วิบากกรรม...ป้ายโฆษณาฉาว พันโยงใยล้างบางตำรวจนครบาล

8/1/58
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 8 ม.ค.2558

กลายเป็นเรื่องยาวตั้งแต่เดือนต.ค. 57 ต่อเนื่องมาถึงปีนี้...คดีเสร็จแต่ไม่จบ??? ภายหลัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ตรวจสอบพบความผิดปกติในการใช้พื้นที่ราชพัสดุบริเวณป้อมตำรวจจราจรตามแยกต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ถูกต้อง โดยมีการใช้อำนาจของนายตำรวจในพื้นที่ไปลงนามกับบริษัทเอกชนผู้ประกอบกิจการป้ายโฆษณาไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ

ตอนนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้วิเคราะห์ศึกษากฎหมายจนสรุปได้ว่าพฤติกรรมของนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง 73 นายระดับ รองผบก.-สารวัตรใน 67 สถานีตำรวจกระทำผิดวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบของทางราชการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา, สั่งการในหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ, ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ทางราชการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ

รวมถึงกระทำการประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันถือเป็นข้อห้ามการกระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้เสียระเบียบแบบแผนของตำรวจอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 78 (1) (2) (9) และ (15) แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จึงได้มีคำสั่งให้ผบก.น.1-9 ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจในแต่ละสังกัดที่พบว่ามีป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร

ผลการสอบสวนทางวินัยของแต่ละพื้นที่ออกมาแล้วชัดเจน อาทิ...พื้นที่บก.น.1 ไม่พบว่าผิดวินัยจึงได้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้แก่ สน.ห้วยขวาง สน.ดุสิต สน.สามเสน แต่พบว่า ผิดวินัยร้ายแรงได้แก่ สน.ดินแดงและ สน.พญาไท

พื้นที่บก.น.3 พบมีความผิดแต่ไม่ร้ายแรง 3 สน.ได้แก่ สน.มีนบุรี สน.ลำผักชี และ สน.จรเข้น้อย โดยทาง บก.น.3 ได้เสนอลงโทษให้ภาคทัณฑ์ไว้

พื้นที่บก.น.6 ไม่พบว่าผิดวินัยจึงได้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้แก่ สน.จักรวรรดิ สน.พลับพลาไชย 2 แต่ที่ พบว่าผิดวินัยร้ายแรง ได้แก่ สน.ปทุมวัน 2.สน.บางรัก 3.สน.พระราชวัง 4.สน.พลับพลาไชย 5.สน.สำราญราษฎร์และ 6.สน.ยานนาวา

พื้นที่บก.น.7 พบว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรงจึงสั่งลงโทษภาคทันฑ์ 4 สน.ได้แก่สน.บางกอกน้อย สน.บางเสาธง สน.ธรรมศาลาสน.ศาลาแดง ส่วน สน.ท่าพระ คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ผิดวินัย จึงได้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

พื้นที่บก.น.8 มี 3 สน. ผิดวินัยไม่ร้ายแรงสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ได้แก่สน.บุปผาราม สน.สำเหร่และ สน.บุคคโลขณะที่อีก 4 สน.ได้แก่สน.บางมดสน.ปากคลองสาน สน.บางคอแหลม สน.สมเด็จเจ้าพระยาไม่พบผิดวินัย จึงมีคำสั่งให้ยุติการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ

จากผลการสอบสวนทางวินัยครั้งนี้...กลายเป็นชนวนเหตุให้มีการยื่นหนังสือจากบช.น.ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าสู่ที่ประชุมก.ตร.ในการขอโยกย้ายนายตำรวจที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยในกรณีต่าง ๆ ไปด้วย…ดังนี้ นายตำรวจระดับรองผบก.14 นายถูกเสนอชื่อย้าย แต่มีแบบไม่สมัครใจย้าย 7 นายและสมัครใจย้าย 7 นาย ระดับ ผกก.โยกย้ายออกนอกหน่วย 59 นายไม่สมัครใจย้าย 44 นายและสมัครใจย้าย 15 นายแบ่งเป็นกรณีป้ายโฆษณา 38 นาย…

นอกจากนั้นเป็นในส่วนของการถูกตั้งกรรมการเรื่องบ่อนการพนัน 1 นาย กรณีทหารรายงานความมั่นคง 1 นายบกพร่องงานรับเสด็จ 2 นายกรณีสถานบริการถูกจับกุม 1 นายและจับกุมการค้าน้ำมันเถื่อน 1 นาย

ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยถึงกระบวนการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่า ตนพิจารณาด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและการพิจารณาโยกย้ายก็จะเป็นไปตามข้อเท็จจริงในเรื่องการกระทำผิดที่สำคัญก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช.ฉบับที่ 88 หากมีการไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองก็สามารถทำได้ตามสิทธิของแต่ละคนแต่ทุกอย่างที่ทำไปนั้นล้วนเป็นไปตามกฎระเบียบและประกาศ คสช.ใครทำผิดก็ต้องดำเนินการ

“ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล้างบางแต่เกิดจากการกระทำที่ทำให้รัฐเสียหายก็ต้องดำเนินการทางวินัยทั้งทางกฎหมายอาญาและส่วนที่มีนายตำรวจไปร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.นั้นก็ไม่ทราบว่าทำไมนายตำรวจที่ร้องเรียนรู้ได้อย่างไรว่าจะถูกโยกย้ายเพราะคำสั่งแต่งตั้งยังไม่ออกและการย้ายในกรณีป้ายก็ไม่มากถึง 60 นายตามข่าว ตอนนี้ขอนายตำรวจทุกนายทำงานไปตามหน้าที่ผู้บังคับบัญชาไม่คิดจะเอาเป็นเอาตายขอให้ทำงานต่อไป” ผบช.น.กล่าว

ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะคณะกรรมการการกำหนดนโยบายการใช้อาคารสถานที่ และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายโฆษณาบนป้อมจราจรว่าหลังจากได้มีการยื่นหนังสือถึงกรมธนารักษ์เพื่อสอบถามในกรณีนี้กรมธนารักษ์ตอบยืนยันกลับว่าป้ายโฆษณาส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดที่มีรั้วรอบขอบชิดเป็นที่ของราชพัสดุอย่างแน่นอน

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่าเบื้องต้นกรมธนารักษ์แนะนำให้ดำเนินการให้ถูกต้องอาจต้องตรวจสอบว่ากระทำการมากี่ปีแล้วและดำเนินการจ่ายค่าเช่าย้อนหลังต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าป้ายใดอยู่ในพื้นที่สน.ใดพร้อมทำรายงานแจ้งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ามีบริษัทใดบ้างที่ทำป้ายโฆษณาให้กับ สน.ต่าง ๆ เพื่อขออนุญาตให้ถูกต้องโดยก่อนหน้านี้การจัดทำป้ายโฆษณาบนป้อมจราจรนั้นไม่เคยมีการยื่นหนังสือขอความเห็นชอบผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก่อนเลย

ขณะเดียวกันมีกลุ่มนายตำรวจที่พัวพันกับคดีความผิดป้ายโฆษณาในสังกัด บช.น.จัดทำเอกสาร 2 แผ่นเตรียมยื่นขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร. ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ที่จะมีการพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบก.-ผกก.กรณีถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบของทางราชการฯ

เอกสารระบุว่ากรณีการสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณในพื้นที่ บช.ภ.1-9 บช.ก.ก็มีติดตั้งแต่สอบเฉพาะบช.น.เท่านั้นถือเป็นการเลือกปฏิบัติ และการลงทัณฑ์ก็ไม่เป็นธรรมเพราะกรรมการของแต่ละส่วนในทั้งระดับบก.น.และบช.น.มีความเห็นต่างในความผิดฐานเดียวกัน

นอกจากนี้กรณีการปรับย้ายผู้ดำรงตำแหน่งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปีทั้งในและนอกหน่วย บช.น.ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ไปยังตร.โดยมีหมายเหตุว่าทำให้เกิดความเสียหายสมควรปรับย้ายและมีการปรับย้ายโดยไม่รอผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว โดย บช.น.พยายามเร่งรัดผลการดำเนินการทางวินัยจึงขอให้ชะลอการแต่งตั้งโยกย้ายด้วย
จึงเป็นเรื่องหนักที่ทางก.ตร.จะต้องมีการหารือกันอย่างละเอียดรอบคอบเพราะทุกฝ่ายทุกข้อโต้แย้งหรือข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็มีระเบียบและกฎหมายรองรับกันแต่ก็มีขัดกันบางช่วงบางตอน...คงต้องดูผลการประชุมก.ตร.นัดปีใหม่นี้ผลจะออกมาอย่างไรเพราะหากออกมาดีชัดเจนการโยกย้ายรองผบก.-สารวัตรจะได้ไหลลื่นแต่หากสะดุดก็ต้องมาปรับแก้กันต่อไป.

ไม่มีความคิดเห็น:

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม