เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) พิจารณาวาระพิเศษเปลี่ยนแปลงลักษณะงาน ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้ช่วย ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า มีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช รักษาการ ผบ.ตร. เป็นต้น
รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า เสนอลักษณะงาน รอง ผบ.ตร.ใหม่ เดิมมีอยู่ 5 ด้านคือ
ด้านบริหาร
ด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
ด้านสอบสวนและกฎหมาย
ด้านกิจการพิเศษและ
ด้านความมั่นคง
จึงเสนอขยายงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และ
ด้านสอบสวนมาเป็นด้านป้องกันอาชญากรรม
ด้านสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม
ด้านสืบสวนสอบสวนและ
ด้านกฎหมาย
เหตุผลเพราะตำรวจไปมุ่งเน้นปราบปรามมากกว่าการป้องกัน ปล่อยให้มีการปล้นฆ่าแล้วค่อยไปตามจับถือเป็นการคิดผิดจึงขยายงานด้านป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมขึ้น
ที่ประชุมได้อนุมัติตามที่เสนอ นอกจากนี้ยังขออนุมัติปรับที่ปรึกษากฎหมาย (สบ 10) ตำแหน่ง พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ เข้ามาเป็น รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม และที่ปรึกษากฎหมาย (สบ 9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้เข้ามาเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทั้งหมด เพื่อจะได้มีอำนาจทางกฎหมาย แล้วจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อขออนุมัติรักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า จากนี้ไปจะปรับงานระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาคต่างๆ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และสถานีตำรวจให้สอดคล้องกัน จะทำให้งานตำรวจเป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ
พร้อมเสนอขอเปิดรับตำรวจที่มีวุฒิตั้งแต่ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ( ปวส.) ขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่มีวุฒิปริญญาตรีหรือปริญญาโทสามารถมาสมัครได้
ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายว่า เมื่อผ่านการอบรมเข้าเป็นตำรวจแล้วให้เลื่อนปีละชั้น และปรับเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้ ซึ่งตำรวจชั้นประทวนจะมีความหวังมากขึ้นรักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้เพิ่มพนักงานสอบสวนหญิง ตำรวจหญิงชั้นประทวนมาควบคุมดูแลม็อบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจขาดแคลนกำลังทั่วประเทศประมาณ 50,000 อัตรา
นายกรัฐมนตรีสั่งให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มกำลังให้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ทางรักษาการ ผบ.ตร.มอบให้ รอง ผบ.ตร.กำกับดูด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านบริหาร
พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ ด้านป้องกันอาชญากรรม
พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ ด้านสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม
พล.ต.อ.วงกต ด้านสืบสวนสอบสวน
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ด้านกิจการพิเศษ
พล.ต.อ.อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ด้านความมั่นคง
พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ด้านจเรตำรวจ
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติด้าน
พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ก.ต.ช.ได้มีมติกำหนดตำแหน่งใหม่ โดยให้ พล.ต.อ.วงกตเป็นรอง ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก เช่นเดียวกับตำแหน่งของ พล.ต.อ.สมบัติ เดิมเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวให้เข้าสู่ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.หลักเช่นกัน ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) ให้เปลี่ยนเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทั้งหมด
เว้นตำแหน่งของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ยังคงตำแหน่งประจำ ตร.เหมือนเดิม เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.
และการประชุมก.ตร.วันที่ 4 เมษายน จะกำหนดตัวบุคคลลงในตำแหน่งที่กำหนดใหม่ อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้จะมีคำสั่งแต่งตั้งระดับผู้กำกับการ (ผกก.)-สารวัตร(สว.) ในอัตราตำแหน่ง กอ.รมน. ซึ่งทาง กอ.รมน.อนุมัติเปิดตำแหน่งให้มาอีกกว่า 30 ตำแหน่ง
หากรวมตำแหน่งสลับสับเปลี่ยนคาดว่ามีกว่า 100 ตำแหน่งรายงานข่าวแจ้งว่า การประชุม ก.ตร.นอกจากมีวาระรับรองตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้ว จะแต่งตั้งนายพลในตำแหน่งจเรตำรวจ และฝ่ายอำนวยประจำสำนักงานฯประมาณ 40 ตำแหน่งด้วยหน้า 12
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น