‘พล.ต.ท.ประวุฒิ’ ยันไม่มีการซื้อขายตำแหน่งระดับรองผู้การฯ-ผกก.ตามที่เป็นข่าว แต่หากพบหลักฐานจะดำเนินการเด็ดขาด เรียกประชุมแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
12 ม.ค.58 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า มีการซื้อขายตำแหน่งระดับรองผู้บังคับการ ถึง ผู้กำกับการ ตั้งแต่ 8 แสน ถึง 30 ล้านบาท แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด โดยยืนยันว่า ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างแน่นอน ส่วนที่มีการแจกจ่ายใบปลิวไม่เห็นด้วยการกับการแต่งตั้งในบางพื้นที่ ขณะนี้ ทราบเรื่องแล้ว จึงสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยต้องพิจารณาว่า ผู้ที่แจกใบปลิว หรือ ร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งตั้ง เป็นกลุ่มผู้เสียประโยชน์ หรือ ไม่พอใจการแต่งตั้งเป็นการส่วนตัวหรือไม่ แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจน จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น และเชื่อว่า ไม่สามารถปกปิดสังคมได้ เพราะปัจจุบัน กระบวนการตรวจสอบทั้งทางสื่อมวลชน และสังคม ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
"ยืนยันว่า บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ ถึง สารวัตร ขณะนี้ เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมแจกจ่ายตามกำหนด เพื่อให้มีผลวันที่ 15 มกราคมนี้ " โฆษกตร. กล่าว
โฆษกตร. เรียกประชุมแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการสั่งการกำกับดูแลปัญหาจราจรจากเดิมที่ใช้ระบบแบ่งพื้นที่รับผิดชอบแต่ละทัองที่ มาเป็นแบบศูนย์รวมอำนาจสั่งการ เพื่อให้การสั่งการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การระบายรถยนต์บนท้องถนน และการสั่งการไฟสัญญาณจราจรเกิดความต่อเนื่องสอดคล้องกัน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเส้นทางหลัก อาทิ ถนนสุขุมวิท ถนนพระรามราม 2 และบางนา รวมถึงปัญหาอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหารถติดเช่นกัน โดยการระบายรถยนต์ในเส้นทางจราจรหลักที่ติดขัดนั้นทางเจ้าหน้าที่จะทำการเปิดเส้นทางย่อยโดยรอบ เพื่อให้รถยนต์ในเส้นทางดังกล่าวสามารถระบายออกได้ และสามารถใช้ความเร็วได้ปกติ
"ยืนยันว่า บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ ถึง สารวัตร ขณะนี้ เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมแจกจ่ายตามกำหนด เพื่อให้มีผลวันที่ 15 มกราคมนี้ " โฆษกตร. กล่าว
โฆษกตร. เรียกประชุมแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการสั่งการกำกับดูแลปัญหาจราจรจากเดิมที่ใช้ระบบแบ่งพื้นที่รับผิดชอบแต่ละทัองที่ มาเป็นแบบศูนย์รวมอำนาจสั่งการ เพื่อให้การสั่งการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การระบายรถยนต์บนท้องถนน และการสั่งการไฟสัญญาณจราจรเกิดความต่อเนื่องสอดคล้องกัน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเส้นทางหลัก อาทิ ถนนสุขุมวิท ถนนพระรามราม 2 และบางนา รวมถึงปัญหาอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหารถติดเช่นกัน โดยการระบายรถยนต์ในเส้นทางจราจรหลักที่ติดขัดนั้นทางเจ้าหน้าที่จะทำการเปิดเส้นทางย่อยโดยรอบ เพื่อให้รถยนต์ในเส้นทางดังกล่าวสามารถระบายออกได้ และสามารถใช้ความเร็วได้ปกติ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่างอีกว่า นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้นำหลักการระบายรถยนต์ในเส้นทางขบวนเสด็จมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯเนื่องจากหลักการดังกล่าวสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว
ทั้งนี้ศูนย์สั่งการดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้บังคับการที่ดูแลงานด้านจราจรแต่ละพื้นที่ รวมถึงผู้กำกับการ ผลัดเปลี่ยนเข้ามากำกับดูแลสั่งการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โฆษกตร.สั่งตรวจสอบเหตุยิงเรือประมง เชื่อเกิดจากความเข้าใจผิด
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ขับเรือไล่ยิงเรือประมง 9 บารมีพ่อ กลางทะเลอันดามัน บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา รอยต่อ จังหวัดระนอง ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเชื่อว่า อาจเกิดจากความเข้าใจผิดจากทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก การตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของชุดเฉพาะกิจทางเรือ ในการตรวจจับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน และไม่มีเครื่องขยายเสียงเพื่อแสดงตัวให้ชัดเจน ประกอบกับ เรือประมงดังกล่าว มีพฤติการณ์หลบหนี เพราะหวาดระแวงคิดว่า เรือของเจ้าหน้าที่อาจเป็นเรือโจร จึงเกิดความเข้าใจผิด และยิงขับไล่ขึ้น โดยหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาปรับยุทธิวิธีสกัดจับคนร้ายทางเรือ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสัญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือ เครื่องขยายเสียง
"เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าเรือประมงดังกล่าว มีความผิดตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่ แต่หากเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
โฆษกตร. ระบุมีตร.ระดับ สว.-ชั้นประทวนเอี่ยวสินบนอุ้มชาวเกาหลี
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กองปราบปราบ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีตำรวจเกี่ยวข้องกรณีอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวเกาหลี โดยเบื้องต้น ได้รับรายงานว่า มีตำรวจ 7 นาย เกี่ยวข้อง แบ่งเป็นระดับสารวัตร 2 นาย ส่วนที่เหลือเป็นชั้นประทวน ในสังกัดฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 โดยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ในการเรียกรับผลประโยชน์จากการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวเกาหลี ในข้อหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้ง 7 นาย เรียกตัวมาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว และหากพบมีความผิดจริง ต้องดำเนินคดีเด็ดขาด
ทั้งนี้ศูนย์สั่งการดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้บังคับการที่ดูแลงานด้านจราจรแต่ละพื้นที่ รวมถึงผู้กำกับการ ผลัดเปลี่ยนเข้ามากำกับดูแลสั่งการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โฆษกตร.สั่งตรวจสอบเหตุยิงเรือประมง เชื่อเกิดจากความเข้าใจผิด
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ขับเรือไล่ยิงเรือประมง 9 บารมีพ่อ กลางทะเลอันดามัน บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา รอยต่อ จังหวัดระนอง ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเชื่อว่า อาจเกิดจากความเข้าใจผิดจากทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก การตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของชุดเฉพาะกิจทางเรือ ในการตรวจจับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน และไม่มีเครื่องขยายเสียงเพื่อแสดงตัวให้ชัดเจน ประกอบกับ เรือประมงดังกล่าว มีพฤติการณ์หลบหนี เพราะหวาดระแวงคิดว่า เรือของเจ้าหน้าที่อาจเป็นเรือโจร จึงเกิดความเข้าใจผิด และยิงขับไล่ขึ้น โดยหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาปรับยุทธิวิธีสกัดจับคนร้ายทางเรือ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสัญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือ เครื่องขยายเสียง
"เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าเรือประมงดังกล่าว มีความผิดตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่ แต่หากเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
โฆษกตร. ระบุมีตร.ระดับ สว.-ชั้นประทวนเอี่ยวสินบนอุ้มชาวเกาหลี
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กองปราบปราบ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีตำรวจเกี่ยวข้องกรณีอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวเกาหลี โดยเบื้องต้น ได้รับรายงานว่า มีตำรวจ 7 นาย เกี่ยวข้อง แบ่งเป็นระดับสารวัตร 2 นาย ส่วนที่เหลือเป็นชั้นประทวน ในสังกัดฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 โดยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ในการเรียกรับผลประโยชน์จากการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวเกาหลี ในข้อหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้ง 7 นาย เรียกตัวมาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว และหากพบมีความผิดจริง ต้องดำเนินคดีเด็ดขาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น