ไฟเขียวสบ 9-10 เป็นผู้ช่วย-รอง ผบ.ตร.

21/11/52
4 เมษายนนัด ก.ตร. ถกแต่งตั้งโยกย้าย40นายพล

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) พิจารณาวาระพิเศษเปลี่ยนแปลงลักษณะงาน ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้ช่วย ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า มีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ 

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ 
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช รักษาการ ผบ.ตร. เป็นต้น

รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า เสนอลักษณะงาน รอง ผบ.ตร.ใหม่ เดิมมีอยู่ 5 ด้านคือ 

ด้านบริหาร 
ด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม 
ด้านสอบสวนและกฎหมาย 
ด้านกิจการพิเศษและ
ด้านความมั่นคง 

จึงเสนอขยายงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และ

ด้านสอบสวนมาเป็นด้านป้องกันอาชญากรรม 
ด้านสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม 
ด้านสืบสวนสอบสวนและ
ด้านกฎหมาย 

เหตุผลเพราะตำรวจไปมุ่งเน้นปราบปรามมากกว่าการป้องกัน ปล่อยให้มีการปล้นฆ่าแล้วค่อยไปตามจับถือเป็นการคิดผิดจึงขยายงานด้านป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมขึ้น 

ที่ประชุมได้อนุมัติตามที่เสนอ นอกจากนี้ยังขออนุมัติปรับที่ปรึกษากฎหมาย (สบ 10) ตำแหน่ง พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ เข้ามาเป็น รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม และที่ปรึกษากฎหมาย (สบ 9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้เข้ามาเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทั้งหมด เพื่อจะได้มีอำนาจทางกฎหมาย แล้วจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อขออนุมัติรักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า จากนี้ไปจะปรับงานระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาคต่างๆ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และสถานีตำรวจให้สอดคล้องกัน จะทำให้งานตำรวจเป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ

 พร้อมเสนอขอเปิดรับตำรวจที่มีวุฒิตั้งแต่ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ( ปวส.) ขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่มีวุฒิปริญญาตรีหรือปริญญาโทสามารถมาสมัครได้ 

ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายว่า เมื่อผ่านการอบรมเข้าเป็นตำรวจแล้วให้เลื่อนปีละชั้น และปรับเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้ ซึ่งตำรวจชั้นประทวนจะมีความหวังมากขึ้นรักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้เพิ่มพนักงานสอบสวนหญิง ตำรวจหญิงชั้นประทวนมาควบคุมดูแลม็อบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจขาดแคลนกำลังทั่วประเทศประมาณ 50,000 อัตรา 

นายกรัฐมนตรีสั่งให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มกำลังให้เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ทางรักษาการ ผบ.ตร.มอบให้ รอง ผบ.ตร.กำกับดูด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านบริหาร 

พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ ด้านป้องกันอาชญากรรม 

พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ ด้านสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม 

พล.ต.อ.วงกต ด้านสืบสวนสอบสวน 

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ด้านกิจการพิเศษ 

พล.ต.อ.อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ด้านความมั่นคง 

พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ด้านจเรตำรวจ 

พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติด้าน 

พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ก.ต.ช.ได้มีมติกำหนดตำแหน่งใหม่ โดยให้ พล.ต.อ.วงกตเป็นรอง ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก เช่นเดียวกับตำแหน่งของ พล.ต.อ.สมบัติ เดิมเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวให้เข้าสู่ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.หลักเช่นกัน ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) ให้เปลี่ยนเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทั้งหมด

เว้นตำแหน่งของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ยังคงตำแหน่งประจำ ตร.เหมือนเดิม เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.

และการประชุมก.ตร.วันที่ 4 เมษายน จะกำหนดตัวบุคคลลงในตำแหน่งที่กำหนดใหม่ อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้จะมีคำสั่งแต่งตั้งระดับผู้กำกับการ (ผกก.)-สารวัตร(สว.) ในอัตราตำแหน่ง กอ.รมน. ซึ่งทาง กอ.รมน.อนุมัติเปิดตำแหน่งให้มาอีกกว่า 30 ตำแหน่ง

หากรวมตำแหน่งสลับสับเปลี่ยนคาดว่ามีกว่า 100 ตำแหน่งรายงานข่าวแจ้งว่า การประชุม ก.ตร.นอกจากมีวาระรับรองตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้ว จะแต่งตั้งนายพลในตำแหน่งจเรตำรวจ และฝ่ายอำนวยประจำสำนักงานฯประมาณ 40 ตำแหน่งด้วยหน้า 12
Read more ...

“วิเชียร” ผงาดดูแลงานบริหาร

18/11/52
“ปทีป” ออกคำสั่งแบ่งงาน รอง ผบ.ตร.ให้มอบ “วิเชียร” ดูแลงานบริหาร ส่ง “บุญเรือง” เข้าคอกดูแลงานห้องสมุดแทน ด้าน “เพรียวพันธ์” ให้ดูแลงานปราบปรามยาเสพติด

วันนี้ (18 พ.ย.2552) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 579/2552 เรื่องกำหนดลักษณะงาน และการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้รองผบ.ตร. หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ10) ที่ปรึกษา (สบ10) รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ9) ผู้ช่วยผบ.ตร.และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9) โดยให้

1.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รรท.รอง ผบ.ตร. 
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ
พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) สำนักงานงบประมาณและการเงิน (งป.) โรงพยาบาลตำรวจ (ยกเว้นสถาบันนิติเวชวิทยา) สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ กองสารนิเทศ และกองบินตำรวจ เรียกว่า รอง ผบ.ตร.(งานบริหาร 1) ผู้ช่วย ผบ.ตร.(งานบริหาร 11) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(งานบริหาร 12)

2.พล.ต.อ.วัชรพล ประสาราชกิจ รอง ผบ.ตร.และ 
พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ สำนักงานกฎหมายและคดี (เฉพาะกลุ่มงานวิชาการและฝ่ายห้องสมุด) กองบัญชาการศึกษา และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้เรียกว่า รอง ผบ.ตร.(บร.2) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร.21)

3.พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) 
พล.ต.ท.สุวัฒน์ จินทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ
พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (ยกเว้นกองแผนงานอาชญากรรมและกองแผนงานกิจการพิเศษ) สำนักงานกำลังพล (สกพ.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานกฎหมายและคดี (เฉพาะกลุ่มงานประสานงานรัฐสภา) กองวินัย และโรงพิมพ์ตำรวจ ให้เรียกว่า ที่ปรึกษา (สบ10) (งานบริหาร 3) ผู้ช่วย ผบ.ตร.(งานบริหาร 31) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(งานบริหาร 32)

4.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.และ
พล.ต.ท.ถาวร จันทร์ยิ้ม ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ ตำรวจภูธรภาค 5 และ 6 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (เฉพาะกองแผนงานอาชญากรรม) ให้เรียกว่า รองผบ.ตร.(ปป.1) ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.11)

5.พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.และ 
พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการตำรวจภูธรภาค 7, 8 และ 9 เรียกว่า รอง ผบ.ตร.(ปป.2) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.21)

6.พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. 
พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการตำรวจภูธรภาค 3 และ 4 โดยให้เรียกว่ารอง ผบ.ตร.(ปป.3) ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.31)

7.พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. 
พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ ตำรวจภูธรภาค 1 และ 2 ให้เรียกว่ารอง ผบ.ตร.(ปป.4) ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.41)

8.พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) และ 
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติเวชวิทยา โดยให้เรียกว่าที่ปรึกษา (สบ10) (ปป.5) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.51)

9.พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ และ
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (ยกเว้นกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (เฉพาะกองแผนงานกิจการพิเศษในงานที่รับผิดชอบ) ใช้อักษรย่อว่าที่ปรึกษา (สบ10) (มก.1) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(มก.11)

10.พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) และ 
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบการกำกับการบริหารราชการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (เฉพาะกองบัญชาการตำรวจสันติบาล 3) สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (เฉพาะกองแผนงานกิจการพิเศษในงานที่รับผิดชอบ) และกองการต่างประเทศ (ยกเว้นงานการลาไปต่างประเทศ) ให้เรียกว่าที่ปรึกษา (สบ10) (มก2) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(มก 21)

11.พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รรท.รอง ผบ.ตร. 
พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ 
พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.

รับผิดชอบการบริหารราชการ สำนักงานกฎหมายและคดี (ยกเว้นกลุ่มงานวิชาการ กลุ่มงานประสานงานรัฐสภา และฝ่ายห้องสมุด) ให้เรียกว่ารอง ผบ.ตร.(กม.) ผู้ช่วยผบ.ตร.(กม.1) และผู้ช่วย ผบ.ตร.(กม.2)

12.พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันท์ รรท.รองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9) 

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการสำนักงานจเรตำรวจ (เฉพาะกองบังคับการอำนวยการ และกองตรวจราชการ 1-5) ให้เรียกว่า รอง จตช.(1)

13.พล.ต.ท.ประชิน วารี รรท.รองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9)

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ สำนักงานจเรตำรวจ (เฉพาะกองตรวจราชการ 6-10) ให้เรียกว่า รอง จตช.(2)

14.พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร รรท.หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ10) และ 
พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ รรท.รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ9) 

รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รรท.รอง ผบ.ตร. 
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) 
พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. 
พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รรท.ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. 

ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 28 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ เข้าพบ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รท.ผบ.ตร.เพื่อรับทราบนโยบาย
Read more ...

“สุเทพ” ยืนยันการแต่งตั้งโยกย้าย ตร.ถูกต้องโปร่งใส

18/11/52


17 พ.ย.2552

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน ก.ตร.ยืนยันการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับรอง ผบช.ถึง ผบช.ทั้ง 15 ตำแหน่ง ทำด้วยความถูกต้องโปร่งใส

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กล่าวว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บัญชาการรวม 15 ตำแหน่ง ขณะนี้เป็นไปอย่างครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยยืนยันถึงความโปร่งใส และเป็นไปตามบัญชีความเหมาะสมที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำบัญชีรายชื่อร่วมกับผู้เกี่ยวข้องเสนอมา และมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งข้าราชการตำรวจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งสามารถขอดูหลักฐานเอกสารได้ และพร้อมเปิดเผยบัญชีความเหมาะสมดังกล่าว อีกทั้งมีหลักฐานพร้อมชี้แจงได้ในทุกเรื่องหากมีการฟ้องร้องภายหลัง พร้อมยืนยันการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องของตำรวจ ไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ และสารวัตร ซึ่งได้สั่งการให้ทุกกองบัญชาการ จัดทำบัญชีให้ถูกต้องตามกฎ ก.ตร. และรัฐธรรมนูญ
Read more ...

พท.ยื่นปปช.เอาผิดสุเทพแทรกแซงแต่งตั้งตร.

18/11/52
เพื่อไทย บุกยื่น ป.ป.ช. เอาผิด รองนายกฯ​ สุเทพ และ 5 บิ๊ก ก.ตร. แทรกแซง แต่งตั้งตำรวจ เตรียมยื่นเรื่องให้ กกต. วินิจฉัย ต่อ เพื่อให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ...

วันนี้ (18 พ.ย.2552) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินคดีกับ

1. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) 


2. พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ 


3. พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ 


4. พล.ต.อ.เหมราช ธารีไทย 


5. พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี และ 


6. นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร. 

ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เนื่องจาก นายสุเทพฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ชุดที่มี นายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานคัดเลือก มีการกระทำขัดแย้งต่อหลักเกณฑ์การแต่งตั้งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ

โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ปรากฏว่า ผู้ได้รับการแต่งตั้งมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้การกระทำของนายสุเทพล

นอกจากจะผิดกฎหมาย ป.ป.ช. แล้ว จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัย เพื่อให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวด้วย

นอกจากนี้ในวันที่ 19 พ.ย. จะไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ดำเนินคดีกับ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ข้อหากระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 กรณีแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจด้วย
Read more ...

ปลด ‘สุชาติ เหมือนแก้ว’ สั่งสลายม็อบ 7 ตุลา

17/11/52
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2552 18:53 น.

คณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมติปลดออก “สุชาติ เหมือนแก้ว” สั่งสลายม็อบเหตุการณ์7 ตุลา ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพ่วงด้วย

อดีตผู้การอุดร“เพิ่มศักดิ์” ปล่อยเสื้อแดงรุมทำร้ายประชาชนที่หนองประจักษ์จ.อุดรธานี

คณะกรรมการ ชี้ ตร.ทั้งสองนายทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วโทษสถานเบาแค่ปลดออก

หลังจากที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมคณะกรรมการ ซึ่งมีรอง ผบ.ตร.ทุกท่านเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาโทษของ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง เหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม 2551การพิจารณาความผิดของ

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ภราดรศักดิ์ อดีต ผบก.ภ.อุดรธานี

ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงพร้อมอาวุธบุกทำร้ายประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2551จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บคณะกรรมการพิจารณาโทษสามารถพิจารณาไล่ออกหรือปลดออกเท่านั้น โดยมติของคณะกรรมการเองเห็นว่าตำรวจทั้งสองนายทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว จึงลงโทษปลดออก ซึ่งเป็นโทษสถานเบาที่สุด

ส่วนกรณี พล.ต.ท.สุชาติร้องขอความเป็นธรรมนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่าทางคณะกรรมการไม่มีอำนาจพิจารณาในส่วนนี้ คณะกรรมการต้องพิจารณาไปตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมาซึ่ง พล.ต.ท.สุชาติ สามารถร้องขอความเป็นธรรมทำได้ต่อศาลปกครอง

หลังจากนี้คณะกรรมการจะนำมติในที่ประชุมเสนอไปยัง พล.ต.อ.ปทีปตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. ลงนามก่อนที่จะแจ้งให้ตำรวจทั้งสองนายให้ทราบด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้วกล่าวว่า ยอมรับในคำตัดสิน จะไม่ร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานอื่นอีกแล้ว ที่ผ่านมารับราชการมานอนพอควร จึงอยากขอพักผ่อนจะขอยกเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นอุทาหรณ์

สำหรับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4(ผบช.ภ.4) เกิดเมื่อวันที่ 4มกราคม 2494 จบ ร.ร.นายร้อยตำรวจ “นรต.รุ่น 26” รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ

จบปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากม.ธรรมศาสตร์ ปี 2538 และ
นิติศาสตรมหาบัณฑิต มสธ. ปี 2543
ผ่านอบรมหลักสูตร ร.ร.ผบก.รุ่น 18และ
วปอ.รุ่น 48

เติบโตในเส้นทางสีกากีเริ่มตั้งแต่ปี 2516 เป็น ผบ.มว.ประจำ กก.สอ.ตชด.
ผ่านตำแหน่งสำคัญในกองปราบปราม
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
อาทิ
รอง สว.ผ.5 กก.5 ป.
รอง สว.ผ.4 กก.2 ป.
ผู้ช่วยนว.ผบก.ป.
นว.ผบก.ป.
สว.ผ.ธุรการกก.นผ.บก.อก.บช.ก.
สว.ผ.7 กก.8 ป.
สว.ผ.8 กก.8 ป.
รอง ผกก.1 ป.
ผกก.1 ป.
รอง ผบก.ป.
รอง ผบก.อก.บช.ก.

