ข่าวส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สภ.อ.เมืองยโสธร ถูกลูกสมุนนักการเเมืองท้องถิ่นเตะก้านคอ บนสภ.อ.เมืองยโสธรนั้น สร้างความเสียหายให้วงการตำรวจไทยอย่างยิ่ง
เหตุดังกล่าวทำให้พล.ต.ท.วราสิทธิ พรเลิศ ผบช.ภ.3 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมีพล.ต.ต.อำนวย มหาผล รองผบก.ภ.3 เป็นประธานฯขณะที่คดีนี้ในทางอาญานั้น
นายวิโรจน์ ใจพรมเมือง
นายไพโรจน์ โคตรสมบัติ และ
นายสถิรพร นาคสุข นายกฯ อบจ.ยโสธร
ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และขณะที่คณะกรรมการฯทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ทำการสอบสวนนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 ก็ออกคำสั่งให้
พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.
พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป.และ
พ.ต.ต.พิจิตร พิจารณ์ พงส.(สบ2) สภอ.เมืองยโสธร
ที่อยู่ในเหตุการณ์ย้ายให้ไปช่วยราชการที่ กองบัญชาการ ตำรวจภูธร ภาค 3 จนกว่าผลการสอบจะเสร็จสิ้น
แต่ล่าสุดผลการสอบสวนสรุปออกมาแล้ว โดยชี้ชัดว่า
พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ภ.จว.ยโสธร
มีความผิดทางวินัยแต่ไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจอุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีและความก้าวหน้าแก่ราชการ ไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของราชการและประมาทเลินเล่อในหน้าที่ เห็นควรลงโทษ ตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 3 เดือน
เช่นเดียวกับ
พ.ต.อ.องอาจ ผิวเรืองนนท์ รองผบก.จว.ยโสธร
ที่เป็นผู้รักษาการแทน ผบก จว.ยโสธรวันเกิดเหตุ และทราบเหตุ ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี ถูกทำร้ายร่างบน ภ.อ.เมืองยโสธร ในฐานะรักษาการแทนผบก.ภ.จว.ยโสธร ควรรีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแตะละเลย จนตำรวจชั้นประทวนออกมาชุมนุมเรียกร้อง กรรมการสอบสวนสรุปผลสอบว่ามีความผิดวินัยไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้า ที่ด้วยความไม่ตั้งใจ เห็นคารลงโทษตัดเงินเดือน ร้อยละ 5 เป็นเวลา 3 เดือน
ขณะที่
พ.ต.ท.เฉลิมเกรียติ จันทรมหา รองผกก.ป.สภอ.เมืองยโสธร
ข้อเท็จจริงพ.ต.ท.ฉลิมเกรียติ ไม่อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุแต่ทราบว่า ส.ต.อ.อาทิตย์ ถูกเตะบนสภอ.เมืองยโสธร และส.ต.อ.อาทิตย์ เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชา ในฐานะรองผกก.ป รับผิดชอบป้องกันและปราบปราม ควรเข้าแก้ปัญหา มิใช้ปล่อยเวลาให้ล่วงเลย จึงเห็นควรลงโทษกักยาม พ.ต.ท.เฉลิมเกรียติ เป็นเวลา 3 วัน
ส่วน
พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.สภอ.เมืองยโสธร
พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป .สภอ.เมือง ยโสธร
พ.ต.ต.พิจิตร พิจารณ์ พงส.(สบ2) สภอ.เมืองยโสธร
ที่ย้ายไปช่วยราชการที่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนนั้น ถูกกล่าวหาทำผิดวินัยร้ายแรงฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้นั้น
เช่นเดียวกับ
พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ รอง ผกก.(สส) สภอ.เมืองยโสธร
ที่ถูกกล่าวหาทำผิดวินัยร้ายแรง ฐานไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ทางราชการและประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง จึงแจ้งให้พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์กับพวกรวม 4 นาย ที่ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรงและถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว คณะกรรมการจึงเห็นควรมอบให้ พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รักษาการ ผบก.ภ.จ.ยโสธร เป็นผู้สั่งให้สำรองราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน
หลังได้รับผลการสอบสวนจากคณะกรมการ
พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รักษาการผบก.ภ.จว.ยโสธร เห็นว่าผลสอบได้ชี้ชัดโทษแต่ละคนแล้วและเป็นความผิดร้ายแรงพ.ต.อ.สมหมาย จึงสั่งให้
พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.
พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป,
พ.ต.ต.พิจิตร พิจารณ์ พงส.(สบ2) และ
พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ รองผกก.(สส.) สภ.อ.เมือยโสธร
ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และให้นายตำรวจ 3นายที่ถูกให้ออกจากราชการ ยกเว้นแต่พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ ให้ถูกดำเนินคดีอาญา
"สบายๆไม่มีอะไรหนักใจ เพราะให้ผมมาทำหน้าที่และถือว่าหน้าที่จบแล้ว ที่เราทำเราก็เสียใจ แต่จะให้ทำอย่างไร บางคนอยู่นานเกินไปไม่ทำอะไร หน้าที่ตำรวจคือการป้องป้องให้คนได้รับความยุติธรรม แต่ขนาดผู้ใต้บังคับบัญชาตัวเองไม่ได้ทำผิด ยังยืนกอดอกดูลูกน้องตัวเองใส่เครื่องแบบก้มกราบคนอื่น ทั้งที่คนที่กราบก็บอกว่า พ่อผมไม่ผิด ผมขอโทษ คนไม่ผิดยังต้องไปขอโทษ เห็นภาพแล้วมันรับไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่ปกติตำรวจทุกคนขวัญ กำลังใจดีมากต่อไปนี้ก็จะมีแต่สิ่งดีๆ หน้าที่ผมหมดแล้ว" พ.ต.อ.สมหมาย กล่าว
การตัดสินใจของ พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รักษาการผบก.ภ.จว.ยโสธรที่ให้นายตำรวจทั้ง 4 นายที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ส.ต.อ.อาทิตย์ ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่สมควรจะจะยกย่องเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ก็เพราะเป็นการเรียกศักดิ์ศรีของยโส ธรตำรวจกลับคืนมา
หลังจากศักดิ์ศรีของตำรวจถูกย่ำยี่ไปหมดแล้ว และการลงโทษผู้บังคับบัญชายอดแย่ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม คนเหล่านี้นอกจากไม่ปกป้องลูกน้องที่ทำถูกแล้ว ยังบังคับลูกน้องให้ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะ โดยเฉพาะการสั่งให้ลูกน้องกราบขอโทษผู้มีอิทธิพลในคราบของนักการเมืองท้องถิ่นและถูกเตะปลายคางสลบต่อหน้าต่อตา โดยผู้บังคับบัญชาไม่ได้จับคนผิดหรือทำอะไรเลย
แต่ล่าสุดผลการสอบสวนสรุปออกมาแล้ว โดยชี้ชัดว่า
พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ภ.จว.ยโสธร
มีความผิดทางวินัยแต่ไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจอุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีและความก้าวหน้าแก่ราชการ ไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของราชการและประมาทเลินเล่อในหน้าที่ เห็นควรลงโทษ ตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 3 เดือน
เช่นเดียวกับ
พ.ต.อ.องอาจ ผิวเรืองนนท์ รองผบก.จว.ยโสธร
ที่เป็นผู้รักษาการแทน ผบก จว.ยโสธรวันเกิดเหตุ และทราบเหตุ ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี ถูกทำร้ายร่างบน ภ.อ.เมืองยโสธร ในฐานะรักษาการแทนผบก.ภ.จว.ยโสธร ควรรีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแตะละเลย จนตำรวจชั้นประทวนออกมาชุมนุมเรียกร้อง กรรมการสอบสวนสรุปผลสอบว่ามีความผิดวินัยไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้า ที่ด้วยความไม่ตั้งใจ เห็นคารลงโทษตัดเงินเดือน ร้อยละ 5 เป็นเวลา 3 เดือน
ขณะที่
พ.ต.ท.เฉลิมเกรียติ จันทรมหา รองผกก.ป.สภอ.เมืองยโสธร
ข้อเท็จจริงพ.ต.ท.ฉลิมเกรียติ ไม่อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุแต่ทราบว่า ส.ต.อ.อาทิตย์ ถูกเตะบนสภอ.เมืองยโสธร และส.ต.อ.อาทิตย์ เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชา ในฐานะรองผกก.ป รับผิดชอบป้องกันและปราบปราม ควรเข้าแก้ปัญหา มิใช้ปล่อยเวลาให้ล่วงเลย จึงเห็นควรลงโทษกักยาม พ.ต.ท.เฉลิมเกรียติ เป็นเวลา 3 วัน
ส่วน
พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.สภอ.เมืองยโสธร
พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป .สภอ.เมือง ยโสธร
พ.ต.ต.พิจิตร พิจารณ์ พงส.(สบ2) สภอ.เมืองยโสธร
ที่ย้ายไปช่วยราชการที่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนนั้น ถูกกล่าวหาทำผิดวินัยร้ายแรงฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้นั้น
เช่นเดียวกับ
พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ รอง ผกก.(สส) สภอ.เมืองยโสธร
ที่ถูกกล่าวหาทำผิดวินัยร้ายแรง ฐานไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ทางราชการและประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง จึงแจ้งให้พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์กับพวกรวม 4 นาย ที่ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรงและถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว คณะกรรมการจึงเห็นควรมอบให้ พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รักษาการ ผบก.ภ.จ.ยโสธร เป็นผู้สั่งให้สำรองราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน
หลังได้รับผลการสอบสวนจากคณะกรมการ
พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รักษาการผบก.ภ.จว.ยโสธร เห็นว่าผลสอบได้ชี้ชัดโทษแต่ละคนแล้วและเป็นความผิดร้ายแรงพ.ต.อ.สมหมาย จึงสั่งให้
พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.
พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป,
พ.ต.ต.พิจิตร พิจารณ์ พงส.(สบ2) และ
พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ รองผกก.(สส.) สภ.อ.เมือยโสธร
ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และให้นายตำรวจ 3นายที่ถูกให้ออกจากราชการ ยกเว้นแต่พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ ให้ถูกดำเนินคดีอาญา
"สบายๆไม่มีอะไรหนักใจ เพราะให้ผมมาทำหน้าที่และถือว่าหน้าที่จบแล้ว ที่เราทำเราก็เสียใจ แต่จะให้ทำอย่างไร บางคนอยู่นานเกินไปไม่ทำอะไร หน้าที่ตำรวจคือการป้องป้องให้คนได้รับความยุติธรรม แต่ขนาดผู้ใต้บังคับบัญชาตัวเองไม่ได้ทำผิด ยังยืนกอดอกดูลูกน้องตัวเองใส่เครื่องแบบก้มกราบคนอื่น ทั้งที่คนที่กราบก็บอกว่า พ่อผมไม่ผิด ผมขอโทษ คนไม่ผิดยังต้องไปขอโทษ เห็นภาพแล้วมันรับไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่ปกติตำรวจทุกคนขวัญ กำลังใจดีมากต่อไปนี้ก็จะมีแต่สิ่งดีๆ หน้าที่ผมหมดแล้ว" พ.ต.อ.สมหมาย กล่าว
การตัดสินใจของ พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รักษาการผบก.ภ.จว.ยโสธรที่ให้นายตำรวจทั้ง 4 นายที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ส.ต.อ.อาทิตย์ ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่สมควรจะจะยกย่องเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ก็เพราะเป็นการเรียกศักดิ์ศรีของยโส ธรตำรวจกลับคืนมา
หลังจากศักดิ์ศรีของตำรวจถูกย่ำยี่ไปหมดแล้ว และการลงโทษผู้บังคับบัญชายอดแย่ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม คนเหล่านี้นอกจากไม่ปกป้องลูกน้องที่ทำถูกแล้ว ยังบังคับลูกน้องให้ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะ โดยเฉพาะการสั่งให้ลูกน้องกราบขอโทษผู้มีอิทธิพลในคราบของนักการเมืองท้องถิ่นและถูกเตะปลายคางสลบต่อหน้าต่อตา โดยผู้บังคับบัญชาไม่ได้จับคนผิดหรือทำอะไรเลย
9 ความคิดเห็น:
สมควร
สมควรครับเป็นนายแต่ไม่มีปัญญาคิดดีไม่ได้
ขอชื่นชมคนดีครับ อยากจะสาบแช่งพวกเลวๆ ไม่น่าจะเหลืออยู่ในสังคม จิตใจคนต่ำทรามกันมาก เจริญแต่ด้านวัตถุ
คนแบบนี้ไม่สมควรให้ปกครองหส่วนงาน
สมควรแล้วครับในฐานะผู้ถือกฎหมายกลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามกฎหมาย
ถึงจะเล็กจะน้อยก็คือลูกน้องต้องปกป้องเขาสิ
นายได้ดีเพราะลูกน้องพวกนี้มิใช่รึที่เขาทุ่มเททำงานให้
ขอชื่นชมการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาครับปรบมือให้
แสดงความคิดเห็น