ย้อนรอยคำสั่ง"ฟัน"พล.ต.ต.มานิตยุค"เสรีพิศุทธ์"

1/10/52

ต.ค.2550

ช็อกกันไปทั้งบางกับมติคำสั่งครั้งประวัติศาสตร์จากที่ประชุม ก.ตร. มีมติลงโทษ

พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.1

ตามที่ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และกระทำผิดวินัยร้ายแรง ไม่จับกุมกลุ่มบุคคลที่ทำร้ายร่างกายประชาชน ขณะมาชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2549 โดย ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อ พล.ต.ต.มานิต เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา และทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.สส. เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง

โดยมีความเห็นให้ปลดออก พล.ต.ต.มานิต ตามคำพิจารณาของ ป.ป.ช. และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ลงนามคำสั่งปลด พล.ต.ต.มานิต ออกจากราชการ และทาง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต รอง ผบช.น. รักษาราชการแทนมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.เป็นต้นไป

พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 กล่าวว่า หลังทราบข่าวทางสื่อมวลชนได้ติดตามคำสั่งดังกล่าว พบว่าเป็นความจริง และเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา ทาง ป.ป.ช.มีการชี้มูลความผิด

พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา อดีต รอง ผบก.อก.สนว. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.สส.น. 6 มีความเห็นว่า ตนและ

พล.ต.ต.วณิช สุรพลชัย อดีต ผบก.น.6 และ

พ.ต.อ.วัลลภ ประทุมเมือง ผกก.สน.ปทุมวัน

ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ ป.ป.ช. ซึ่งผลจากการชี้แจง ป.ปช.ได้ลงมติพิจารณากลับมายัง สตช.ว่า ตนเองไม่มีความผิดคดีอาญา ตามมาตรา 157 และ มาตรา 200 กรณีถูกกล่าวว่ามีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด แต่เป็นความผิดกรณีเข้าไปจับกุมโดยใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุและเลือกปฏิบัติ

พล.ต.ต.มานิต กล่าวอีกว่า เมื่อมีคำสั่งจาก สตช. มายัง บก.น.1 ก็จะเซ็นรับทราบคำสั่ง และต้องถูกออกจากราชการไว้ก่อน แต่ไม่ถือว่าเป็นการสิ้นสุดกระบวนการ ตนจะยื่นอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) หลังจากนั้นถ้าไม่ได้ผลจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองตามขั้นตอนต่อไป "อยากฝากถึงตำรวจผู้ปฏิบัติงานทุกคนอาจต้องพบกับอุปสรรคการทำงานเช่นผม อาจมีความเข้าใจผิด และต้องพบคำวินิจฉัยต่างๆ ทำให้มีอุปสรรคบ้าง แต่ก็เชื่อมั่นถึงความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และมั่นใจในสถาบันตุลาการจะให้ความเป็นธรรมได้ และในที่สุดมีความเชื่อมั่นว่าศาลจะชี้มูลว่าผมไม่มีความผิด มั่นใจ 100 % ว่า ศาลจะพิจารณาว่าไม่มีความผิดทางวินัยแต่อย่างใด ไม่รู้สึกท้อแท้ และมั่นใจจะสามารถกลับมารับราชการได้เหมือนเดิม โดยคำพิพากษาศาลที่จะให้ความเป็นธรรม "

พล.ต.ต.มานิตกล่าว และว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะใช้ระยะเวลานานเท่าใด ขึ้นอยู่กับกระบวนการตัดสินของศาล ส่วนผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดเดียวกันทราบว่า อดีต ผบก.น.6 ถูกชี้มูลความผิดถูกลงโทษตัดเงินเดือน ส่วน ผกก.สนปทุมวัน ถูกยกคำร้อง ที่ร้ายแรงที่สุดคือ อดีต ผกก.สส.น.6 ถูกไล่ออกจากราชการ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจมีคณะกรรมการโดยมีรอง ผบ.ตร.ทุกท่านเป็นคณะกรรมการ ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุดในวันนั้นเป็นประธานพิจารณาว่าจะปลดออกจากราชการโดยเสนอมาให้ตนเองพิจารณาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ก็เห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชาเพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่แต่บางครั้งการปฏิบัติหน้าที่การสั่งการทันทีก็ผิดพลาดได้ เมื่อผิดพลาดต้องรับผิดขนาดนี้ โดยส่วนก็เห็นใจ แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎหมายก็คือกฎหมาย เป็นเครื่องเตือนสติให้ตำรวจที่รักชาติบ้านเมืองมากเกินไปตัวเองก็เจ็บเหมือนกัน แต่ที่พูดไม่ใช่ไม่ให้ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ให้ทุกคนทำงานเต็มที่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเรื่องนี้ถือว่าไม่ได้ประพฤติชั่วทุจริต คดโกงใครแต่เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องว่าอย่างนี้ไปแล้วค่อยมาว่ากันทีหลังอีกทีและไม่มีตำรวจคนอื่นที่ไปเกี่ยวข้องแล้ว พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง ผกก.สน.ปทุมวันในขณะนั้นก็ไม่มีความผิด

สำหรับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 96 หากผู้ถูกลงโทษประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อก.ตร.ได้ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งลงโทษ และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนต่อศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วันนับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์

นับเป็นอีกเรื่องราวที่ลือลั่นสั่นสะเทือน"วงการสีกากี"

ไม่มีความคิดเห็น:

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม