ความแตกต่าง ตำรวจอเมริกา vs ตำรวจไทย

13/10/56
1. ไม่มีกรมตำรวจ ไม่มีแม้แต่ทบวงหรือกระทรวงตำรวจเหมือนประเทศอื่น จึงไม่มีสายการบังคับบัญชายุ่บยั่บเหมือนของไทย

2. ไม่มีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ละเมืองคัดตำรวจกันเอง วิธีคัดก็ไม่เหมือนกัน คัดได้แล้วก็ส่งไปอบรมที่โรงเรียนตำรวจ 26 สัปดาห์ เป็นอันว่าจบหลักสูตรออกมาทำงานได้ ตำรวจอเมริกันจึงไม่มีการแบ่งว่า ฉันจบจากโรงเรียนนายร้อย อั๊วจบมหาวิทยาลัย ข้ามาจาก จปร. (จ่าเป็นนายร้อย)

3. ไม่มีอธิบดีกรมตำรวจ ที่หนังสือพิมพ์อเมริกันเรียก police chief นั้น อย่าไปแปลว่าอธิบดีกรมตำรวจนะครับ ไม่มีกรมจะทะลึ่งไปมีอธิบดีได้ยังไง ตำแหน่งนี้ ก็คือ หัวหน้าตำรวจของแต่ละเมือง อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายกเทศมนตรีอีกที ตำรวจจึงต้องทำงานเอาใจนายกเล็ก นายกต้องลงแส้ให้ตำรวจทำงานให้มีประสิทธิภาพ กลัวว่าครั้งหน้าจะไม่มีใครเลือก เมืองไทยน่าจะทดลองให้ตำรวจนครบาลขึ้นกับผู้ว่าฯ กทม.ดูบ้าง อาจจะแก้ปัญหาตำรวจได้

4. ตำรวจอเมริกันไม่มียศชั้นนายพัน สูงสุดเป็นแค่นายร้อย สูงกว่านั้นใช้นาย คุณอาจจะต้องสงสัยว่าถ้าอย่างนั้นจะสั่งงานกันอย่างไรก็ว่ากันไปตามตำแหน่ง ตำรวจไม่มียศก็ดีไปอย่าง ไม่มีความรู้สึกว่า เป็นเจ้าขุนมูลนาย ในบ้านเรา บางคนอาจจะไม่อยากเป็นตำรวจ แต่อยากมียศ ไม่รักอาชีพ ไม่รักงาน แต่รักยศ เหตุผลที่เข้ามาเป็นตำรวจ ของตำรวจบางนาย ฟังแล้วอยากร้องไห้...คุณแม่อยากให้รับราชการเป็นตำรวจ เพื่อเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล

5. ตำรวจอเมริกันไม่มีการโยกย้ายไปเมืองนั้นเมืองนี้ เริ่มต้นเป็นตำรวจเมืองไหนก็ต้องอยู่ที่นั่นไปตลอด ตำรวจแต่ละคนจึงต้องรักษาประวัติตัวเอง เหม็นเมื่อไรหมดโอกาสสร้างอนาคตใหม่ ในสหรัฐฯไม่มีจังหวัดเหมือนบ้านเรา มีเพียง city กับ town ซิตี้ คือ เมืองใหญ่ ทาวน์เป็นเมืองเล็ก ทาวน์บางแห่งมีคนไม่กี่พัน จ่าวัตสันตบทรัพย์น้าแมรี่ รู้กันเพียงชั่วข้ามคืน ใครเหม็นก็ต้องออก ตำรวจเน่าจากหาดใหญ่ ไปสดใสที่ขอนแก่น อย่างนี้ไม่มีในอเมริกาครับ

6. ตำรวจอเมริกันไม่ต้องวิ่งเต้นโยกย้ายเหมือนตำรวจบาง ประเทศ ที่เสียสตางค์กันทีหนึ่งเป็นแสนๆ บาท เสียแล้วก็ต้องถอนทุนคืน สะสมกำไรเพื่อวิ่งเต้นไปลงโรงพักเกรดดียิ่งๆ ขึ้น ประมูลตำแหน่งกันยังกะประมูลรถยนต์ นายเวรผู้บัญชาการต้องทำกราฟ ทำตารางแจกแจงรายได้ รายจ่าย พร้อมราคาของแต่ละตำแหน่งไว้เสร็จสรรพ ส่งรายเดือนยังไม่พอ ตำรวจระดับนายร้อยขึ้นไปต้องชกป้องกันตำแหน่งทุก 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีอีกด้วย ไฟต์ไหนชกพลาด เตรียมเก็บข้าวเก็บของไปอยู่ สภ.อ. หลังเขาได้

7. ที่อเมริกาเงินเดือนของตำรวจเมืองไหน ก็เอามาจากภาษีของประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นไปจ่าย ตำรวจจึงรู้สึกว่าจะต้องทำงานให้คุ้มค่าจ้าง ต้องรับผิดชอบต่อคนทั้งเมือง ประเทศที่ใช้เงินเดือนมาจากงบกลางอย่างบ้านเรา ความรู้สึกของผู้คนก็จะเฉยๆ ไม่มีส่วนร่วมในการควบคุมกิจการตำรวจ คุณเคยเห็นรถราชการเก่าๆจอดเฉยๆอยู่ตามโรงพักไหมครับ ไม่ยอมส่งคืนหลวงเพื่อแลกรถใหม่มาใช้...รถใหม่ไม่เอา...เรา (ระดับสารวัตรขึ้นไป) รักรถเก่าที่วิ่งไม่ได้...เพราะรถเก่าไม่ต้องใช้น้ำมัน ถ้ายังมีรถหลวงก็ยังต้องส่งน้ำมันมาให้ เราก็จะได้เอาไว้เติมรถส่วนตัวของเรา...

ตำรวจอเมริกาที่เขาได้รับการยอมรับจากประชาชนมากกว่าเราเนื่องจากการทุจริตแทบไม่มีเลยเพราะเขาเป็นตำรวจที่อยู่ประจำเมืองถ้าทำตัวไม่ดีมีสิทธิขึ้นบัญชีหนังหมาและคนที่จะพิพากษาตัวเขาก็คือประชาชน ยิ่งถ้าเมืองไหนเป็นเมืองเล็กๆจะเห็นหน้าเห็นตากันทุกวัน รับรองบ่อน ซ่อง ผิดกฏหมายไม่มีแน่ หากมีที่ไหนถึงวันประชุมประจำเดือนฝ่ายค้านก็จะนำเรื่องเข้าที่ประชุม นายกเทศมนตรีก็เกรงว่าเลือกตั้งครั้งหน้าตัวเองไม่ได้แน่ ก็ต้องเร่งมาที่ตำรวจ แล้วตำรวจจะอยู่นิ่งเฉยได้เหรอ ระบบแบบนี้ข้อดีประชาชนจะคอยเป็นหูเป็นตาคอยดูสิ่งที่ผิดปกติในเมืองแล้วจะแจ้งไปยังฝ่ายค้าน ถ้าบ้านเรามีแบบนี้รับรองสิ่งผิดกฏหมายหายไปเยอะและตำรวจที่จะไปรีดไถหรือเมาทั้งปีไม่มีแน่เพราะเขาคงไม่เอาไว้ให้เปลืองภาษีของเขาแน่นอน บางเมืองของอเมริกาเคยมีข่าวหมอผ่าตัดทำให้คนไข้ตาย พอเข้าที่ประชุมนายกเทศมนตรีก็จะตรวจสอบหมอหากผิดก็ต้องรับผิดไป จึงทำให้ทุกหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อท้องถิ่นต้องบริการประชาชนอย่างเต็มที่ หากข้าราชการดูแลประชาชนดี บ้านเมืองสงบ นักธุรกิจก็จะมาลงทุนเสียภาษีเข้าเมืองมาก ท้องถิ่นมีรายได้มากก็จะสามารถจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการมาก

credit = http://www.sobsuan.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=111729

7 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องเงินเดือนครับที่แตกต่างกันมาก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมว่าดีนะ ตำรวจจะได้ทำงานเต็มที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกยิายเมื่อไหร่ ไม่ต้องวิ่งหาเส้นสาย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทุกวันนี้ ตำรวจที่จบจากที่เดียวกัน พอรุ่นน้องเส้นใหญ่กว่าเติบโตเร็วกว่ามาเป็นหัวหน้าโรงพัก รุ่นพี่เป็น รอง ฯ หัวหน้า ก็ไม่กล้าสั่งรุ่นพี่ ได้แต่ขอร้องกัน งานก็เลยไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ จริงไหมครับ ถ้าเห็นด้วยก็แชร์ต่อนะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ที่เห็นมารุ่นน้องไม่สั่งแล้ว ยังไม่ว่า รุ่นพี่ก็เอาแต่ท้อ ประชุมไม่เอาเมาอย่างเดียว การงานไม่สนลูกน้องได้แต่ทำตาปริบๆว่านายเขาทำอะไรกัน เวรกรรม

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อยากพูดเรื่อง ตำรวจ53ปีเป็นร้อยตำรวจตรี โอ้ยช่างคิดไปได้อายุมากกว่าแต่อายุราชการน้อยกว่าน่าแหยงกับคนที่เป็นตำรวจมาก่อน
ส่วนใหญ่แค่ ดต.ก็เก๋าแล้วพอติดดาวงานการไม่ทำพูดไม่เคยฟัง เห็นนายรุ่นหลานไม่สนใจ เสียทั้งงานทั้งการปกครอง ตอนถามความเห็นหรือประเมิน ใครจะพูดว่าไม่เข้าท่าไม่อยากมีเรื่องกับพวกน้ำเต็มแก้ว
ปล่อยตามกรรมดูได้ทุกโรงพักร้อยละไม่ถึงห้าเปอรเซนต์ที่ทำงาน ผมตอบแบบความเห็นก็พูดไม่ได้ นายใหญ่ไม่เซน๖์ผ่าน แถมหาว่าอิจฉาเค้าเหรอ ไม่ได้เป็นลูกน้องเค้าจะอิจฉาทำไม นักการเมืองล้วงชะจนระบบงานเหลว (สบายใจแล้วครับ)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แค่เรื่องจิตสำนึกกับความรับผิดชอบในหน้าที่อย่าเปรียบกับอเมริกาเลยครับถ้ายอมรับความจริงได้ดูแค่ว่าสังคมเรากับเขามันต่างกันลิบลับ แม้นแต่ตัวนายกเล็กก็เถอะ เหมือนกันมั้ยในทุกเรื่อง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องตำรวจ 53 เป็นเพราะนักการเมืองมาล้วงลูกทำให้ระบบเสีย คุณพูดผิดมากๆ เลย คนคิดนักการเมืองมีหน้าที่คิดหน้าที่พัฒนา เพื่อหวังช่วยข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยให้ลืมตาอ้าปากมีที่ยืนในสังคมตำรวจที่ดีขึ้น ได้มีโอกาสติดดาว แต่การกระทำที่ออกมาล้มเหลว ที่มีคนไม่ทำงาน ทำงานไม่ได้ เถียงตลอด และเลวขนาดเมื่อติดดาวแล้วผยอง ไปยืนด่าชั้นประทวนว่าเป็นแค่ชั้นประทวน ชนิดที่ลืมอดีตตนอย่างรวดเร็ว เป็นความเลวเฉพาะบุคคล เฉพาะตัว นักการเมืองไม่ได้ทำให้เสีย คนนั่นแหละที่ทำให้เสีย ตำรวจเราน่ะเสียเอง ปัญหาที่เกิดขึ้น เข้าสุภาษิตไทย แก่กะโหลกกะลา แต่ที่ดีจริงก็มี แต่ที่ไม่ดีก็คือเปล่าเน่า แล้วบังเอิญเน่ามาก ส่งกลิ่นเหม็นแรงเพราะทำน้ำเน่าไว้เยอะ อยากให้เข้าใจนักการเมือง และก็เข้าใจ ตำรวจต้องการความก้าวหน้า แต่ถ้าอยากให้ยั่งยืน ต้องพัฒนาจิตใจตนเอง ให้สำนึกตนตลอดเวลา

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม