“เกรียงศักดิ์” อ้างถูกใส่ร้ายซื้อขายตำแหน่ง แฉ พล.ต.ท.อยู่เบื้องหลังถูกเด้งเข้ากรุ

22/2/53
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 22 กุมภาพันธ์ 2553 16:45 น.

ผบช.ภ.2 เปิดแถลงข่าว อ้างถูกผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้ง รวมถึงถูกใส่ร้ายเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ระบุนายกฯ กระทำมิชอบงุบงิบตั้ง กก.สอบ พุ่งเป้า บช.ภ.2 เพียงหน่วยเดียว ขณะที่ รรท.ผบ.ตร.ก็ย้ายตนเองมิชอบ แฉมีขบวนการล้มล้าง โดยมีนายตำรวจยศ พล.ต.ท.อยู่เบื้องหลัง เตรียมร้องทุกข์ต่อ ก.ตร. ก่อนฟ้องศาลปกครองทวงความเป็นธรรม

วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่โรงแรมวินด์เซอร์ สุขุมวิท วันที่ 22 ก.พ. 

พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ. 2 ปฏิบัติราชการสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย 

พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก.สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และ 

พ.ต.ท.เจษฏา สวยสม สวญ.สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง 

พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใน บช.ภ.2 กว่า 7 นาย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีความไม่ชอบธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.-สว. และการออกคำสั่งรักษาราชการแทนไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยใช้หัวข้อการแถลงว่า “หยุดรังแกองค์กรตำรวจเสียที”

พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ เปิดแถลงข่าวว่า ตนมีจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกมาเปิดโปงถึงความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้ง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในองค์กรตำรวจ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนบางคน อย่าง พ.ต.อ.นภดล ต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง รวมถึงตนก็ทนไม่ได้ เพราะถูกกลั่นแกล้งจากผู้บังคับบัญชาเช่นกัน โดย

ประเด็นแรก นายกรัฐมนตรีกระทำการมิชอบในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ สตช. กรณีที่มีการกล่าวหาว่า มีการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้ง ซึ่งความจริงแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยึด พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการกับผู้นั้น แต่นายกฯ กลับมีคำสั่ง ที่ 44/2553 ซึ่งเป็นคำสั่งตั้ง พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีต รอง อ.ตร. เป็นประธานการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่ง และมีคณะกรรมการอีก 4-5ท่าน โดยไม่เป็นที่เปิดเผย มีพิรุธ เลือกปฎิบัติ งุบงิบกันเอง และเน้นให้สอบเฉพาะ บช.ภ.2 เท่านั้น ทั้งๆ ที่ บช.อื่นก็มีการร้องเรียนอย่าง บช.ดังๆ ที่ไม่ใช่ บช.ภ.ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แถลงข่าวนี้

ประเด็นที่สองที่กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คือ การเลือกปฎิบัติ ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า มีตำรวจหลายหน่วยไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย แต่นายกฯ กลับเพ่งเล็งมาที่ บช.ภ.2 เพียงภาคเดียว และเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่สำคัญที่มิใช่ภูธรก็ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ชัดเจนว่าเลือกปฎิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อ บช.ภ.2

ประเด็นที่ 3 พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน โดยท่านได้ออกคำสั่งที่ 69/2553 ลงวันที่ 9 ก.พ. ให้ตนมาช่วยราชการที่ สตช. และขณะเดียวกันให้พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร. มารรท. แทนอีกหน้าที่หนึ่ง ซึ่งเป็นการออกคำสั่งไม่เป็นไปตาม ม.72 พ.ร.บ.ตำรวจ ที่ระบุว่า การตั้งรักษาราชการแทนหรือปฎิบัติราชการแทนต้องเป็นกรณีที่ตำแหน่งว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่งนั้นไม่สามารถปฎิบัติราชการได้ จึงจะสามารถแต่งตั้งผู้เหมาะสมไปปฎิบัติราชการแทนได้ แต่ท่านทั้งหลายก็เห็นว่า ตนยังไม่ตาย ยังไม่ลาออก ยังไม่เกษียณหรือถูกออกจากราชการ ยังมีตัวตนอยู่ ตำแหน่งตนไม่ได้ว่าง และยังสามารถปฎิบัติหน้าที่ราชการได้ตั้งแต่เริ่มประชุมแต่งตั้ง จนถึงวันที่ 9 ก.พ.ก็ยังปฎิบัติหน้าที่ราชการอยู่ในพื้นที่ บช.ภ.2 ดังนั้น การออกคำสั่งเช่นนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการให้ตนมาช่วยราชการ เป็นการกลั่นแกล้งตนเพื่อให้เป็นอุปสรรค จนตนไม่สามารถไปแก้ไขข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ในทางธุรการของคำสั่งได้ ดังนั้น คำสั่งที่ออกไปแล้วจึงชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.พ.

พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า 

ประเด็นสุดท้าย กรณี พล.ต.ท.อัศวิน ออกคำสั่งที่ 35/2553 ยกเลิกคำสั่งของตนที่ลงนามไปแล้ว ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะ พล.ต.ท.อัศวิน ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย คนที่จะสั่งยกเลิกหรือแก้ไขคำสั่งได้นั้น มีเพียง ผบ.ตร.คนเดียวเท่านั้น ดังนั้นคำสั่งที่ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ตนออกไปแล้วที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะทำให้คำสั่งแต่งตั้งใหม่ก็น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน

“มีกระบวนการที่จะล้มล้างผม ได้มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งสัญญาณไปให้คณะกรรมการระดับ บช.ภ.2 ว่าอย่าลงลายมือชื่อในรายงานการประชุม ถ้าลงลายมือชื่อระวังตัวให้ดีจะเดือดร้อน ฉะนั้นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่คณะกรรมการไม่ยอมลงชื่อจนเกิดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในทางธุรการเท่านั้น ทั้งหมดที่ผมกล่าวมาทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อหน้าที่ราชการ และเป็นการกลั่นแกลงข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบในคำสั่งของผม” พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าว

พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนและคณะได้ยื่นร้องทุกข์ต่อ ก.ตร.แล้ว และจะยื่นต่อศาลปกครองด้วยในเร็วๆ นี้ และฟ้องคดีอาญา สุดท้ายฝากไว้ว่า การเมืองจงหยุดรังแกข้าราชการประจำเสียที และโปรดระวังไว้ว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องมาร้องเรียนหลังจากคำสั่งมีผลไปแล้วนั้น ก็เพราะว่าต้องรอให้คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมีผลออกมาก่อน จึงจะรู้ว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายและครั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นการดับเครื่องชนกับใคร ก็แล้วแต่ใครก็จะคิดเอาเอง ทั้งนี้สาเหตุจริงๆ ที่ออกมาเพราะต้องการแจ้งให้สื่อมวลชน ประชาชนและเพื่อนตำรวจทั่วประเทศได้ทราบว่าขณะนี้มีขบวนการต่างๆ ที่มาแทรกแซงกิจการของข้าราชการประจำ เข้ามาข่มเหงรังแก องค์กรตำรวจส่วนจะเกี่ยวพันกับผู้ใดให้ไปเจอกันที่ศาล สำหรับสาเหตุที่ตนเพียงคนเดียวที่โดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นการเลือกปฎิบ้ติและไม่ทราบว่าทำไมต้องเป็นตนแค่คนเดียว ซึ่งในอนาคตจะแถลงให้ทราบต่อไปว่าทำไมตนจึงเป็นผู้ถูกเลือก

เมื่อถามว่า มีการแทรกแซงจากการเมืองในการแต่งตั้งตำรวจใน บช.ภ. 2 หรือไม่ พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า มี ที่มีข่าวลงว่าการเมืองไม่ได้แทรกแซงนั้น จริงๆ มี แล้วไปเจอกันที่ศาล ตนยังไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ว่าใคร แทรกแซงอย่างไร ใครฝากใครมาบ้าง เดี่ยวจะเสียรูปคดี ขอให้ไปเจอกันในศาล โดยยืนยันว่ามีกระบวนการล้มล้างตน และจะมีคนได้ประโยชน์จากการที่ตนพ้นจากตำแหน่ง จะมีคนที่ได้ตำแหน่งสูงขึ้นของแต่ละคน ซึ่งเรื่องนี้ตนจะสู้ แม้จะเกษียณแล้วก็ตาม

เมื่อถามว่า นายตำรวจระดับใดที่เข้ามาล็อบบี้คณะกรรมการการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในพื้นที่ บช.ภ.2 ตามที่ท่านระบุนั้น เป็นใคร พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถบอกชื่อได้ บอกเพียงว่า เป็นยศ พล.ต.ท.ที่ยังรับราชการ แต่จะเป็นระดับ ผช.ผบ.ตร.หรือไม่ ให้ไปสืบหาเอาเอง สื่อมวลชนก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ส่วนตนจะไปเปิดเผยชื่อในชั้นศาลเท่านั้น โดยตนมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร ซึ่งเรื่องการแทรกแซงการแต่งตั้งขอไปเปิดเผยหลักฐานในชั้นศาล ส่วนจะเชื่อมโยงถึงขบวนการไหนหรือไม่ ไว้รอให้ตนขนะก่อนจะมาเปิดเผยให้ทราบและมั่นใจว่าถ้าฟ้องร้องจะชนะอยู่แล้ว ไม่งั้นไม่กล้ามานั่งอยู่ตรงนี้

ผบช.ภ.2 กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนยังอยู่ระหว่างลาพักผ่อนประจำปีจนถึงวันที่ 24 ก.พ. ก็จะไปช่วยราชการ สำนักงาน ผบ.ตร. และยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เคยซื้อขายตำแหน่งเป็นการกล่าวหา เพื่อจะล้มล้างตน

เมื่อถามว่า ความแตกต่างระหว่างคำสั่งเก่าและคำสั่งใหม่เป็นอย่างไร พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีบางส่วนคล้ายคลึงกัน แต่ในคำสั่งใหม่ มีบางคนถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงก็ยังแต่งตั้งได้ บางคนถูกประเมินได้คะแนนต่ำก็ได้รับตำแหน่งสูงขั้น ต่อข้อถามว่า เพราะคำสั่งไม่สนองการเมืองใช่หรือไม่จึงถูกเด้ง พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่าไม่รู้จริงๆ แต่ก็ทำให้บ้าง และขอชี้แจงว่า ทุกบช.มีโผมาทั้งนั้น มีบัญชี 1 บัญชี 2 บัญชี 3 ลองไปถามผบช. ทุกคนดูแล้วกัน ส่งมาให้ตนก็มี ถ้านับก็คงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์หรือ ร้อยเปอร์เซ็นต์ และเมื่อเริ่มกระบวนการแต่งตั้งก็มีโผมาให้ก่อนแล้ว ระหว่างกรรมวิธีไม่เสร็จสิ้นก็มีบัตรมาจากคนนั้นคนนี้ มีทั้งโทรศัพท์ เยอะแยะแล้วตนจะชี้แจงต่อไป ส่วนหลักฐานนั้นทุก ผบช.มีหมด แต่สำหรับตนจะให้ศาลเท่านั้น ส่วนคำสั่งใหม่ จะมีตั๋วการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่สมัยตนก็ยอมรับว่าให้ไปบ้าง

เมื่อถามว่ารู้จักเสี่ยเหวียง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า เป็นนายหน้าในการซื้อขายตำแหน่งใน บช.ภ.2 พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ปฏิเสธว่า ไม่รู้จัก เหวียงไหนไม่ทราบ

ต่อข้อถามว่า การออกมาเปิดเผยเช่นนี้กลัวหรือไม่ พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่กลัวไม่งั้นไม่มานั่งตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตุว่า คณะกรรมการตรวจสอบตน ที่มีพล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานนั้นมีจริงหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็นคำสั่ง ไปขอก็ไม่ให้ เห็นตั้งผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น เช่นเดียวกับคำสั่งของนายกฯ เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หมกเม็ด งุบงิบ ซุบซิบกัน

ด้าน พ.ต.อ.นภดล กล่าวว่า หากคำสั่งแต่งตั้งของ พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ถูกยกเลิกโดยมิชอบ ก็จะทำให้คำสั่งแต่งตั้งของ พล.ต.ท.อัศวิน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย ย่อมเกิดผลกระทบต่อประชาชนในการทำหน้าที่ของตำรวจตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา รวมถึงการสั่งคดีต่างๆ ก็อาจเป็นคำสั่งโดยมิชอบไปด้วย นอกจากนี้ยังมีการสั่งงบประมาณต่างๆ อำนาจฟ้อง ไม่ฟ้องด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นความห่วงใย ซึ่งพวกตนที่ได้รับผลกระทบนั้นก็ได้ร้องเรียนไปยัง ก.ตร. และศาลปกครอง เพื่อให้ระงับคำสั่งแต่งตั้งของ พล.ต.ท.อัศวิน โดยเร็ว

ไม่มีความคิดเห็น:

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม