพบของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.และดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากไม่ดำเนินการก็ต้องมีความผิดเอง ต้องเห็นใจด้วย ส่วนผลประโยชน์จะไปตกอยู่ที่ใครคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกำลังดำเนินการอยู่
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ยืนยันว่า ส่งเรื่องไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาไม่ใช่เรื่องของตนที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ฐานะเป็นผู้บัญชาการคัดเลือกรายชื่อตำรวจในสังกัดเสนอ ผบ.ตร.พิจารณา ให้ ก.ตร.มีความเห็นชอบก่อนเสนอกลับมา และรับคำสั่งมาออกคำสั่งเท่านั้น ข่าวที่ว่า ผกก.ถูกย้ายเรื่องป้ายโฆษณาจะยื่นหนังสือร้องทุกข์ ก็ยังไม่เห็นมีใครส่งหนังสือเข้ามาร้องเรียนสักราย มีแต่เพียงบัตรสนเท่ห์ ผกก.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องป้ายไม่ได้ถูกย้ายทุกคน บางพื้นที่ได้รับการยุติการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงก็มี มีผลงานดี มีบทลงโทษทางวินัยก็ลงโทษทางวินัย การแต่งตั้งโยกย้ายนั้นเป็นเรื่องทางปกครอง ส่วนป้ายไฟที่มีปัญหายังเปิดโฆษณาอยู่ต้องดูกฎหมายแพ่งจะไปรื้อถอนหรือไม่ คาดว่าน่าจะใช้วิธีฟ้องขับไล่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต้องเป็นผู้ดำเนินการ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผยถึงการจ่อโยกย้ายล้างบางตำรวจ นครบาลว่า ต้องว่ากันตามกฎหมาย ตนบอกมาตลอดว่า อย่าเอาการกระทำความผิดที่ต้องได้รับโทษมาบอกว่าจะทำให้เกิดความไม่มั่นคง ต้องยอมรับกระบวนการลงโทษ วันหน้าก็กลับมาทำงานปกติ คนเราต้องยอมรับผิด ไม่ยอมรับแล้วออกมาสู้กันหรือตนถามไปเหมือนกันว่า จะมีปัญหาหรือไม่ ตำรวจยืนยันว่า ไม่มีปัญหา ผบช.น.ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นคนปรับย้าย มีขั้นตอนกลั่นกรองมา ถ้ามีการฟ้องร้องศาลก็ไปต่อสู้ในศาล หากมีผู้ทำผิดแล้วไม่ลงโทษไม่ได้
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.กล่าวถึงกรณี ผบช.น.เสนอโยกย้ายนายตำรวจสังกัดระดับ ผกก.สังกัด บช.น.ลอตใหญ่ที่พัวพันคดีป้ายโฆษณาติดตั้งบนป้อมจราจรออกนอกหน่วยว่า ถ้าย้ายต้องผิด ถ้าไม่ผิดย้ายได้ไหม ต้องถามว่า ผิดหรือไม่ และเจ้าตัวผิดไหมถึงจะขอความเป็นธรรม เป็นอำนาจของ ผบช.น.เป็นคนทำ ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วไปย้ายคนส่งเดชได้หรือ การโยกย้ายไม่ใช่อยากจะย้ายใครก็ย้ายได้ เพราะมีขั้นตอนการดำเนินการ ผู้บัญชาการก็ต้องชี้แจงด้วยว่าจะย้ายใคร ไม่ใช่ทำโดยตามอำเภอใจ
มีรายงานว่า ในวันที่ 7 ม.ค. เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ก.ตร.วาระ พิเศษเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบก.จนถึง สว.ที่ห้องประชุม 1 ตร. สำหรับรายชื่อในส่วนของ บช.น.ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนนั้น มีการเสนอ ตำรวจภูธรเข้ามาลงตำแหน่งตามคาด อาทิ พ.ต.อ.ชุมพล กาญจนโยธิน ผกก.สภ.สว่างแดนดิน จ. สกลนคร เป็น ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.อ.พรเทพ ถิ่นอุดม ผกก.สส.ภ.จ.มหาสารคาม เป็น ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.สาโรจน์ ขวัญบุญ ผกก.สภ.หนองแสง จ.อุดร-ธานี เป็น ผกก.สน.ลาดกระบัง พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.ภ.จ.อยุธยา นรต.รุ่น 35 ร่วมรุ่น ผบช.น.เป็น ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เป็น ผกก.สด.บช.น. พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ อดีต ผกก.สภ.พัทยา จ.ชลบุรี ที่ถูกเด้งเข้ากรุ ศปก.ตร.เป็น ผกก. สน.บวรมงคล
พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักกยภาพวิชาภรณ์ ผกก.ฝอ.ภ.จ.สุโขทัย เป็น ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.อ.ประสิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สภ.หางน้ำสาคร จ.ชัยนาท เป็น ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.อ.ศุภสิทธิ์ ประชากิตติคุณ ผกก.สภ.ช้างใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น ผกก.สน.บางชัน พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็น ผกก.5 บก.จร. พ.ต.อ.อรรถพร วงษ์ศิริปรีชา ผกก.สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็น ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.อนุวัฒน์ สุวรรณภูมิ ผกก.สภ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็น ผกก.สน.ทุ่งครุ พ.ต.อ.ณัฐวิชย์ อิทธิพาภิรมย์ ผกก.สภ.แม่ระมาด จ.ตาก เป็น ผกก.สน.บางเขน พ.ต.อ.สุวิชา จินดาคำ ผกก.4 บก.ปทส. ลงเป็น ผกก.สน.บางบอน พ.ต.อ.เชิดชาย สัตตบุศย์ ผกก.สภ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี เป็น ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.อ.สมโภช ทัศนา ผกก.สภ.ดงนคร จ.นครนายก เป็น ผกก.สน.ปากคลองสาน พ.ต.อ.สมฤกษ์ ชัยสุทัศยาสันต์ ผกก.สภ.กุดบาก จ.สกลนคร เป็น ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.อุดม ธุระงาม ผกก.สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็น ผกก.สน.บางนา พ.ต.อ.โกสินทร์ กาญจนโกมล ผกก.สภ.ไชยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เป็น ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.อ.จิณวัตร สอนทองดี ผกก.สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง เป็น ผกก.สน.บุคคโล
สำหรับ บช.ก.ที่พัวพันเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. มีการปรับย้ายระนาว ตามคาด โฟกัสที่กองบังคับการปราบปราม ระดับ รอง ผบก.ป. เหลือเพียง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. และ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง นอกนั้นออกนอกหน่วยเปิดทางให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.ศรายุทธ สงวนโภศัย รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.จิระพงศ์ พัฒนพงษ์พานิช รอง ผบก.ปส.2 บช.ปส. พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.อก.บช.ภ.1 พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.น.4 มานั่งเป็น รอง ผบก.ป. ระดับ ผกก. มี พ.ต.ท.มารุต กาญจนขัยธกุล รอง ผกก.ปพ.บก.ป. ขึ้นเป็น ผกก.ฝอ.บก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 บก.ป.ขยับนั่ง ผกก.1 บก.ป. เต็มตัว พ.ต.ท.ไพโรจน์ โรจนขจร รอง ผกก.6 บก.ป. เป็น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.สส.ภ.จ.นครนายก เป็น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรมัย ผกก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต เป็น ผกก.4 บก.ป.พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.8 บก.รน. เป็น ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณพงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.ภ.3 เป็น ผกก.6 บก.ป.
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เซ็นคำสั่งที่ 730/2557 ลงวันที่ 31 ธ.ค.2557 เรื่องให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.ท.ชนะเทพ สวนแก้ว สว.กก.2 (กาญจนบุรี) บก.ทท. เกี่ยวข้องกับสถานบริการร้าน “สบายดี 99” และสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ “ร้านเบสท์แลนด์” เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าเข้าทำการจับกุม หลังมีตำรวจร้องเรียนมา ผบช.น.จึงให้ บก.สส.บช.น.เข้าจับกุม พบ พ.ต.อ.อนุชาโทรศัพท์เข้ามาหมายเลขของผู้ต้องหา ขอคุยกับชุดจับกุมฝากให้ช่วยดูแลเจ้าของร้าน ส่วน พ.ต.อ.บุญส่งโทรศัพท์ฝากอำนวยความสะดวก มี พ.ต.ท.ชนะเทพสั่งให้ ด.ต.อำพร ศรชัย ผู้ใต้บังคับบัญชา เข้ามาติดต่อขอให้ช่วยเรื่องคดีและขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แต่ชุดจับกุมไม่ยินยอม จึงแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. เป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลมาโดยเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น