พล.ต.ท.สุชาติ เป็นนายพลติดยศ พล.ต.ต.ครั้งแรกเมื่อปี2544 เป็น
ผบก.อก.บช.ก.โยกเป็น
ผบก.ทล.ปี 2546 ขึ้นเป็น
รองผบช.ก.ในปี 2547 และโยกมาเป็น
รอง ผบช.น.เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2551

ต่อมาได้รับการคาดหมายว่าจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นคนต่อไป แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพ.ศ. 2551 ขึ้น ได้มีคำสั่งโยกย้ายพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบ.ช.น.ไปเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และแต่งตั้งให้พล.ต.ท.สุชาติ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ต่อมาเมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารประเทศจึงถูกย้ายไปเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4)พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว มีชื่อเล่นๆ ที่เพื่อนร่วมรุ่นเรียกว่า“ไอ้เบื๊อก” จึงกลายมาเป็นชื่อที่สื่อมวลชนเรียกว่า“บิ๊กเบื๊อก” หรือ“เดอะ เบื๊อก”
Read more ...

ข่าวแต่งตั้งตำรวจ (13 ส.ค.2552 - 7 พ.ย.2552)

16/11/52
ตั้ง"สมศักดิ์ บุญทอง"สอบซื้อเก้าอี้

13 ส.ค.2552 โดย โพสต์ทูเดย์ เวลา 16:02:25 น.

มติ ก.ตร.ตั้งอนุกรรมการสอบซื้อตำแหน่ง เลื่อนประกาศใช้โครงสร้างใหม่ มีผล 7 ก.ย.

การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีมติให้ประสานสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเลื่อนวันประกาศใช้โครงสร้างใหม่ สตช. จากวันที่ 15 สิงหาคม เป็นวันที่ 6 กันยายน และให้มีผลในวันที่ 7 กันยายนนี้ เนื่องจากการแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการถึงรองสารวัตร ยังไม่แล้วเสร็จ

ที่ประชุมยังมีมติให้ตั้งคณะอนุ ก.ตร. คณะพิเศษ 7 คน ประกอบด้วย ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ ก.ตร. โดยตำแหน่ง มีนายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานตรวจสอบข้อกล่าวหาจากฝ่ายการเมือง ที่ระบุมีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ให้รายงานผลต่อที่ประชุม ก.ตร. ภายใน 15 วัน

---------------------------

 “สมศักดิ์เผยข้อมูลศิริโชคชี้คนใกล้ชิดผบ.ตร.มีซื้อขายตำแหน่ง ผบช.น.รับมีตั๋วนักการเมืองฝากแต่งตั้ง

วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2009 เวลา 11:30:55,

นายสมศักดิ์  บุญทอง ประธานอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กล่าวว่า หลังจากได้ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งตามที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้ข้อมูลพบว่ามีคนใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ซื้อขายตำแหน่ง เตรียมเรียก พล.ต.อ.พัชรวาทมาให้ข้อมูลวันนี้ รวมทั้งเรียก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น และ พล.ต.ท.ฉลอง สมใจ ผบช.1 และพล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์  ผบช.7 ให้ข้อมูล ทั้งนี้ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นโฆษกอนุก.ตร.ให้ข้อมูลสื่อมวลชน 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ตำรวจที่มีข้อมูล การซื้อขายตำแหน่งและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายให้ข้อมูล อนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ก.ตร. โดยตรงหรือผ่านเลขาฯก.ตร. พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อมูลเป็นความลับ

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น กล่าวว่า ยอมรับมีตั๋วนักการเมืองฝากแต่งตั้งตำรวจภายในนครบาลจริง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ว่า นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรี ผู้เปิดเผยข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ได้นำเอกสารหลักฐานจำนวน 60 หน้า เข้าให้ข้อมูลกับอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีซื้อขายตำแหน่งตำรวจ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน อย่างไรก็ตาม นายศิริโชคปฏิเสธให้ข้อมูลด้วยวาจา เพราะเห็นว่าเอกสารที่นำมาเพียงพอ ที่อนุกรรมการจะนำไปสอบต่อเพราะมีรายชื่อตำรวจที่ให้ข้อมูล

อย่างไรก็ตาม นายศิริโชคยังย้ำถึงนายพลที่ถูกกล่าวหาว่ามีการตั้งโต๊ะขายตำแหน่งว่าเป็นคนใกล้ชิดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
------------------------------------------

สมศักดิ์ ขอ สุเทพ ต่ออีก 15 วันสอบคนพัวพันซื้อเก้าอี้ตั้งตำรวจ
26 สิงหาคม  2009

อนุ ก.ตร.สอบข้อเท็จจริงซื้อขายตำแหน่ง เรียก สมคิด-สุรสีห์-ธานี-พีระ ซักข้อมูลตั้งนายตำรวจ เสนอ สุเทพ ขอขยายเวลาสอบอีก 15 วัน เพราะยังสอบคนถูกพาดพิงยังไม่ครบ หากพบมีมูลใครผิดชัดต้องตั้งกรรมการสอบวินัย ชี้ไม่กระทบโครงสร้างใหม่ ตร. เอาผิดย้อนหลังได้ ด้าน ผบช.ภ.9 ยันในพื้นที่ไม่มีเรียกรับประโยชน์ ขณะที่ พีระ ปัดไม่รู้เรื่องมีการวิ่งเต้นขอย้ายออกนอกพื้นที่

 วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะอนุ ก.ตร. คณะพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีซื้อขายตำแหน่ง พร้อมคณะได้ประชุมคณะอนุกรรมการฯ โดยวันนี้ได้เรียก พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรสารทูร ผบช.ภ.6 พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผบช.ศชต. เข้าสอบถามในรายละเอียดต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานในการพิจารณาแต่งตั้งบุคลากร

 ด้าน นายสมศักดิ์กล่าวก่อนเข้าประชุมว่าคณะ อนุ ก.ตร.เตรียมทำหนังสือเสนอนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. เพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน ไปอีก 15 วัน เนื่องจากการสอบสวนที่ผ่านมา มีบุคคลที่ถูกพาดพิงจำนวนมาก จึงต้องมีการเรียกมาสอบเพิ่ม ซึ่งหากการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะรายงานผลให้นายสุเทพทราบ หากพบว่ามีมูลเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ก็จะเสนอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีบุคคลใดมีความผิดชัดเจนก็ตั้งกรรมการสอบวินัยต่อไป

 ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการขยายระยะเวลาการสอบสวน จะส่งผลกระทบต่อการแต่งตั้งโยกย้ายตามโครงสร้างใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะหากพบว่ามีความผิด หรือมีการซื้อขายตำแหน่งจริงก็สามารถดำเนินการย้อนหลังได้ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบว่าที่มีการกล่าวหาว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง เรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่

 ทางด้าน พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า ในส่วนของตนรับผิดชอบ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา สตูล ตรัง และพัทลุง โดยมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ พื้นที่ 4 อำเภอใน จ.สงขลา ซึ่งตำรวจส่วนใหญ่ก็เต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจตามโครงสร้างใหม่ ตร.ก็ไม่ส่งผลกระทบในการทำงาน แต่กลับเป็นผลดี เพราะโครงสร้างใหม่มมีการปรับฝ่ายอำนวยการให้มีความเข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีปัญหาขาดแคลนพนักงานสอบสวน แต่ชั้นประทวนเพียงพอดีอยู่แล้ว

 ส่วนเรื่องการซื้อขายตำแหน่งยืนยันว่าไม่มี เพราะการแต่งตั้งครั้งที่ผ่านมาในปี 2551 ทำในรูปคณะกรรมการ ส่วนใหญ่จะมีการทำเรื่องขอออกนอกพื้นที่มากกว่า ซึ่งก็จะพิจารณาหากเป็นตำรวจสัญญาบัตรที่ทำงานเกิน 4 ปี ส่วนชั้นประทวนต้องทำงานเกิน 6 ปี จึงจะอนุญาต โดยไม่มีการเสนอผลประโยชน์แต่อย่างใด ผบช.ภ.9 กล่าว

 ด้าน พล.ต.ท.พีระ กล่าวภายหลังใก้ปากคำว่า ทางคณะอนุ ก.ตร.ได้สอบถามเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายสมัยปี 2551 ตอนนั้นตนเป็นรอง ผบช.ภ.9 และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่จัดทำบัญชีของ บช.ภ.9 ก็พิจารณาไปตามระเบียบและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ทราบเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง เพราะทำตามระเบียบที่กำหนดไว้ วิ่งเต้นเพื่อออกนอกพื้นทีหรือไม่ เราก็พิจารณาตามคำร้อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการวิ่งเต้นหรือเปล่า เป็นการยื่นความต้องการของตำรวจซึ่งที่ผ่านมามีทั้งขอออกจากพื้นที่ และขอย้ายเข้ามา แต่ส่วนใหญ่เป็นการยื่นคำร้องขอย้ายออกนอกพื้นที่มากกว่า เพราะในขณะนั้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังรวมอยู่ใน บช.ภ.9

 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเสนอผลประโยชน์เพื่อขอออกนอกพื้นที่หรือไม่ พล.ต.ท.พีระ กล่าววว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบข้อมูล ส่วนเรื่องภาพรวมของ ศชต.ซึ่งเป็นกองบัญชาการใหม่ มีปัญหายังขาดแคลนบุคลากร ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรับสมัครใหม่ก็ค่อยๆ สร้าง ทำให้มีความเข้มแข็ง เพราะเรามียุทธศาสตร์แผนงานเป็นการเฉพาะ ตำรวจในพื้นที่นี้จะเป็นตำรวจที่เหมือน บช.ภ.1-9 ซึ่งดูแลเรื่องคดีอาชญากรรมตามปกติไม่ได้ เพราะในพื้นที่เป็นอาชญากรรมเรื่องความมั่นคง ต้องใช้คนที่มีคุณภาพสูงกว่าปกติ ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายก็ทำเหมือนปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนการแต่งตั้งวาระยังไม่ได้ทำ ไม่ได้เริ่ม เพราะ ศชต.เพิ่งปรับโครงสร้างไปเมื่อเดือน ก.พ. จึงไม่มีผลกระทบกับการปรับโครงสร้างใหม่ ตร.

-------------------------------------

นพดลลั่นถ้าพบข้อมูลซื้อเก้าอี้ ตร. ส่งเชือดวินัย-อาญาทันที
2 ก.ย.2552

อนุ ก.ตร. เรียก ผบช.ภ.8 ชี้แจงข้อมูลแต่งตั้งนายตำรวจ ขณะที่ นพดลเผย การแต่งตั้งโยกย้ายปี 51 พบร้องเรียนมาก คาดศุกร์ที่ 4 ก.ย. จะสรุปและมีข้อมูลเพียงพอน่าพอใจ อึกอักเจอปมซื้อขายเก้าอี้ อ้างยังไม่มีใครกล้ายัน ระบุหากตรวจพบใครทำผิดพร้อมส่งให้นายทางโทษวินัย-อาญา

 วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ( ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ก.ตร. ชุดพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง เป็นประธานการประชุมร่วมกับ คณะอนุฯ ก.ตร. โดยวันนี้ได้เรียก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ. 8 เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ

 พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ในฐานะโฆษก คณะอนุ ก.ตร. ชุดพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวก่อนประชุมว่า วันนี้ได้เรียกพล.ต.ท.สัณฐาน เข้าชี้แจง รวมทั้งมีบุคคลที่ พ.ต.ท.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ รองผกก.ป.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้การพาดพิง แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวจะกล้าเข้ามาให้ปากคำหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากบัญชีปี 52 พบว่าไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 51 พบว่า มีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ และวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.จะสรุปผล จากข้อมูลที่ผ่านมาคาดว่าจะได้ข้อมูลที่เพียงพอและน่าพอใจ

 เมื่อถามว่า การโยกย้ายปี 52 ไม่พบการซื้อขายตำแหน่งใช่หรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่มี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้ง และยังไม่มีใครออกมายืนยัน ตนก็เคยโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าออกมายืนยัน ส่วนกรณีที่นายศิริโชค โสภา สส.พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่ามีพยานยืนยันเรื่องซื้อขายตำแหน่งประมาณ 4-5 คน นั้น ก็ยังไม่ได้พูดคุย เพราะยังไม่มีการติดต่อมา และยังไม่ได้รับเอกสารการร้องเรียน มีเพียงคำบอกเล่าของนายศิริโชค

 ส่วนกรณีการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก.ลงไป ซึ่งที่ผ่านการเห็นชอบยกเว้นคุณสมบัติตามโครงสร้างใหม่ ตร. จากที่ประชุม ก.ตร. มีจำนวน 688 นาย พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า เป็นการยกเว้นคุณสมบัติบางประการ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตำแหน่งที่ได้รับการยกเว้นเป็นการขาดคุณสมบัติในเรื่องของวุฒิการศึกษา การฝึกอบรม ซึ่งนายตำรวจที่ได้รับการยกเว้นส่วนใหญ่ทำงานในหน้าที่นั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้เป็นการเกลี่ยจากสำนักงานลงมา เพื่อมาลงตำแหน่งในระนาบเดียวกัน สำหรับผลการประชุมทั้งหมดนั้นจะสามารถสรุปผลได้ในวันศุกร์นี้ โดยยืนยันว่า หากบุคคลใดมีความผิดจริงจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย และอาญา

-----------------------------

ยันเอาผิด 9 นายพลตำรวจ ซื้อขายตำแหน่ง
7 กันยายน 2552 เวลา 15:56 น.

อนุ ก.ตร. มีมติเสนอนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้เอาผิด 9 นายพลตำรวจ กรณีทุจริตซื้อขายตำแหน่งระดับรองผู้บังคับการ เมื่อปี 2551       
         
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะโฆษกอนุ ก.ตร. คณะพิเศษ ตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผลการประชุมในวันนี้ว่า ที่ประชุมมีมติให้เสนอเรื่องต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการ ก.ตร. ดำเนินการเอาผิดกับ 9 นายพลตำรวจ ที่แทรกแซงอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ หรือสารวัตร จำนวน 2,912 ตำแหน่ง เมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นอำนาจแต่งตั้งของผู้บัญชาการต่าง ๆ แต่กลับมีคำสั่งตรงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการแต่งตั้งโยกย้ายแทน ซึ่งการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรมครั้งนั้น ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับข้าราชการตำรวจ และขัดต่อกฎระเบียบของ ก.ตร. นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการแต่งตั้งดังกล่าว ส่อทุจริต และมีการแสวงหาผลประโยชน์
           
พล.ต.อ.นพดล ยืนยันไม่มีใบสั่งให้ อนุ ก.ตร. สรุปผลการสอบสวนออกมาในแนวทางนี้ หากใครเชื่อว่ามีใบสั่ง เท่ากับว่าไม่เชื่อในเกียรติของตนที่เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ อย่างไรก็ตามไม่ขอเปิดเผยว่า นายพลตำรวจทั้ง 9 คน เป็นใครบ้าง
          
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุม อนุ ก.ตร. เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.นพดลเคยระบุชัดเจนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหนึ่งใน 9 นายพล ที่ต้องถูกเอาผิด.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"

 โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 7 กันยายน 2552 เวลา 15:56 น.] 

---------------------------

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ โฆษกอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ สอบพัชรวาท ซื้อขายตำแหน่ง

9 กันยายน 2552 เวลา 08.16 น.

แวดวงสีกากีกลับมาถูกจับตามองเป็นพิเศษ เมื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หวน มานั่งเก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)อีกครั้ง ในสมัยรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก่อนที่ พัชรวาทจะลงจากตำแหน่ง ในวันที่ ๓๐ กันยายนนี้ วอลเปเปเปอร์ของนายกฯ อภิสิทธิ์ นามว่า ศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา จากพรรคประชา ธิปัตย์ ก็ออกมาระบุว่า มีการซื้อขายตำแหน่งระดับนายพัน โดยเฉพาะในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗

เมื่อความทราบถึงหู สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จึงเป็นที่มาให้ตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจคณะพิเศษ เข้ามาสอบข้อกล่าวหาซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ซึ่งต้นตอเกิดจากการโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการถึงสารวัตร เมื่อปี ๒๕๕๑ จำนวน ๒,๙๑๒ ตำแหน่ง โดยระบุว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ใช้อำนาจตามกฎหมายคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ปี ๒๕๔๙ อ้าง เพื่อประโยชน์ทางราชการ เช่น ย้ายผู้กำกับโรงพักเกรดเอไปซี และตั้งผู้กำกับใหม่ที่ไม่มีผลงานหรือความสามารถมาแทน

นอกจากนายตำรวจระดับสูงที่คุ้นหน้า ในอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ คณะพิเศษ      ยังมีศิษย์เก่าโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย(น.ม.๑ ในสมัยนั้น) ชื่อ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ กรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ มีตำแหน่งเป็น โฆษกอนุกรรมการฯดังกล่าว เข้ามาร่วมตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งด้วย

ล่าสุดพล.ต.อ.นพดล ออกมาแถลงข่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการฯ ได้เลื่อนสรุปผลการ สอบสวนการซื้อขายตำแหน่ง จากวันที่ ๔ กันยายน เป็นวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒ หลังจากสอบปากคำพยาน ๘๐ ปากแต่ไม่ครบ ทั้งระดับ ผู้ช่วยผบ.ตร. และผบช. เกือบทุกกองบัญชาการ รวมทั้งผู้ที่ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม

ทั้งนี้ ไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง แต่พบว่าการแต่งตั้งวาระประจำปี ๒๕๕๑ มีการแต่งตั้งโดยยกเว้นหลักเกณฑ์ ๒,๙๑๒ ตำแหน่ง ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่พบพิรุธใช้อำนาจการแต่งตั้งอย่างไม่เหมาะสม คณะ อนุกรรมการฯ ชุดนี้ จึงชงเรื่องส่งให้รองนายกฯ สุเทพ พิจารณา พร้อมกับเสนอแนวทางการดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิด โดยบุคคลที่มีอำนาจในการอนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท ใช้ช่องกฎหมายในการแต่งตั้งไม่เหมาะสม 

แต่ที่หลายฝ่ายห่วงว่า การสวบสวนในชั้นอนุกรรมการฯ จะเป็นมวยล้มต้มคนดูนั้น พล.ต.อ.นพดล ยืนยันว่า คณะกรรมการชุดนี้ เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ แต่การสอบปากคำได้ประโยชน์จากระดับผบช. ที่ให้ถ้อยคำ และ คณะกรรมการได้พบข้อเท็จจริงในการแต่งตั้งครั้งที่แล้วว่า ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ…” 

การวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งเป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมานาน ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อถึงฤดูกาลโยกย้ายในวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี จึงหวังว่าการพบข้อเท็จจริงครั้งนี้ จะนำ ไปสู่การแก้ไขกติกา การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจให้มีความมั่นคงในชีวิต และประชาชนได้รับการดูแลอย่างแท้จริง

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นบุตรของพ.ต.อ.ถม สมบูรณ์ทรัพย์ ซึ่งชาวเมืองโคราชให้ความนับถือ แต่ถึงแก่กรรมก่อนเกษียณอายุสำเร็จการศึกษาจาก ราชสีมาวิทยาลัยโรงเรียนประจำจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าศึกษาต่อโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยเป็นนรต. รุ่นที่ ๒๑ ระดับมือปราบน้ำดี เติบโตก้าวหน้าในอาชีพด้วยภาพของตำรวจมือสะอาด เป็นนายเวรของพล.ต.ท.แสวง หงษ์นคร ผู้บัญชาการตำรวจภาค ๓ ไม่สนใจต่ออามิสใดๆ ทั้งจากตำรวจที่หวังจะโตเร็ว หรือพ่อค้าที่ต้องการหลบเลี่ยงกฎหมาย เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้กำกับการ สภ.พัทยา ขุมทองที่ปรารถนาของตำรวจส่วนใหญ่ แต่รับหน้าที่แค่ ๓ เดือน ก็ขอย้ายตัวเอง เพราะไม่ต้องการส่งส่วย

ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งต้องบริหารงานป้องกัน ปราบปราม และควบคุมอาชญากรรม ที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม ความ มั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ผู้ช่วย ผบ.ตร.

ต่อมาได้มานั่งเก้าอี้รองผบ.ตร.เต็มตัว เมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ลงไปตรวจพื้นที่ประสบภัยพิบัติสึนามิ ซึ่งขณะนั้น เป็นผอ.ศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ จ.ภูเก็ต ได้รับการยอมรับจากการทำงานพิสูจน์เหยื่อผู้เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิ จึงได้ปูนบำเหน็จให้ดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร. ก่อนจะเกษียณราชการเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๘

ล่าสุดเป็นที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็น ๑ ใน ๕ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ระดับผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วยคะแนนเสียง ๙๕๐ คะแนนมาเป็นอันดับ ๓ จากตำรวจผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น ๒,๖๘๑ นาย

ปีที่ ๓๕ ฉบับที่ ๑๘๖๑ วันอังคารที่ ๘-วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๒

---------------------------

ปธ.สอบซื้อเก้าอี้ตร.ทุบโต๊ะมีจ่ายตังค์ยุคพัชรวาท

ศุกร์, 11 กันยายน 2552

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.30 น. นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานตรวจสอบข้อกล่าวหาจากฝ่ายการเมืองที่ระบุมีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ เปิดเผยว่า ได้ส่งผลสรุปการสอบสวนของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการโยกย้ายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐทนตรีฝ่ายความมั่นคง เรียบร้อยแล้ว โดยมีข้อสรุปว่า มีการแทรกแซงแต่งตั้ง โยกย้ายนายตำรวจประจำปี 2551 จริง รวมทั้งมีการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นคำสั่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร. ซึ่งมีตำรวจชั้นผู้น้อยร้องเรียนเข้ามากว่า 100 เรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นการแทรกแซง และการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามหลังจากการยื่นผลสอบต่อนายสุเทพ แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของนายสุเทพ ที่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขึ้นมา 1 ชุด ว่าใครมีความผิดบ้าง
ที่มา ผู้สื่อข่าว ISNHOTNEWS

---------------------------
อนุก.ตร.ชี้ผลซื้อขายตำแหน่งตร.หลักฐานแน่น
11 ก.ย.2552

อนุก.ตร. เชื่อผลสอบการซื้อ -ขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจมีหลักฐานชัดเจน สามารถชี้ตัวคนทำผิดได้

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าผลสอบคดีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (อนุก.ตร.) ว่า วันนี้( 11 ก.ย.) ได้เตรียมเสนอรายงานให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาแล้ว ซึ่งจากหลักฐานที่มีมั่นใจว่าจะนำตัวคนผิดมาลงโทษได้ จากผลการสอบพบว่าการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจถูกผู้มีอำนาจเข้าแทรกแซง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะเป็นการใช้อำนาจความใกล้ชิดเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากการรับราชการตำรวจ

พล.ต.อ.นพดล กล่าวต่อว่า จากข้อมูลทั้งหมดที่อนุก.ตร.มีนั้นไม่อาจชี้ตัวผู้กระทำผิดได้ทันที เพราะตามหน้าที่แล้วทำได้เพียงรวบรวมข้อมูลหลักฐานเท่านั้น ไม่มีอำนาจไปชี้ให้ผู้ใดผิดได้  แต่สามารถนำเสนอพฤติกรรมของผู้ทำการทุจริตส่งต่อไปให้รองนายกฯด้านความมั่นคงพิจารณาเพื่อตรวจสอบถึงความถูกต้อง และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุดเพื่อให้อำนาจตัดสิน และนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวด้วยว่า  กรณีดังกล่าวแม้จะไม่สามารถแก้ให้หมดได้ทันที แต่เชื่อว่าหากเอาคนผิดมาลงโทษในครั้งนี้ได้ จะเป็นแรงผลักดันให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีกำลังใจทำงานต่อไปได้ จึงอยากเตือนให้ผู้ทำผิดตระหนักถึงคุณธรรม จริยธรรมให้มากขึ้น และควรทำตามกฏกติกาที่กฎหมายวางไว้ อย่าใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่ผิดอีกต่อไป

---------------------------
ติง ก.ตร.อย่าเกเรการแต่งตั้งต้องเกิด "นพดล"หวั่นนายพลตร.เสียสิทธิเครื่องราชย์

20 ก.ย.2552 เวลา 22:27:40 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อาชญากรรม

ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุ "ธานี" สามารถทำแต่งตั้งโยกย้ายนายพลสีกากีได้ แม้เหลืออายุราชการเพียง 9 วัน ยันมติครม.ห้ามแต่งตั้งล่วงหน้าก่อนเกษียณ เป็นกรณีใช้อำนาจแต่งตั้งคนเดียว ด้าน"นพดล"ติง ก.ตร.อย่าเกเร หวั่นนายพลเสียสิทธิเครื่องราชย์      
      
วันนี้(20 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) เดินทางมายังสำนักงาน โดยใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ทั้งนี้คาดว่าเป็นการเข้ามาเพื่อทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบ.ตร. ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.)เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ได้รับการแต่งตั้ง หรือบอร์ดกลั่นกรอง ซึ่งมีรองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติร่วมพิจารณา ในเวลา 08.30 น. วันที่ 21 กันยายน ก่อนนำเข้าพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ในเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการประชุมก.ตร. พล.ต.อ.ธานี ไม่ตอบ เพียงหัวเราะเท่านั้น
      
มีรายงานว่า การทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจวาระประจำปีครั้งนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ถึงการเข้าทำบัญชีของ พล.ต.อ.ธานี ในฐานะรรท.ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในอีก 9 วันข้างหน้า ขณะเดียวกันกระบวนการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถแต่งตั้งทดแทนตำแหน่งระดับรองผบ.ตร.ที่ต้องมีคนขึ้นไปเป็นผบ.ตร.ได้      
      
ด้านก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ คนหนึ่งกล่าวถึงกรณีนี้ว่า กฎหมายไม่ได้พูดเรื่องนี้ ไม่ได้ห้ามคนที่จะเกษียณทำการแต่งตั้ง อย่างไรก็ตามมองว่าหาก รรท.ผบ.ตร.เสนอบัญชีเข้ามาก็ต้องมีการพิจารณาในก.ตร.อีกครั้งอยู่ดี โดยก่อนหน้านั้นก็ผ่านการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรองแล้วไม่ใช่การพิจารณาของ รรท.ผบ.ตร.เพียงคนเดียว คงต้องดูว่าในก.ตร.จะมีก.ตร.ท่านไหนหยิบประเด็นนี้มาถกหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวมองว่าหากรายชื่อที่รรท.ผบ.ตร.เสนอมาไม่เหมาะ ก.ตร.ก็สามารถวิจารณ์ และไม่เห็นด้วยได้      
      
"สำหรับกรณีที่มีการนำมติคณะรัฐมนตรีปี 2543 เรื่องที่ห้ามแต่งตั้งล่วงหน้า สำหรับคนจะเกษียณ มาโยงกับกรณีนี้นั้น มองว่าไม่เกี่ยวกัน ตามมติครม.พูดถึงกรณีผู้นั้นใช้อำนาจตนเองเพียงผู้เดียวในการแต่งตั้งทิ้งทวน แต่กรณีนี้เป็นการพิจารณาในรูปคณะกรรมการ จึงมองว่าคนละเรื่อง อย่างไรก็ตาม การทำการแต่งตั้งครั้งนี้อยากให้มองด้านที่เป็นคุณว่า งานตำรวจต้องทำงานเพื่อดูแลประชาชน การแต่งตั้งทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการก็ต้องทำ เพื่อให้กลไกเดินไปได้ในภาวะเช่นนี้ เพื่อตำรวจจะได้ดูแลประชาชนได้เต็มที่ "ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ คนเดิมกล่าว      
      
ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ กรรมการก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าการแต่งตั้งนายพลนั้นแตกต่างจากระดับรองผู้บังคับการลงมา เพราะในการแต่งตั้งนายพล ผบ.ตร.หรือ รรท.ผบ.ตร.เป็นเพียงผู้เสนอบัญชีให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณา ก่อนให้ก.ตร.พิจารณาอีกครั้ง ต่างจากระดับรองผบก.ลงมาที่ผบ.ตร.มีอำนาจเต็มที่ เลือกเองแล้วส่งให้กองบัญชาการทำบัญชีแต่งตั้ง      
      
พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ในการแต่งตั้งนายพล ก่อนจะนำเข้าการพิจารณาของก.ตร.นั้น ทุกรายชื่อที่ รรท.ผบ.ตร.เสนอขึ้นมาต้องเข้าบอร์ดกลั่นกรองแล้ว ซึ่งมี จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผบ.ตร.ทุกคนร่วมพิจารณา ทุกชื่อผ่านตาทุกคนแล้ว และทุกคนมีอำนาจในการพิจารณาอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่นตำแหน่งรองผบ.ตร. การพิจารณาระดับผู้ช่วยผบ.ตร.ขึ้นมาต้องยึดตามอาวุโส ในบอร์ดกลั่นกรองต้องคุยกัน โดยเริ่มจากคนที่อาวุโสอันดัน1 เป็นคนแรก เรียงตามลำดับ โดยรรท.ผบ.ตร.จะเสนอว่าแต่ละคนมีคุณสมบัติอย่างไร ควรได้เลื่อนขึ้นหรือไม่ แล้วในบอร์ดกลั่นกรองก็สามารถซักถามเหตุผลได้ทุกตำแหน่ง ว่าทำไมคนนี้ได้แล้วอีกคนไม่ได้ ทั้งนี้หากมีการข้ามอาวุโสกัน รองผบ.ตร.ในบอร์ดกลั่นกรองสามารถถามค้านได้ ทุกคนอยู่ในบอร์ดกลั่นกรองก็ถือว่ามีอำนาจ แต่ถ้าไม่ใช้อำนาจที่มี มัวแต่กลัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว      
      
หากมาวิจารณ์กันภายหลังว่าแต่งตั้งไม่เป็นธรรม มีการข้ามอาวุโสโดยไม่เหมาะสม ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของบอร์ดกลั่นกรอง ไม่ใช่ของรรท.ผบ.ตร.คนเดียว เพราะถือว่าทุกคนปล่อยผ่าน เมื่อมาถึงก.ตร.หากยังปล่อยผ่านก็ถือว่าร่วมกันทำ อย่างไรก็ตามการประชุมก.ตร.เพื่อแต่งตั้งวาระประจำปีครั้งนี้ต้องเกิดขึ้น ไม่ควรวอล์คเอาท์ หรือปล่อยให้ล่ม เพราะไม่เช่นนั้น นายพลในตร.หลายคน ที่อาจได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้จะเสียสิทธิ์เรื่องการพิจารณารับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องจาก มีระเบียบกฎหมายระบุไว้ว่าการขอรับเครื่องราชย์ต้องทำก่อนวันที่ 30 กันยายนก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว
             
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองว่าควรให้ผบ.ตร.คนใหม่ทำการแต่งตั้ง พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ผบ.ตร.ใหม่ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนี้ จะไปโทษใครคงไม่ได้      
      
เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้หากเอาเรื่องนี้มาอ้างองค์กรก็เละ ต้องคิดแบบรู้จักโต ไม่เช่นนั้นตำรวจหลายคนจะเสียสิทธิ์ เรื่องนี้อย่าเกเร ควรจะจัดการแต่งตั้งให้แล้วเสร็จ ผมว่าดีเสียอีกหากครั้งนี้รองผบ.ตร.ทุกคนจะช่วยกันพิจารณากลั่นกรองการแต่งตั้งให้ออกมาดี รวมถึงก.ตร.ด้วยที่ควรร่วมกันพิจารณาแต่งตั้งให้ออกมาเหมาะสม อย่าไปเกเรพล.ต.อ.นพดล กล่าวและว่าส่วนเรื่องการพิจารณาซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งนั้นได้เสนอ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานก.ตร.แล้ว และจะมีการพิจารณาในก.ตร.พรุ่งนี้ด้วย

------------------------------

"นพดล"ชี้ไม่แปลก"สุเทพ"สั่งยุติสอบซื้อขายตำแหน่ง
7 ต.ค. 2552 16:44 น.

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะโฆษก คณะอนุ ก.ตร. ตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สั่งให้ยุติเรื่องดังกล่าวไปแล้วเพราะคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 2552 พบว่าไม่มีมูลว่า ไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นมากในตอนนี้ และไม่รู้สึกประหลาดใจที่ท่านสุเทพสั่งให้ยุติเรื่องคงต้องสอบถามท่านสุเทพ อีกครั้งในการประชุมก.ตร.ว่าที่ให้สัมภาษณ์เช่นนั้นจริงหรือไม่

พล.ต.อ.นพดล กล่าวต่อว่า ในการสรุปความคิดเห็นของคณะอนุฯก.ตร.นั้นเป็นการสรุปความคิดเห็นในการแต่งตั้งโยกย้ายปี 51 เนื่องจากปี 52 ยังไม่มีการแต่งตั้ง โดยยืนยันว่าปี 51 พบความผิดปกติในการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งเชื่อว่ามีการเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง เพราะไม่มีนายตำรวจนายใดกล้าออกมาให้ข้อมูลว่ามีการซื้อขายตำแหน่งจริง รวมถึงกระแสข่าวว่า ที่ผ่านมามีการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ตำแหน่งเป็นหลักแสน หลักล้าน ก็ไม่มีพยานรายใดกล้าออกมายืนยัน ซึ่งในอนาคตข่าวลือพวกนี้จะหมดไปหากมีกติกาการแต่งตั้งที่โปรงใส และสามารถตรวจสอบและให้เหตุผลในการโยกย้ายได้

อย่างไรก็ตาม ตนยังคงยืนยันความคิดเห็นเดิมว่า ภายหลังมีการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งแล้ว ต้องมีการปรับปรุงกติกาในการแต่งตั้งโยกย้ายใหม่ จะทำอย่างเดิมไม่ได้ และต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายปี 51 เนื่องจากมีตำรวจบางรายต้องห่างไกลจากครอบครัว ซึ่งอาจไม่สามารถคืนความเป็นธรรมให้ได้ทุกคน แต่จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป  http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=409640&lang=T&cat=

---------------------------

นพดล ยันโยกย้ายตร.ปี51ผิดปรกติ-รอถามสุเทพ สั่งยุติการสอบ

7 ตุลาคม 2552 21:01

"พล.ต.อ.นพดล"จะถาม"สุเทพ"สั่งยุติสอบซื้อขายเก้าอี้ ยืนยันคณะอนุฯพบผิดปกติโยกย้าย'51 ส่วนปี'52ยังไม่ตั้ง เสนอเปลี่ยนกติกา ตั้งกก.คืนเป็นธรรม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ในฐานะโฆษก คณะอนุก.ตร. ตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ กล่าวผ่านสื่อมวลชนเมื่อวานนี้(6 ต.ค.) ว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 2552 พบว่าไม่มีมูลให้สั่งยกเลิกการสอบไปแล้ว

โดย พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นมากในตอนนี้ และไม่รู้สึกประหลาดใจที่นายสุเทพสั่งให้ยุติเรื่องคง ต้องสอบถามท่านสุเทพอีกครั้งในการประชุม ก.ตร.ว่าที่ให้สัมภาษณ์เช่นนั้นจริงหรือไม่ ส่วนการสรุปความคิดเห็นของคณะอนุฯ ก.ตร.นั้นเป็นการสรุปในการแต่งตั้งโยกย้ายปี 2551 เนื่องจากปี 52 ยังไม่มีการแต่งตั้ง

"ขอยืนยันว่าปี 51 พบความผิดปกติในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง เพราะไม่มีนายตำรวจนายใดกล้าออกมาให้ข้อมูลว่า มีการซื้อขายตำแหน่งจริง รวมถึงกระแสข่าวว่า ที่ผ่านมามีการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ตำแหน่งเป็นหลักแสน หลักล้าน ก็ไม่มีพยานรายใดกล้าออกมายืนยัน ซึ่งในอนาคตข่าวลือพวกนี้จะหมดไปหากมีกติกาการแต่งตั้งที่โปร่งใส และสามารถตรวจสอบและให้เหตุผลในการโยกย้ายได้"

พล.ต.อ.นพดล กล่าวอีกว่า ยังคงยืนยันความเห็นเดิมว่า ภายหลังมีการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งแล้ว ต้องมีการปรับปรุงกติกาในการแต่งตั้งโยกย้ายใหม่ จะทำอย่างเดิมไม่ได้ และต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายปี 51 เนื่องจากมีตำรวจบางรายต้องห่างไกลจากครอบครัว ซึ่งะพิจารณาเป็นรายๆ ไป

---------------------------

ระวัง!"ปุระชัย-พิชิต"จ้องป่วน ก.ตร.ขวางตั้งตำรวจ

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม        12 ตุลาคม 2552 00:32 น.
               
.สัปดาห์นี้ ต้องจับตามองความเคลื่อนไหว ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา"สุเทพ เทือกสุบรรณ"นัดรับประทานอาหารและหารือนอกรอบกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 10 ท่าน ที่ห้องอาหารจีนลินฟา โรงแรมสยามซิตี้ โดยที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมโต๊ะเกือบครบ ขาดเพียง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เพียงคนเดียวเท่านั้น เนื่องจากท่านติดบรรยายพิเศษ
              
วันนั้น ภาพข่าว"เทพเทือก"แสดงอาการโล่งอก เมื่อ ก.ตร.นอกรอบเสียงข้างมาก ไฟเขียวให้แต่งตั้งนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.ลงไป โดยเร็ว โดยไม่ต้องรอให้ได้ ผบ.ตร.ตัวจริง เสียงจริง      
      
แม้การประชุม ก.ตร.ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ จะเป็นเพียงการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะให้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมเป็นบอร์ดกลั่นกรองด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับการประชุม ก.ตร.ที่จะมีขึ้นอีกครั้ง เพื่อเคาะหาตัวจริง เสียงจริงสำหรับ นายตำรวจที่จะนั่งตำแหน่งสำคัญในวาระแต่งตั้งประจำปี "ประธานเทพ"ต้องไม่ประมาท ก.ตร.2 เสียงที่อาจจะคัดค้านเรื่องแต่งตั้ง โดยยกเหตุผลให้ได้ ผบ.ตร.ตัวจริงก่อนคือ "ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" และ "พิชิต ควรเตชะคุปต์" เพราะ 2 ก.ตร.คือ เพื่อนสนิทของ"พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"ประกอบกับ ก่อนหน้านี้ บุคคลทั้ง 2 ได้คัดค้านในประเด็นดังกล่าว มาอย่างต่อเนื่อง
      
      
ส่วนบัญชีรายชื่อ หรือ ที่เรียกกันว่า"โผ"ขอให้ผู้ที่เคยมีชื่อติดอยู่ในโผยุค"ธานี สมบูรณ์ทรัพย์"ทำใจไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะมีข่าววงใน ก.ตร.บอกผ่านมาว่า จะต้องนำมาพิจารณาใหม่ทั้งหมด หรือ รื้อใหม่ ว่างั้นเถอะ ส่วนชื่อในโผเก่า จะมีอยู่ในชื่อโผใหม่ หรือไม่ ก็แล้วแต่บุญวาสนานะครับ      
      
00...มาตามสัญญาครับท่าน?สำหรับ"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"รอง ผบ.ตร.ที่ประกาศตนเองว่า ผมอาวุโสอันดับ 1 ครับ..เมื่อ"เพรียวพันธ์"เปิดศึกฟ้อง"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครอง หลังจากเขาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายกฯอภิสิทธิ์ กรณีแต่งตั้ง"พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ"จเรตำรวจแห่งชาติ นั่ง รรท.ผบ.ตร.โดยที่ นายกฯมองไม่เห็นหัวเขาเลย
              
ส่วนการฟ้องศาลปกครองรอบนี้...เพรียวพันธ์ จะสมหวัง หรือ ผิดหวัง ถือว่าอยู่ที่ชะตากรรมนะครับ
              
แต่สำหรับความจริง ในการตัดสินใจฟ้องนายกฯอภิสิทธิ์ ครั้งนี้ ที่ สตช.พูดกันให้แซ่ดว่า หากนายกฯตั้ง"จุมพล มั่นหมาย"นั่ง รรท.ผบ.ตร.เหตุการณ์"เพรียวพันธ์"ฟ้องศาลปกครอง จะไม่เกิดขึ้นครับท่าน ส่วนจะเป็นเพราะเหตุผลใด เพรียวพันธ์ รู้อยู่แก่ใจ
             
00...มาถูกเวลา สำหรับ"พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ"ผู้ช่วยผบ.ตร.นักประชาสัมพันธ์ฝีปากกล้าผู้นี้ เมื่อ"ปทีป ตันประเสริฐ"รรท.ผบ.ตร.มองเห็นจุดบอร์ดงานประชาสัมพันธ์ยุค"เสี่ยป๊อด"พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่"วัชรพล ประสานราชกิจ"โฆษก ตร.ผู้ที่มีบทบาทงานด้านบริหาร แต่สอบตกงานประชาสัมพันธ์ สร้างภาพไว้
              
หลายคนพูดว่า"วัชรพล"เขาทำงานเป็น แต่เขาไม่เหมาะที่จะทำงานประชาสัมพันธ์ โดยสื่อพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โทร.หาโฆษกท่านนี้ ไม่ได้สักกะที หรือ หากติดต่อได้ ก็ได้รับคำตอบจากท่านว่า ติดประชุม
              
แต่สำหรับ"พงศพัศ พงษ์เจริญ"ของน้องๆพี่ๆสื่อมวลชน ผู้นี้ นับว่าไม่ผิดหวังครับ
             
 เพราะโฆษก"พงศพัศ"เปิดโทรศัพท์ตลอด รวมทั้งท่านเป็นคนรู้จังหวะ เวลา ในการประชาสัมพันธ์ภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นที่จดจำของประชาชน ดังนั้น การเลือก"พงศพัศ"ถือเป็นการเลือกถูกคน ถูกเวลา แม้ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะยังไม่มีผลงานเด่นชัดก็ตามที แต่เชื่อได้ว่าภาพสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุค"ปทีป ตันประเสริฐ"จะต้องดีขึ้นแน่นอน

"ปุระชัย"ปัดให้ความเห็นแต่งตั้ง ขรก.ตร.ก่อนได้ ผบ.ตร.คนใหม่
13 ตุลาคม 2552 12:49 น.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งในกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งระดับผู้บัญชาการขึ้นไป จนถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะได้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

---------------------------

เมินเสียงคัดค้าน โผนายพล ก.ตร.ลุยแต่งตั้ง
16 ต.ค.2552

ก.ตร.แต่งตั้งโผนายพล วุ่นไม่เลิก 'ปุระชัย-พิชิต' เดินออกจากห้องประชุม สวนมติส่วนใหญ่ ที่เห็นชอบแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร. ไม่เห็นด้วยให้รักษาการ ผบ.ตร. ทำโผ ...

วันนี้ (16 ต.ค.) เวลา 11.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร. เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วาระพิเศษ ขอความเห็นชอบจาก รอง ผบ.ตร. ที่เป็น ก.ตร.โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เกี่ยวกับแนวทางการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมา โดยก่อนหน้านายสุเทพ ได้นัดหารือนอกรอบกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่โรงแรมสยามซิตี้ ย่านพญาไท ที่มีเสียง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการแต่งตั้ง แต่ได้เสนอให้เปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ หรือ บอร์ดกลั่นกรองที่มี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.เป็นประธานฯ และต้องการให้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นบอร์ดกลั่นกรอง ในการหารือนอกรอบ พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.แสดงความเห็นค้านต้องการให้ ผบ.ตร.ตัวจริง เป็นผู้จัดทำบัญชี โดยทั้งสองท่านได้คัดค้านการประชุม ก.ตร. พิจารณาแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.-ผบช. สมัยที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร. จนต้องเลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยยกเหตุผลความไม่เหมาะสมที่จะให้รักษาการ ผบ.ตร.เป็นผู้จัดทำบัญชี และเตรียมที่จะออกจากห้องประชุม หากมีมติให้รักษาการ ผบ.ตร.เป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายคำสั่ง รอง ผบ.ตร.ลงมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ ได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เวลา 10.40 น. โดยได้เรียกหารือนอกรอบกับ ก.ตร. ผู้ทรงคุณหลายท่าน ได้แก่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ พล.ต.ท.เหมราช ธารีไทย พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี นายชัยเกษม นิติสิริ ใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที จากนั้น ทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุม ก.ตร.โดยมี รอง ผบ.ตร. ที่เป็น ก.ตร. โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และ พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ โดยใช้เวลาประชุมวาระแรก เรื่องการให้อำนาจรักษาการ ผบ.ตร. เป็นผู้จัดทำบัญชีแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมา มีการคัดค้านของ ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.ต.อ.พิชิต แต่ที่ประชุมเห็นชอบให้อำนาจรักษาการ ผบ.ตร. เป็นผู้จัดทำบัญชี จนทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัย และพล.ต.อ.พิชิต ที่ไม่เห็นชอบให้อำนาจรักษาการ ผบ.ตร.เป็นผู้จัดทำบัญชีแต่งตั้งนายพล เดินทางออกจากห้องประชุม ก.ตร. โดย พล.ต.อ.พิชิต กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อถามถึงผลการประชุม ก.ตร.ว่า ไม่รู้ผล เพราะออกมาก่อน ร.ต.อ.ปุระชัย จะเป็นผู้แถลงข่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่เห็นด้วยมติ ก.ตร. พล.ต.อ.พิชิต กล่าวว่า ยึดหลักการแค่นั้น แต่รายละเอียด ร.ต.อ.ปุระชัย จะให้ข่าวเอง ส่วน ร.ต.อ.ปุระชัย ได้เดินทางเข้าห้องทำงานของ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ชั้น 6 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยังไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น

จากนั้น ก.ตร. ได้ประชุมวาระที่สองต่อไป โดยมีการเสนอให้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบอร์ดกลั่นกรอง 6 ท่าน ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ นายสีมา เสมานันท์ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ นายสมศักดิ์ บุญทอง และ นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขา ก.พ. ร่วมเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ หรือ บอร์ดกลั่นกรอง ร่วมกับ รอง ผบ.ตร. ที่เป็น ก.ตร.โดยตำแหน่ง และ ที่ประชุม ก.ตร. ให้ความเห็นชอบให้นายสมศักดิ์ บุญทอง มาเป็นประธานบอร์ดกลั่นกรอง โดยให้ พล.ต.อ.ปทีป เป็นผู้เสนอบัญชีแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.ทั่วประเทศ ใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง โดยหมายเดิม นายสุเทพจะเข้าร่วมประทานร่วมกับ ก.ตร. แต่หลังประชุมนายสุเทพ ได้รีบเดินทางออกไปทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวแถลงว่า การประชุม ก.ตร.ได้มีวาระสำคัญ 2 เรื่อง คือ การประชุมแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมาทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และ การเสนอให้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจหรือบอร์ดกลั่นกรอง แต่ที่ใช้เวลานานเนื่องจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธาน ก.ตร.ได้เปิดโอกาสให้ ก.ตร.ทุกท่านได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องการประชุมแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมา โดยเสียง ก.ตร.ส่วนใหญ่เห็นชอบให้ดำเนินการแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมา เนื่องจากมีตำแหน่งหลัก ตั้งแต่ ผบช.-ผกก.สถานีตำรวจว่าง 1,560 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่ง ผบช.ว่าง 8 ตำแหน่ง ผบก.ที่ว่าง 32 ตำแหน่ง ผกก.หัวหน้าสถานี 350 ตำแหน่ง และสว. 1,170 ตำแหน่ง หากไม่แต่งตั้งจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติราชการตำรวจ และการบริการประชาชน เพราะการให้รักษาการหัวหน้าหน่วยหลักมีปัญหา จึงจำเป็นต้องให้มีการแต่งตั้งโดยเร็วที่สุด

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ก.ตร. ได้มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจขึ้นมาอีก 1 ชุด เป็นการเปลี่ยนแปลงจากคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก หรือ บอร์ดกลั่นกรองชุดเดิมที่มี ผบ.ตร. เป็นประธาน และ ก.ตร.เป็นกรรมการ เนื่องจาก การแต่งตั้งครั้งนี้มีประชาชน สังคมจับตาเพื่อให้การคัดเลือกข้าราชการเกิดความเป็นธรรม ได้เสนอนายสุเทพ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกขึ้นมาอีกชุด โดยมี รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ และก.ตร.ผู้ทรงคุณ 6 ท่าน โดยมีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก โดย พล.ต.อ.ปทีป จะเป็นผู้ที่เสนอบัญชี นายสุเทพได้แจ้งที่ประชุม ก.ตร. ได้ทราบว่า ได้มีมติเลื่อนการเสนอเครื่องราชฯ สำหรับข้าราชการตำรวจในปีนี้ออกไปเป็นวันที่ 20 พ.ย. และการแต่งตั้งต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พ.ย. โดยมติเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ ยกเว้น ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และพล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคปุต์ ที่ไม่ได้ลงมติ ไม่ใช่วอล์กเอาท์ แต่ทั้งสองท่านไม่เห็นด้วยในเรื่องที่จะให้รักษาการ ผบ.ตร. พิจารณาแต่งตั้งทดแทนตำแหน่งที่ว่างระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมา จึงไม่ขอเข้าร่วมประชุม

---------------------------

พร้อมพงศ์ซัดตั้ง"สมศักดิ์" ปธ.บอร์ดแต่งตั้ง ตร.

17 ต.ค.2552

ชี้การเมืองแทรกแซงหวังผลต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ ลั่นเข้าใจ "มาร์ค" ลากยาวแต่งตั้ง ผบ.ตร.

วันนี้(17 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่ากรณีที่ประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ได้มีมติแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในตำแหน่งที่ว่างจำนวน 1,560 ตำแหน่ง และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจากบอร์ดเดิม โดยเพิ่มคณะกรรมการอีก 6 ท่าน มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน ส่งผลให้คณะกรรมการ ก.ตร.เสียงข้างน้อยคือ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และ พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุป ผู้ยึดในหลักกฏหมายวอล์คเอาท์จากห้องประชุม ซึ่งเป็นไปตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นัดก.ตร. เสียงข้างมากกินข้าวนอกรอบ เพื่อเช็คเสียงสนับสนุน น่าจะมีการล็อบบี้และเป็นมติที่มิชอบด้วยกฎหมายและหลักคุณธรรรม สะท้อนว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซงมุ่งหวังแต่งตั้งคนของตัวเองในตำแหน่งสำคัญเพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพราะแค่ชื่อนายสมศักดิ์ ก็น่าจะรู้แล้วว่าเป็นคนของใคร สนิทกับพรรคไหน ซึ่งเป็นคำตอบที่ดีว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงลากยาวการแต่งตั้ง ผบ.ตร

---------------------------



ปุระชัย ปิดปากไม่พูดวอล์คเอ้าท์ก.ตร.
17 ต.ค.2552

ประชุม ก.ตร.ป่วน ปุระชัย พล.ต.อ.พิชิต เดินออกนอกห้องประชุม ไม่เห็นด้วยแต่งตั้งโผตร. 1,560 ตำแหน่ง ควรรอผบ.ตร.ตัวจริง ขณะที่ส่วนใหญ่เห็นด้วย หวั่นกระทบทำงานตำรวจ-ประชาชน พร้อมเสนอเพิ่มก.ตร.ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน คาดรายชื่อระดับรองผบ.ตร.-ผบช. เสร็จไม่เกิน 20 พ.ย.

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร. จเรตำรวจ และก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งนี้เวลา 11.20 น. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ก็เดินออกมา และตามด้วย พล.ต.อ พิชิต ควรเตชะคุปต์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 1 ท่าน แต่การประชุมก็ดำเนินต่อไปจนถึงเวลา 13.20 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พล.ต.อ.พิชิต เดินทางกลับนั้น มีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อถามถึงมติการประชุม ก.ตร.ว่าแต่งตั้งได้หรือไม่ ตอบว่าไม่รู้ ตนออกมาก่อน และท่านปุระชัยจะให้สัมภาษณ์ ส่วนที่ตนไม่เห็นด้วยนั้น เพราะยึดตามหลักการ

พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติ 2 เรืองที่สำคัญเพื่อแจ้งให้ทราบและที่วันนี้ใช้เวลานานเนื่องจากที่ประชุมให้กต.ร. ทุกท่านแสดงความคิดเห็นในเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปีในระดับรองผบ.ตร.ลงไป ว่าควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติใน2 เรื่อง ว่าควรแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 1,560 ตำแหน่ง โดย ก.ตร. ทั้งหมด 18 ท่าน มี 16 ท่านให้ความเห็นว่า ควรดำเนินการแต่งตั้งทันที่ทีพร้อม เนื่องมีตำแหน่งหลักที่ว่างลงจำนวนหนึ่งและหากไม่แต่งตั้ง จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตำรวจ และประชาชน ส่วนอีก 2 ท่านที่ไม่เห็นด้วย คือ ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.ต.อ.พิชิต ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ควรทำ ให้รอไว้ก่อน ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมได้ โดยปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นการวอล์คเอาท์แต่อย่างใด

เมื่อถามว่า ทั้งสองท่านต้องการให้ได้ ตำแหน่งผบ.ตร.ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดอย่างชัดเจนขนาดนั้น เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และเสียงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยก็เป็นไปตามมติ
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ 2 คือ ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจากชุดเดิมที่มี ผบ.ตร. เป็นประธานบอร์ดกลั่นกรอง และมี รองผบ.ตร. จต.ช. เป็นคณะกรรมการ แต่ครั้งนี้เห็นว่าให้มีการพิจารณาร่วมกัน โดยเสนอให้เพิ่ม ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าไปในคณะกรรมการคัดเลือกอีก 6 ท่านประกอบด้วย นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขา ก.พ. นายชัยเกษม นิติศิริ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ นายสีมา สีมานันท์ และ นายสมศักดิ์ บุญทอง โดยที่ประชุมมีมติให้นายสมศักดิ์ เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การเพิ่มคณะกรรมการขึ้นดังกล่าว เนื่องจากการแต่งตั้งครั้งนี้สังคมจับตามอง ต้องการความโปร่งใส และเป็นธรรม โดยนายสุเทพจะเสนอรายชื่อดังกล่าวออกประกาศ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนาม ซึ่งนายสุเทพ จะประกาศคณะกรรมการกลั่นกรองอย่างเป็นทางการ และจะนัดคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายก่อนเสนอให้ ก.ตร.พิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการแต่งตั้งระดับรองผบ.ตร.ลงไปจนถึงระดับ ผบ.ช. ก่อนเป็นอันดับแรก คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 20 พ.ย.

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมสรุปว่า ให้มีการแต่งตั้งเนื่องจากเหตุผลความจำเป็นเปลี่ยนไป คนทำบัญชีไม่ได้เกษียณอายุราชการ เหมือนพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รรท.ผบ.ตร. ส่วนที่ก.ตร. 2 ท่านไม่เห็นด้วย ไม่ถือว่ามีปัญหาอะไร เพราะ ก.ตร.ที่เหลืออีก 16ท่านเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งเนื่องจากตำแหน่งหลักที่ขาดจากการเกษียณอายุราชการมีถึง 1,560 ตำแหน่ง การรักษาราชการแทนก็มีข้อจำกัดในเรื่องการทำงานบ้าง การแต่งตั้งลงไปก็เพื่อดูแลประชาชนได้มากขึ้น

ปุระชัย ปิดปากไม่พูดวอล์คเอ้าท์ก.ตร.

หลังจาก ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.ต.อ.พิชิต ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้วอล์คเอ้าท์ ออกจากห้องประชุมหลังจากไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการแต่งตั้งโดยไม่มี ผบ.ตร.ตัวจริง สื่อมวลชนได้รอสัมภาษณ์ ร.ต.อ.ปุระชัย แต่เจ้าตัวปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น
---------------------------

'เทือก'ถก ก.ตร.ไฟเขียว'ปทีป'ชง'รอง ผบ.ตร.'

18 ตุลาคม 2552  

"เทพเทือก"  เตรียมนั่งหัวโต๊ะถก  ก.ตร.ทำโผนายพลระดับรอง  ผบ.ตร.-ผบช.สัปดาห์หน้า   ไฟเขียวให้  "ปทีป"  เสนอบัญชี   เพื่อไทยตั้งแง่แฉนัด  ก.ตร.กินข้าวนอกรอบ   น่าจะเกี่ยวข้องกับการเช็กเสียงสนับสนุนและล็อบบี้เพื่อตั้งคนของตัวเอง
    
พล.ต.ท.พงศพัศ   พงษ์เจริญ   ผู้ช่วย  ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ให้สัมภาษณ์วันที่  17  ตุลาคมว่า   หลังจากที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ  (ก.ตร.)  ได้มีมติเห็นชอบให้นัดประชุมแต่งตั้งตำรวจระดับรอง  ผบ.ตร.-ผบช.ที่ว่างจากการเกษียณอายุราชการ   เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่   จึงจำเป็นต้องมีการประชุมแต่งตั้งโดยเร็วที่สุด   โดย  พล.ต.อ.ปทีป   ตันประเสริฐ   รักษาการ  ผบ.ตร.ได้เสนอให้  ก.ตร.ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ   หรือบอร์ดกลั่นกรองขึ้นมา  1  ชุด  โดยเปลี่ยนแปลงจากคณะกรรมการคัดเลือกเดิมที่มี  ผบ.ตร.เป็นประธาน  และรอง  ผบ.ตร.ที่เป็น  ก.ตร.
    
มาเป็นนายสมศักดิ์   บุญทอง   ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ   เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก  และมี  ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก  5  ท่านเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือก   เนื่องจากคำสั่งแต่งตั้งครั้งนี้มีประชาชนและสังคมจับตา  พล.ต.อ.ปทีปจึงได้ร่วมหารือกับ  ก.ตร.เพื่อให้การคัดเลือกตำรวจเกิดความเป็นธรรม   โดย  พล.ต.อ.ปทีปจะเป็นผู้เสนอบัญชีรายชื่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือก   และจะต้องประชุมแต่งตั้งให้เสร็จภายในวันที่  20  พ.ย.
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   การพิจารณาแต่งตั้งระดับรอง  ผบ.ตร.-ผบช.จะมีการนัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือกหรือ  "บอร์ดกลั่นกรอง"  ภายในช่วงสัปดาห์หน้า   หลังมีการยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกที่มีนายสมศักดิ์เป็นประธาน   และเตรียมเสนอบัญชีรายชื่อตำรวจของคณะกรรมการคัดเลือกเข้าที่ประชุม  ก.ตร.  โดยมีนายสุเทพ   เทือกสุบรรณ   รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
    
มีรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า   การแต่งตั้งระดับรอง  ผบ.ตร.มีตำแหน่งที่ว่าง  3  ตำแหน่ง  จะมีการปรับตำแหน่งที่ปรึกษา  (สบ.10)  เทียบเท่ารอง  ผบ.ตร.เข้ามาเป็นรอง  ผบ.ตร.  คือ  พล.ต.อ.ปานศิริ   ประภาวัต  นรต.รุ่น  28  มือสอบสวนที่มีผลงานต่อเนื่อง  พล.ต.อ.วิเชียร   พจน์โพธิ์ศรี   นรต.รุ่น  28  ที่รับผิดชอบการรักษาความสงบการเลือกตั้งทั่วประเทศ   และการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน  ครั้งที่  15  ที่  อ.หัวหิน  จ.ประจวบคีรีขันธ์  และ  พล.ต.อ.ชลอ   ชูวงษ์   นรต.รุ่น  26  เพื่อนร่วมรุ่น  พ.ต.ท.ทักษิณ   ชินวัตร   อดีตนายกรัฐมนตรี   ที่ได้ยื่นหนังสือฟ้องศาลปกครองเพื่อขยับเข้ามาเป็นรอง  ผบ.ตร.
    
ส่วนตำแหน่งผู้ช่วย   ผบ.ตร.ที่เลื่อนตำแหน่ง   มีการจัดเรียงอาวุโสคือ  พล.ต.ท.วุฒิ  พัวเวส   อาวุโสลำดับ  1  ที่เคยรับผิดชอบคดีพันธมิตรฯ  ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง   พล.ต.ท.อดุลย์   แสงสิงแก้ว   ลำดับ  2  นรต.รุ่น  29  ที่ทุ่มเทเสียสละทำงานในพื้นที่  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  และเป็นผู้จัดทำแผน  "กรกฎ 52"  และ  พล.ต.ท.ภาณุพงศ์   สิงหรา  ณ  อยุธยา  ลำดับ  3  นรต.รุ่น  28  ที่เคยมีผลงานสืบสวนคดีสำคัญ   โดยมี  พล.ต.ท.อัศวิน   ขวัญเมือง   ผู้ช่วย  ผบ.ตร.นักสืบคนดังที่รับผิดชอบคดีลอบยิงนายสนธิ  ลิ้มทองกุล   แกนนำพันธมิตรฯ  ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากนายอภิสิทธิ์   เวชชาชีวะ   นายกรัฐมนตรี  มาเป็นตัวสอดแทรก
    
ด้านนายพร้อมพงศ์   นพฤทธิ์   โฆษกพรรคเพื่อไทย   กล่าวว่า  การที่นายสุเทพนัดรับประทานอาหารนอกรอบกับ  ก.ตร.  น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเช็กเสียงสนับสนุนและล็อบบี้ก.ตร.เพื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจแทนตำแหน่งที่ว่าง  1,560  ตำแหน่ง  ซึ่งเป็นคนของตัวเองทั้งสิ้น   ดังนั้นมติในที่ประชุมเมื่อวันที่  16  ต.ค.ที่ผ่านมาน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    
นายพร้อมพงศ์   กล่าวด้วยว่า   จากการล็อบบี้ทำให้โผการประชุม  ก.ตร.ได้  16  จาก  18  เสียง  ทั้งนี้มี  2  เสียงได้วอล์กเอาต์ประท้วง  คือ  ร.ต.อ.ปุระชัย  เปี่ยมสมบูรณ์  ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ  และ  พล.ต.อ.พิชิต   ควรเดชะคุปต์   ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ   ด้วยเหตุผลต้องการให้มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.)  ก่อน  เพราะตามหลักแล้วประธานคณะกรรมการคัดเลือก  ก.ตร.ต้องเป็น  ผบ.ตร.  ไม่ใช่นายสมศักดิ์  บุญทอง  ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ
    
โฆษกพรรคเพื่อไทย   กล่าวว่า  การประชุม  ก.ตร.ที่ผ่านมาเกิดการล็อบบี้ใน  2  ประเด็น   คือ  1.การตั้งรอง  ผบ.ตร.และผู้บัญชาการ  (ผบก.)  พร้อมกับตำแหน่งที่ว่างอีก  1,560  ตำแหน่ง   โดยน่าจะมีการตั้งคนของตัวเองเพื่อหวังผลการเมืองแบบเรียบร้อยโรงเรียนพรรคประชาธิปัตย์   2.ประธานคณะกรรมการคัดเลือกตามกฎหมายเดิม  คือให้  ผบ.ตร.เสนอ   แต่บอร์ดคัดสรรกลับให้นายสมศักดิ์   บุญทอง  ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธาน
    
"น่าจะรู้ว่านายสมศักดิ์เป็นคนของใคร   น่าจะสนิทกับพรรคไหน   การตั้งคนของตนเองเพื่อหวังผลการเลือกตั้งครั้งหน้า   นี่จึงเป็นคำตอบได้ว่าทำไมนายกฯ  ถึงยื้อเวลาการตั้ง  ผบ.ตร."  นายพร้อมพงศ์กล่าว.

---------------------------

 “นพดลยัน สุเทพป่วยไม่มีนัยแอบแฝง
2 พ.ย.2552                             

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยถึงการประชุม ก.ตร.ช่วงบ่ายวันนี้ว่า การประชุมต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ป่วยเป็นไข้หวัด ไม่สามารถเข้าประชุมได้ ทำให้ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขอยืนยันว่า การเลื่อนประชุมครั้งนี้ไม่มีนัยแอบแฝง หรือการตกลงตำแหน่งใดไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่าประธาน ก.ตร.จะเรียกประชุมอีกครั้งเร็วๆ นี้ หรืออาจเป็นสัปดาห์นี้ก็เป็นไปได้ แต่จะสามารถประชุมได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับนายสุเทพเพียงผู้เดียว

ด้าน พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ หนึ่งใน ก.ตร. กล่าวว่า เลขาธิการ ก.ตร.แจ้งการเลื่อนประชุมแล้ว ส่วนการเลื่อนครั้งนี้จะมีนัยแอบแฝง หรือการตกลงตำแหน่งกันไม่ได้นั้นตนไม่ทราบ แต่การเข้าประชุมนั้นตนจะยึดหลักตามกฎ ก.ตร. หากมีการเสนอเลื่อนนายตำรวจที่ไม่ตรงกับกฎของ ก.ตร.ตนไม่เห็นด้วย
         
อย่างไรก็ตาม การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ เป็นที่เฝ้าจับตาจากหลายฝ่าย เนื่องจากโผที่ออกมาคุมกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น มีรายงานว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่นายสุเทพดันให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแข่งกับ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ได้รับการสนับสนุนจากนายชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

---------------------------

ตีกรอบ'ปีเดียว:ห้ามขึ้น' อัศวิน-ชัยยะส่อกินแห้ว 'สมคิดรอด-นพดลป้อง' มาร์ค-เทพ'ขัดแย้งหนัก'

3 พ.ย.2552

ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ตีกรอบ หลักเกณฑ์การพิจารณาโผนายพลลั่นผู้ช่วยผบ.ตร. หรือรองผู้บัญชาการ ที่ขึ้นมาเพียงแค่ปีเดียว จะโดดขึ้นมาเป็นรองผบ.ตร.หรือผบช.ไม่ได้ ส่งผล อัศวิน-ชัยยะส่อแห้ว ขณะที่โดดอุ้ม สมคิดที่โดนหมายเรียกจากดีเอสไอ ชี้ต้องให้ความเป็นธรรม 2 ฝ่าย พร้อมยอมรับ เก้าอี้ รองผบ.ตร.-ผบช.น.-ผบช.ส.ต้องพิจารณากันเป็นพิเศษ

วันที่ 3 พ.ย. 2552 พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ กรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ และ 1 ในคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ (บอร์ดกลั่นกรอง) กล่าวถึงกรณีการยกเลิกการประชุมก.ตร.เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นเพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานก.ตร. ป่วย ซึ่งตนทราบเรื่องเมื่อเช้าวานนี้ จึงมีการยกเลิกการประชุมออกไป

พล.ต.อ.นพดล ยังกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ได้รับการรับเชิญให้ไปร่วมหารือรอบนอกกับนายสุเทพ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และไม่เชื่อว่า ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิคนอื่นๆ จะได้รับเชิญด้วย แต่ยอมรับว่า เก้าอี้รองผบ.ตร.-ผบช.น-ผบช.ส. เป็นเก้าอี้สำคัญที่ต้องพิจารณากันเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.นพดล ยังอธิบายกฎเกณฑ์การพิจารณาในครั้งนี้ว่า คนเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. หรือรองผู้บัญชาการ เพียงแค่ปีเดียว จะโดดขึ้นมาเลยไม่ได้ เพราะมันข้าม ผิดกฎก.ตร. ถ้าพวกมากลากไป เวลาผิดพลาดก็ต้องรับไป

เมื่อถามว่า อย่างนี้แทงชื่อพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร.-พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผบช.ส. (อาวุโสอันดับที่ 87) ออกก่อน ฆ่าทิ้งได้เลย พล.ต.อ.นพดล กล่าวเลี่ยงว่า ไม่ใช่เลย อย่าไปสรุปอย่างนั้น เดี๋ยวมีปัญหาต่อตัวบุคคล เราพูดถึงหลักการ-หลักเกณฑ์

เมื่อถามว่า คนที่ถูกดีเอสไอออกหมายเรียก (หมายถึงพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5) ต้องโยกย้ายหรือไม่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิผู้นี้ ตอบว่า การถูกเรียกไปก็ต้องมาดูพยานหลักฐาน ไม่เช่นนั้น จะแกล้งใคร ก็ไปฟ้องร้อง ก็เสร็จเลย เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผบช.ภ. 5 เราต้องให้ความเป็นธรรม

ถามอีกว่า แล้วจะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ พล.ต.อ.นพดล ตอบว่า ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ คิดว่า ความเป็นธรรมนั้น เพิ่งเริ่มถูกกล่าวหา และยังไม่รู้ว่า พยานหลักฐานใหม่เป็นอย่างไร ดังนั้นเราไปรีบร้อนเกินไปก็เสีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ผลพวงจากการเลื่อนประชุมก.ตร.ออกไป เนื่องจากนายสุเทพแจ้งลาป่วย ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเชื่อว่าสาเหตุที่แท้จริงน่าจะเกิดจากบัญชีการแต่งตั้งที่พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร.จะเสนอ ไม่ลงตัวระหว่างบัญชีของนายสุเทพกับนายกรัฐมนตรี 

"ช่วงที่พล.ต.อ.ปทีปนำบัญชีไปหารือกับนายกฯ ทางนายกฯก็ให้นโยบายการจัดคนลงทำงานแต่ละตำแหน่ง แต่พอนำบัญชีไปหารือกับนายสุเทพ ปรากฏว่านายสุเทพไม่เห็นด้วยในหลายๆ ตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งผบช.สันติบาล (ส.) และผบช.สตม. เนื่องจากฝ่ายนายกฯ ต้องการให้เสนอชื่อพล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รองผบช.ปส. รวมถึงชื่อของพล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผบช.ส.  คนสนิทของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่นายสุเทพต้องการให้ตั้งพล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย รองผบช.ส.ขึ้นเป็นผบช.ส. ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ.สนับสนุน ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้"แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวระบุว่า ในตำแหน่งผบช.สตม. ก็เกิดปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนพล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผบช.ก.ตร. คนสนิทพล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรองอ.ตร. พ่อตานายอนุทิน ชาญวีรกูร แต่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอพล.ต.ท.รชต เย็นทรวง จเรตำรวจ รวมทั้งมีชื่อพล.ต.ท.วุฒิ ลิปพัลลภ ผบช.ปส. น้องนายสุวัฒน์ ลิปตพัลลภ ก็ต้องการนั่งในตำแหน่งผบช.สตม.เช่นกัน

แหล่งข่าวแจ้งด้วยว่า ส่วนเก้าอี้ผบช.น.นั้น นายสุเทพอยากให้พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 คนสนิทมานั่งเก้าอี้ดังกล่าว แต่นายกฯต้องการนายตำรวจที่เคยทำงานในพื้นที่ เพราะในเดือยพ.ย.นี้กลุ่มม็อบเสื้อแดง นัดชุมนุมใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีนายตำรวจที่เคยผ่านงานคุมม็อบมาจัดการ แต่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว

-----------------------------

นพดลระบุแต่งตั้งนายพลข้ามอาวุโสได้แต่ต้องเก่งจริง
4 พ.ย. 2552 19:31 น.

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณ กล่าวถึงการพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ซึ่งจะมีการประชุมก.ตร. ในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ว่า มาตรฐานในการพิจารณานั้น ทางก.ตร.จะยึดหลักอาวุโส ผลงาน ประวัติการรับราชการ และอื่นๆ ประกอบกัน ซึ่งตามบัญชีการแต่งตั้งในตำแหน่งต่างๆ หากทาง ก.ตร. เห็นว่าบุคคลผู้ได้รับการพิจารณาตำแหน่งนั้นๆ ในอันดับที่ 1 ไม่เหมาะสม ก็จะเสนอผู้อาวุโส อันดับที่ 2,3,4 รองลงมา ซึ่งไม่ใช่แต่งตั้งตามหลักอาวุโสเท่านั้น ส่วนกรณีการแต่งตั้งผู้อาวุโสน้อยข้ามหัวอาวุโสมากนั้น บุคคลผู้ที่อาวุโสน้อยกว่า ก.ตร. จะต้องพิจารณาดูจากผลงานและความสามารถ ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นคนเก่งจริง มีความสามารถ เป็นที่ยอมรับต่อสังคม รวมทั้งต้องสามารถตอบคำถามต่อสังคมได้ว่าทำไมถึงเลือกบุคคลนี้มาดำรงตำแหน่ง
การแต่งตั้งนั้นไม่ใช่ต้องยึดตามหลักอาวุโสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะต้องใช้หลายประเด็นในการพิจารณา ส่วนคนที่อาวุโสน้อยก็สามารถแต่งตั้งข้ามหัวได้ แต่ต้องเป็นคนที่โดดเด่นจริงๆ รวมทั้งมีเหตุและผล เป็นที่ยอมรับต่อสังคมได้

-----------------------------------

ปุระชัย เปิดเอกสารลับ อนุ ก.ตร. ฝากเด็กสมัยพัชรวาทเปิดเอกสารลับ นามบัตร-เอกสาร ลายมือ 5 บอร์ดกลั่นกรองฝากเด็กสมัย พัชรวาท (มติชนออนไลน์)
6 พ.ย.2552  มติชนออนไลน์

ร.ต.อ.ปุระชัย นำนามบัตรและเอกสารลายมือชื่อของบอร์ดกลั่นกรอง 5 ใน 9 ของอนุ ก.ตร. ที่ใช้ฝากฝังในการแต่งตั้งโยกย้ายในสมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. มาแสดงต่อที่ประชุม ก.ตร.
         
การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)-ผู้บัญชาการ (ผบช.) ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ต้องเลื่อนออกไปเป็นครั้งที่ 3 โดยการประชุมเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน นายสุเทพต้องยุติการประชุม เมื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ท้วงติงกรณีคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร. มีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
         
ร.ต.อ.ปุระชัย ลุกขึ้นอภิปราย พร้อมนำนามบัตรและเอกสารลายมือชื่อของบอร์ดกลั่นกรอง 5 ใน 9 ของอนุ ก.ตร. ที่ใช้ฝากฝังในการแต่งตั้งโยกย้ายในสมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร. มาแสดงต่อที่ประชุม พร้อมถามว่าลายเซ็นเหล่านั้นเป็นของ อนุ ก.ตร.ชุดพิเศษหรือไม่ และอนุ ก.ตร.ไปเรียกรับผลประโยชน์กับการฝากฝังหรือเปล่า
         
นอกจากนี้ยังถามหาคุณธรรม จริยธรรม ของอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษ ที่เข้าไปทำหน้าที่ในบอร์ดกลั่นกรองด้วยว่า มีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร เพราะ ก.ตร.ก็ออกกฎว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551 ทำให้บรรยากาศการประชุมเคร่งเครียดทันที กระทั่งนายสมศักดิ์แสดงความรับผิดชอบด้วยประกาศขอลาออกจากประธานบอร์ดกลั่นกรอง ซึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัยยังอภิปรายว่าน่าจะรับผิดชอบใน ก.ตร.ด้วย นั่นหมายถึงการลาออกจาก ก.ตร. โดยบรรดาอนุ ก.ตร.คนอื่นได้นิ่งเงียบ

-----------------------------------
"ปุ"เปิดหลักฐานลับ "ก.ตร."ฝากย้าย

วันที่ 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11564 มติชนรายวัน

ทำวงประชุมล่มรอบสาม "สุเทพ"เลื่อนไม่มีกำหนด

ล่มอีก - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.-ผบช. แต่ต้องยุติลงเมื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ อภิปรายผลการสอบสวนซื้อขายตำแหน่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงพร้อมโชว์หลักฐานฝากเด็กของ ก.ตร.บาง จนเถียงกันวุ่น จนนายสุเทพสั่งเลิกประชุม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน

ถก "ก.ตร."ตั้ง "รอง ผบ.ตร.-ผบช."ล่มอีกรอบ "ปุระชัย"แผลงฤทธิ์งัดไม้เด็ด"นามบัตร-เอกสาร"ลายมือ 5 บอร์ดกลั่นกรองฝากเด็กสมัย"พัชรวาท"โชว์ ถามหาคุณธรรม จริยธรรม จี้แสดงสปิริตลาออก เถียงกันลั่น "สุเทพ"สั่งเลิกประชุมก่อนเผ่นกลับ

ถกตั้ง"รองผบ.ตร.- ผบช."ล่มอีก

การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)-ผู้บัญชาการ (ผบช.) ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ต้องเลื่อนออกไปเป็นครั้งที่ 3 โดยการประชุมเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน นายสุเทพต้องยุติการประชุม เมื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ท้วงติงกรณีคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร. มีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม ก.ตร. ในเวลา 09.00 น. นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรอง ได้ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้ง มี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน ร่วมประชุมกว่า 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบรูณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะกรรมการกลั่นกรอง กล่าวก่อนประชุม ก.ตร.ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมชูนิ้วโป้งทั้งสองมือว่า การประชุมบอร์ดกลั่นกรองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บัญชีรายชื่อการแต่งตั้งคาดว่าทุกคนจะพอใจและสามารถตอบคำถามสังคมได้ ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆ

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสุเทพเป็นประธานประชุม ก.ตร. ที่ห้องประชุมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมวาระที่ 1 และ 2 ผ่านไปด้วยดี ที่ประชุมยกวาระ 4 เรื่องเสนอเพื่อทราบ โดยมีประกาศ ก.ตร. เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก พิจารณาก่อน ซึ่ง พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ก.ตร. ท้วงติงถึงความเหมาะสม เนื่องจากบอร์ดกลั่นกรองมีถึง 13 คน เกินกึ่งหนึ่งของ ก.ตร.ที่มีเพียง 20 คน ถ้าบอร์ดกลั่นกรองพิจารณารายชื่อมาอย่างไร ก.ตร.ไม่สามารถคัดค้านได้ และต้องมีความเห็นตามบอร์ดกลั่นกรอง ถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งนายสุเทพสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย

"ปุระชัย"งัดหลักฐานเด็กฝากโชว์

จากนั้นมาพิจารณาวาระที่ 3 นายสุเทพขอให้พิจารณาเรื่องที่ 4 ก่อนคือ รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายศิริโชคให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่าน่าจะเสร็จสิ้นเร็วกว่าเรื่องอื่นๆ โดยอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษสรุปว่าประเด็นนี้ไม่มีผู้ให้ถ้อยคำยืนยันว่ามีการรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใด จากการแต่งตั้งรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.)-สารวัตร (สว.) ในวาระประจำปี 2551 แต่จากการเข้าไปแทรกแซงแต่งตั้ง ทั้งของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, 4 และ 7 และกรณีขอยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งอนุ ก.ตร. มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าน่าเชื่อว่าจะมีการทุจริตหรือแสวงประโยชน์จากการแต่งตั้ง และมีความเห็นให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ด้วย

ฝากตำรวจ - หลักฐานส่วนหนึ่งที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.นำมาเปิดเผยภายในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นหนังสือของ ก.ตร.บางคนที่ฝากให้พิจารณาตำรวจในการแต่งตั้งโยกย้าย

ปรากฏว่า ร.ต.อ.ปุระชัยลุกขึ้นมาอภิปราย พร้อมนำนามบัตรและเอกสารลายมือชื่อของบอร์ดกลั่นกรอง 5 ใน 9 ของอนุ ก.ตร. ที่ใช้ฝากฝังในการแต่งตั้งโยกย้ายในสมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. มาแสดงต่อที่ประชุม พร้อมถามว่าลายเซ็นเหล่านั้นเป็นของ อนุ ก.ตร.ชุดพิเศษหรือไม่ และอนุ ก.ตร.ไปเรียกรับผลประโยชน์กับการฝากฝังหรือเปล่า นอกจากนี้ยังถามหาคุณธรรม จริยธรรม ของอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษ ที่เข้าไปทำหน้าที่ในบอร์ดกลั่นกรองด้วยว่ามีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร เพราะ ก.ตร.ก็ออกกฎว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551 ทำให้บรรยากาศการประชุมเคร่งเครียดทันที กระทั่งนายสมศักดิ์แสดงความรับผิดชอบด้วยประกาศขอลาออกจากประธานบอร์ดกลั่นกรอง ซึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัยยังอภิปรายว่าน่าจะรับผิดชอบใน ก.ตร.ด้วย นั่นหมายถึงการลาออกจาก ก.ตร. โดยบรรดาอนุ ก.ตร.คนอื่นได้นิ่งเงียบ

"สุเทพ"สั่งยุติประชุมเผ่นกลับ

จากนั้น ร.ต.อ.ปุระชัยส่งหลักฐานต่างๆ ให้นาย สุเทพไปดูด้วยตนเอง เมื่อนายสุเทพไปพิจารณาดูสั่งให้พักการประชุม 5 นาทีเพื่อลดความตึงเครียด หลังครบกำหนดเวลา นายสุเทพกล่าวว่า ในฐานะประธานที่ประชุมว่า ขอใช้อำนาจตามข้อ 17 ข้อบังคับ ก.ตร. (ระบุว่าด้วยการประชุมและการลงมติของ ก.ตร.และอนุ ก.ตร.พ.ศ.2547 ระบุว่าประธานในที่ประชุมมีอำนาจสั่งพักการประชุมหรือสั่งเลิกการประชุมได้ตามที่เห็นสมควร) เพราะเห็นว่าการประชุมมีปัญหาและอุปสรรค ขอยกเลิกการประชุม โดยไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด

จากนั้นนายสุเทพได้เดินทางกลับทันที โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ให้สอบถาม พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า บรรยากาศในที่ประชุมไม่มีปัญหาอะไร เป็นการประชุมตามปกติ แต่เกิดปัญหาที่ทำให้การประชุมดำเนินการต่อไม่ได้ คือ คณะกรรมการบางท่านได้ท้วงติงถึงความสมบูรณ์ของประกาศ ตร. ในการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ซึ่งประธานได้สั่งให้เลขาธิการ ก.ตร.ไปตรวจสอบความสมบูรณ์ของประกาศตามที่ถูกท้วงติง เพราะไม่ต้องการให้มีข้อครหาหรือการฟ้องร้องตามมาทีหลัง และต้องพิจารณาองค์ประกอบว่ามีความชัดเจนสมบูรณ์หรือไม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนคุณสมบัติของคณะกรรมการคงต้องมีการตรวจสอบด้วยเพื่อความรอบคอบและโปร่งใส ส่วนการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไปจะมีขึ้นเมื่อไรนั้นยังไม่สามารถ ตอบได้

ฝากตำรวจ - เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ระหว่างการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการหยิบยกเอาวาระการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจขึ้นมาพิจารณา โดยช่วงหนึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.ได้นำเอาหนังสือที่มีลายมือและลายเซ็นของ ก.ตร.บางคนเขียนฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความสัมพันธ์ ให้ได้รับการพิจารณา

ปุระชัยชี้ผิดจริยธรรมจี้"ก.ตร."ออก

ด้าน ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวถึงสาเหตุการประชุม ก.ตร.ต้องยกเลิกว่า ได้ท้วงติงในที่ประชุม ก.ตร. ในเรื่องคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ที่นายศิริโชคร้องเรียนว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในสมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. ที่มีผลการพิจารณาออกมา ซึ่งตนเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นนามบัตรหรือลายเซ็นที่นายศิริโชคนำมากล่าวอ้าง ไม่มีความชัดเจน ไม่สามารถตอบสังคมได้

"ทั้งนี้ ผมยังทราบว่า อนุ ก.ตร.กว่าครึ่งหนึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง โดยมีหลักฐานว่ามีการทำหนังสือลงชื่อจากสำนักงานตนเองถึง พล.ต.อ.พัชรวาท เพื่อฝากฝังแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงไป ซึ่งหากอนุ ก.ตร.คนใดเกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นการทำผิดจริยธรรม กฎ ก.ตร.ผมเห็นว่าการลาออกจากอนุ ก.ตร.ไม่เพียงพอ ต้องลาออกจาก ก.ตร.ด้วย" ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าว และว่า หากมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ก็ถือว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 266 อนุ 2 ที่ห้าม ส.ส.ก้าวก่ายเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ หากพบหลักฐานว่ามีความผิดจริงสามารถยื่นถอดถอนได้ ส่วนจะเป็นนักการเมืองคนใดนั้นตนไม่ทราบ

"สุเทพ"ยังไม่กำหนดถกอีกรอบ

ต่อมาเวลา 14.15 น. นายสุเทพเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลและเก็บตัวอยู่บนห้องทำงานชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 จนเวลา 15.00 น. ก่อนเดินทางออกไปอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวมาดักรอถามถึงสาเหตุที่การประชุม ก.ตร.ล่มอีก แต่นายสุเทพพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า ให้สัมภาษณ์วันละหนพอแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องรายชื่อทำไมยังไม่ลงตัวอีก นายสุเทพกล่าวว่า "ยังไม่ได้พิจารณาเลย ยังไม่ทันถึงการพิจารณา มีเรื่องอื่นเสียก่อน เขาขอตรวจสอบความสมบูรณ์ของคณะกรรมการคัดเลือกทั้งคณะเลย" เมื่อถามว่า จะประชุม ก.ตร.อีกครั้งได้เมื่อไหร่ นายสุเทพตอบว่า "เดี๋ยวดูก่อน" ทั้งนี้นายสุเทพยังคงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เคร่งเครียดแต่อย่างใด

เผย36นายพลผ่านบอร์ด

รายงานข่าวแจ้งว่า ข้าราชการตำรวจที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองมี 36 นาย ในระดับ รอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง 2 ตำแหน่งจึงโยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี และพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้าดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก เลื่อน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร. ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.

ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.จะมีการเลื่อน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ท .ประชิน วารี จตร.(สบ 8) เป็นรอง จตร.(สบ 9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร. แทน พล.ต.ท.พรชัย พันธุ์วัฒนา รอง จตร.(สบ 9) ที่เออร์ลี่ รีไทร์ พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ.ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รอง จตร.(สบ 9) โยกเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก และให้ พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เป็นรอง จตร.(สบ 9) พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผบช.นรป.ขึ้นเป็นรอง นรป.(สบ 9)

ระดับ ผบช. พล.ต.ท.ถวิล สุรเษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ท.ธีระยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.งป.เป็น ผบช.สกบ. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม.เป็น ผบช.ศ. สำหรับตำแหน่ง ผบช.น.ในบอร์ดกลั่นกรองถกกันยังไม่ได้ข้อยุติมีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.เจตต์ มงคลถัตถี ผบช.กมส. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 มานั่งเป็น ผบช.น. พล.ต.ต.เดชาวัต รามสมภพ รอง ผบช.ภ.3 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รอง ผบช.ภ.4 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. เป็น ผบช.ภ.7 และหาก พล.ต.ท.สัณฐานได้ตำแหน่ง ผบช.น.จะให้ พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม.เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เป็น ผบช.ภ.9

พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.กตร.เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส.เป็น ผบช.ส. พล.ต.ท.อุดม รักศีลธรรม จตร.(สบ 8) เป็น ผบช.สตส. พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รอง ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบช.ปส.เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.ธนากร ศิริอัฐ รอง ผบช.สตม.ขึ้นเป็น ผบช.งป. พล.ต.ต.ยงยศ นาคเฉลิม รอง จตร.(สบ7) ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.วิบูล ปรองดอง รอง ผบช. สง.ก.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) เป็นนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) พล.ต.ต.ไตรรัตน์ อมาตยกุล นรป.(สบ 7) ขึ้นเป็น ผบช.นรป.(สบ 8) เป็นต้น

หน้า 1

"นพดล"ยอมรับโยกย้ายตร.มีเด็กฝากแต่เป็นการแนะนำให้พิจารณา

7 พ.ย.2552  เวลา 19:12:31 น.  มติชนออนไลน์

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เปิดเผยวันที่ 7 พฤศจิกายนว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทุกครั้งที่ผ่านมา มีการฝากฝังตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จริง แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นเพราะตำรวจผู้นั้น มีความรู้ความสามารถ ผู้เป็นนายจึงมีการแนะนำให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา

สำหรับการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไป พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า น่าจะมีการพิจารณาเรื่องขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคัดเลือก หรือ บอร์ดกลั่นกรองการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ หลังจากในการประชุมวันที่ 6 พฤศจิกายน มี ก.ตร.บางคน ท้วงติงเรื่องความไม่เหมาะสม และไม่มีความสมบูรณ์ เนื่องจากบอร์ดกลั่นกรองมีจำนวนถึง 13 คน เกินกึ่งหนึ่งของ ก.ตร. ที่มีเพียง 20 คน เพราะฉะนั้น หากบอร์ดกลั่นกรองพิจารณารายชื่อมาอย่างไร  ก.ตร. จะไม่สามารถคัดค้านได้ 

-----------------------------------

วันที่ 08 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11565 มติชนรายวัน

วอลล์เปเปอร์นายกฯซัด"ปุ" ไม้บรรทัดงอ ชี้แฉเด็กฝากแค่ช่วยเพื่อน

ก.ตร.อย่าฟัง-ไม่ต้องออก "สุเทพ"โอดโดนอยู่คนเดียว "พท."ถล่มตราบาปสีกากี
คนใกล้ชิดนายกฯป้องบอร์ดกลั่นกรองฝากตำรวจ ชี้เป็นเรื่องปกติของสังคม โยนเป็นหน้าที่ของผู้รับที่จัดทำตามหรือไม่ ซัด"ปุระชัย"ที่แฉหลักฐานเห็นแก่พวกพ้องมากกว่าสถาบัน หมดความน่าเชื่อถือแล้ว ย้อนถามไม้บรรทัดที่ตรงงอแล้วหรือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิยันไม่ใช่เรื่องเสียหาย อ้างแค่แนะนำคนดี ย้อนถามใครตัดสินจริยธรรม คาดสัปดาห์หน้าหาข้อยุติ 2 ประเด็น "สุเทพ"บ่นอุบโดนอยู่คนเดียว

@ "ศิริโชค"สงสัย"ปุ"เพิ่งโต้แย้ง

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมา แถลงที่ ปชป. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน กรณี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ นำหลักฐานที่บอร์ดกลั่นกรอง และอนุ ก.ตร.ฝากการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขึ้นมาสอบถามที่ประชุม ก.ตร.ว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริย ธรรมหรือกฎ ก.ตร.หรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้อนุ ก.ตร.ที่ฝากตำรวจลาออกจากอนุ ก.ตร.และ ก.ตร. ทำให้การประชุม ก.ตร.ล่ม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า การกระทำของ ร.ต.อ. ปุระชัย เป็นการแสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ ร.ต.อ.ปุระชัย ว่าไม่เป็นไปตามที่สังคมได้คาดหวังไว้

นายศิริโชคกล่าวว่า ช่วงการแต่งตั้งอนุ ก.ตร. สืบสวนการซื้อขายตำแหน่ง ทั้ง ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็เป็น ก.ตร. และเห็นชอบกับการตั้งอนุ ก.ตร.ให้ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ถ้าเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีจริยธรรม ไม่มีความเหมาะสม แล้วทำไมวันนั้นถึงได้เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการขึ้นมา ทั้งที่ข้อมูลต่างๆ ก็มีอยู่ในมือของบุคคลทั้ง 2 อยู่แล้ว ทำไมไม่โต้แย้งกันเสียตั้งแต่วันนั้น

@ ซัดรักพวกมากกว่าสถาบัน

"เป็นไปได้หรือไม่ว่า บุคคลทั้งสองคาดหวังว่าอนุ ก.ตร.จะสามารถฟอกความผิดในเรื่องการซื้อขายตำแหน่งได้ แต่เมื่อผลสอบออกมาพบว่ามีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในปี 2551 จริง ร.ต.อ.ปุระชัยอาจเป็นห่วงเพื่อนที่เป็นผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ จึงออกมาปกป้องเพื่อน ด้วยการพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของอนุ ก.ตร.ชุดนี้ และผมมีสิทธิตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเพิ่งมาโยงกรรมการชุดนี้ ทั้งที่ตั้งมากับมือตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่เหมาะสมกับการที่สังคมให้ความไว้วางใจ ร.ต.อ.ปุระชัย หรือว่าไม้บรรทัดที่ตรงได้งอไปเสียแล้ว สำหรับผมความน่าเชื่อถือของ ร.ต.อ.ปุระชัยไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะถือว่ารักพวกพ้องมากกว่าสถาบันตัวเอง" นายศิริโชคกล่าว และว่า การฝากฝังนายตำรวจไม่ใช่เรื่องเสียหาย สังคมไทยถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับฝากจะต้องพิจารณาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และที่บอกว่าเป็นการแทรกแซงกิจการตำรวจก็ต้องตีความว่าคำว่าแทรกแซงหมายถึงอะไร ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสมก็ไม่ต้องตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยมีคนพาดพิงว่าคนใกล้ชิดนายกฯก็ฝากนายตำรวจเหมือนกัน นายศิริโชคกล่าวว่า เป็นการพูดลอยๆ ปราศจากหลักฐาน ใครก็พูดได้ แต่เกรงว่าสังคมจะถูกเบี่ยงเบนประเด็น เพราะการฝากไม่ใช่การซื้อขายตำแหน่ง ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสม ก.ตร.ก็ไม่ต้องตั้ง ดังนั้น ร.ต.อ.ปุระชัยต้องแยกแยะระหว่างความเป็นเพื่อนกับหลักการ เมื่อถามว่าอย่างนี้ ก.ตร.ที่ถูกเปิดเผยชื่อ ก็ไม่ต้องลาออกใช่หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า "ทำไมต้องฟัง ร.ต.อ.ปุระชัย คำพูดของคนคนเดียว สังคมคงจะไม่ให้ความเชื่อถือสักเท่าไหร่ เพราะความน่าเชื่อถือของ ร.ต.อ.ปุระชัยไม่มีแล้วครับ"

@ "สุเทพ"บ่นอุบโดนอยู่คนเดียว

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ถึงสาเหตุที่การประชุม ก.ตร.ล่มเป็นครั้งที่ 3 โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า "อย่าเพิ่งให้ผมบอกอะไรไปตรงๆ เลย" เมื่อถามว่า จะนัดประชุม ก.ตร.อีกครั้งได้เมื่อไร นายสุเทพปฏิเสธที่จะตอบและตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที

ทั้งนี้ ระหว่างไปร่วมงานฉลองของ น.ส.พิมพ์รำไพ พันธุ์วิชาติกุล บุตรสาวนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กับนายณัฐพงษ์ หงส์ชวลิต ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายสุเทพเรื่องปัญหาการประชุม ก.ตร. แต่นายสุเทพพยายามบ่ายเบี่ยง โดยกล่าวว่า "เอาไว้ให้พร้อมๆ กันดีกว่า" อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่อยู่ในงานเลี้ยง นายสุเทพได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. โดยมีการพูดถึงการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ตอนหนึ่งว่า "ผมโดนอยู่คนเดียว เลยต้องรีบปิดประชุม"

@ ก.ตร.ชี้ฝากตำรวจไม่เสียหาย

พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรอง กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.ปุระชัยทวงถามจริยธรรมของคณะกรรมการคัดเลือกและ ก.ตร.ที่ฝากตำรวจ ว่าออกมาพูดแบบนี้ก็ไม่เป็นไร จะพูดอะไรก็ไม่มีใครถือสา เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เป็นมุมหนึ่งที่มีคนอยากจะพูด

"เรื่องการเสนอชื่อฝากฝัง ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากมาย เพราะเป็นลักษณะของการเสนอแนะคนที่เราเห็นว่าดี เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่ง และไม่ได้บังคับว่าเสนอไปแล้วต้องได้ แค่แนะนำขึ้นไปเท่านั้น เพราะคนเสนอชื่อก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไร" พล.ต.อ.บุญเพ็ญกล่าว และว่า ส่วนเรื่องจริยธรรมนั้น ไม่ทราบว่าใครตัดสิน ใครกันเป็นคนชี้ผิดชี้ถูก เรื่องนี้ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า มีการพูดว่า ก.ตร.หมดความชอบธรรมแล้ว พล.ต.อ.บุญเพ็ญกล่าวว่า ตรงนี้ใครกำหนด ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไร ก.ตร. ไม่มีความขัดแย้ง สามารถทำงานต่อไปได้ เมื่อ ก.ตร.บางคนข้องใจ ก็เสนอประเด็นขึ้นมาเท่า นั้น หลังจากนี้การแต่งตั้งนายพลตำรวจจะสามารถดำเนินไปได้ เพราะเท่าที่ดูรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองมาแล้วนั้น ก็ออกมาดูดี พิจารณากันตามความอาวุโส ประกอบกับความสามารถและความเหมาะสม

"ผมต้องชื่นชมในความใจกว้างของนายสุเทพ ที่เปิดกว้างรับฟังความเห็นของ ก.ตร.ทุกๆ คน ให้อิสระและมีใจที่ยุติธรรมมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ นายสุเทพทำดีที่สุดแล้วที่รับฟังและยุติการประชุมเมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันไม่เหมาะสม ผมชื่นชมจริงๆ" พล.ต.อ.บุญเพ็ญกล่าว

@ สัปดาห์หน้าหาข้อสรุป 2 ปม

ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หนึ่งในอนุ ก.ตร.ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งและบอร์ดกลั่นกรอง กล่าวว่า จะไม่พูดอะไรมากถึงเรื่องนี้ หากออกมาตอบโต้กันไปมาจะเสียหายไปใหญ่ ตรงนี้รอให้มีการประชุม ก.ตร.ครั้งหน้าเพื่อจัดการปัญหาเสียก่อนจึงจะออกมาพูดได้

"นายสุเทพบอกว่าเรื่องนี้ต้องจัดการโดยเร็ว ก.ตร.ต้องคุยกัน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม ก.ตร.อีกครั้ง โดยต้องหารือกัน 2 ประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตเพื่อหาข้อยุติ คือ 1.เรื่องการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกที่อ้างว่าสัดส่วนมากกว่า ก.ตร. 2.เรื่องการถามหาจริยธรรม ตรงนี้ ก.ตร.ก็ต้องหารือให้ยุติ เพราะเหรียญมี 2 ด้าน ขึ้นอยู่กับใครจะเลือกมองด้านไหน" พล.ต.อ.นพดลกล่าว

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การประชุม ก.ตร.ที่ล่ม ทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจต้องเลื่อนออกไปอีก ถือว่าเป็นความอัปยศและเป็นตราบาปสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เนื่องจากมีการเลื่อนการประชุม ก.ตร.มาถึง 3 ครั้งแล้ว อีกทั้ง ร.ต.อ.ปุระชัยยังออกมาเปิดเผยถึงการฝากตำรวจ

หน้า 1
---------------------------------
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม