แฉลั่นสภา-เด็กนายก ล้วงโผตร.

8/2/53

วันที่ 05 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7008 ข่าวสดรายวัน

"เหลิม"ปูด40-30-30 ภาค2เซ็งลี้ผ่านเสี่ย"ห" ปทีปสั่งสอบนครบาล ส่อรื้อนับสิบตำแหน่ง

"วสิษฐ เดชกุญชร" นั่งประธานสอบเซ็งลี้เก้าอี้ตร. "ปทีป" สั่งสอบโผนครบาลนับ 10 ตำแหน่งที่ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ แต่ไม่ได้ย้ายไปลงตามที่ขอไว้ กลายเป็นคนอื่นเข้าเสียบแทน "เหลิม"แฉกลางสภางวดนี้ใช้สูตร 40-30-30 โดยมีกลุ่มพันธมิตร กับคนใกล้ชิดนายกฯส่งตั๋วฝากเด็กด้วย เตรียมโชว์หลักฐานตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อร้องเรียนเรื่องซื้อขายตำแหน่งโยกย้ายตำรวจว่า ขณะนี้ได้ประธานคณะกรรม การแล้ว คือ

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีต รอง อ.ตร. 

ซึ่งพล.ต.อ.วสิษฐกำลังเสนอรายชื่อกรรม การเข้ามา คาดว่าจะได้คณะกรรมการทั้งหมดในวันนี้

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายกฯ อาจสั่งรื้อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจใหม่ เพราะได้รับร้องเรียนเรื่องซื้อขายตำแหน่งว่า ไม่ทราบ ยังไม่เจอคำร้องเรียนมาที่ตน แต่ทราบว่ามีการร้องเรียนส่งไปถึงนายกฯ ตนก็รอว่านายกฯ จะสั่งการเองหรือจะมอบตนดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ระบุชัดเจนว่าได้รับร้องเรียนซื้อขายตำแหน่งในบช.ภาค 2 มากที่สุด ประธานก.ตร.กล่าวว่า "ที่ไหนก็ได้ ถ้ามันมีเรื่องใช้ไม่ได้ คนถ้าจะโยกย้ายแต่งตั้งเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง แล้วต้องมาเสียเงิน มันหมดท่าหมดศักดิ์ศรี แสดงว่าระบบมันแย่แล้ว ถ้ามีจริงขอให้มีหลักฐานมาเราจะดำเนินการ"

เมื่อถามว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนใหม่ หรือใช้คณะกรรมการชุดเดิมดำเนินการ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องปรึกษาก.ตร. ทั้งนี้ มีวิธีดำเนินการอยู่ ผบ.ตร.สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง หรือระดับสูงขึ้นไปก็ให้เป็นเรื่องของ ก.ตร. เมื่อถามว่าการสอบสวนเรื่องร้องเรียนซื้อขายตำแหน่งครั้งที่แล้ว ที่มีนายปรีชา วัชราภัย อดีตเลขาธิการก.พ. เป็นประธานมีผลสรุปออกมาหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่า ผลสอบคราวที่แล้วมีปัญหานิดหน่อย เพราะนายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะกรรมการสอบสวนลาออกไปก่อน ตนจึงต้องตั้งกรรมการชุดใหม่ให้เลขาธิการก.พ. เป็นประธาน วันศุกร์ที่ 12 ก.พ.นี้จะเรียกประชุมก.ตร.เพื่อหารือเรื่องต่างๆ

ขณะที่พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ. ตร. กล่าวถึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมของ

พ.ต.ท.สมศรี พัฒนาคม สวญ.สภ.ม่วงค่อม จ.ลพบุรี และ

พ.ต.ท.สมเจษฐ์ แม้นบุตร สว.สภ.มะนาวหวาน จ.ลพบุรี 

ที่ไม่ได้รับพิจารณาแต่งตั้งให้มีตำแหน่งดีขึ้น ทั้งๆ ที่มีอาวุโสและโรงพักยังได้รับรางวัลดีเด่นหลายรางวัลว่า ตนได้รับหนังสือร้องเรียนของทั้งสองแล้ว เบื้องต้นสั่งการสำนัก งานกำลังพลตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว

รรท.ผบ.ตร.ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบช.น.ทำหนังสือขอยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งนายตำรวจ ประมาณ 10 ราย แต่เมื่อคำสั่งออกมาพบว่าการขอยกเว้นไม่ตรงกับที่ยื่นบัญชีขอยกเว้นมา เช่น ขอยกเว้น ผกก.สถานีตำรวจแห่งหนึ่งที่ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 2 ปี ไปเป็น ผกก.สังกัดหนึ่ง แต่เมื่อแต่งตั้งออกมาปรากฏว่าได้ไปเป็น ผกก.สถานีที่ไม่ได้เสนอมา ดังนั้น จึงสั่งสำนัก งานกำลังพลตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่ทำตามบัญชียกเว้นที่เสนอมา

จากการตรวจสอบกับสำนักงานกำลังพลว่า การแต่งตั้งนายตำรวจที่ได้รับยกเว้นหลักเกณฑ์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วไปแต่งตั้งในตำแหน่งที่ไม่ตรงกับที่ขอมาทำได้หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่สำนักงานกำลังพลระบุว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นการขอยกเว้นเป็นรายบุคคล ดังนั้น ต้องชี้แจงว่านายตำรวจรายนั้นมีความสามารถ มีความจำเป็น หรือบกพร่องอย่างไร จึงต้องโยกย้ายทั้งๆ ที่ดำรงตำแหน่งไม่ครบ 2 ปี และแต่งตั้งโยกย้ายไม่ตรงกับที่ขอยกเว้นต่อก.ตร.

ต่อมาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.อ.ปทีป ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีนายกฯตั้งกรรมการสอบซื้อขายตำแหน่งว่า นายกฯตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ทางตร.ก็ไม่ต้องตั้งกรรมการตรวจสอบอีก เพราะจะซ้ำซ้อนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯระบุว่าพื้นที่นครบาล และบช.ภาค 2 มีความไม่ชอบมาพากลจะต้องระงับคำสั่งหรือไม่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ระงับ ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามคำสั่ง กระบวนการแต่งตั้งก็ว่าไป การสอบสวนก็ว่าไป คนละกระบวนการกัน คำสั่งทั้งหมดมีผลวันที่ 16 ก.พ.เหมือนเดิม เมื่อถามว่าจะต้องรื้อคำสั่งหรือไม่ หากพบความไม่ชอบมาพากล หรือพบการซื้อขายตำแหน่ง รรทผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเรื่องไหนไม่ชอบมาพากล ถึงจะทำได้ แต่ถ้าพูดภาพรวมว่ามีซื้อชายตำแหน่งแล้วต้องรื้อคำสั่ง ทำไม่ได้ แค่สงสัยอย่างเดียว แล้วรื้อทำไม่ได้หรอก ต้องพิสูจน์ให้ชัดว่าอะไรคือความไม่ชอบธรรม ตอนนี้ยังไม่ต้องเรียกผู้บัญชาการหน่วยที่ถูกกล่าวหามาพบ ปล่อยเป็นเรื่องของคณะกรรมการชุดที่นายกฯตั้งมาดำเนินการไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากบช.น.มีคำสั่งแต่งตั้งนายตำรวจระดับรอง ผบก.ถึงสาร วัตร ตามคำสั่ง บช.น.ที่ 49/2553 ลงวันที่ 30 ม.ค.ไปแล้วนั้น บรรดาตำรวจในบช.น.วิพากษ์วิจารณ์บางตำแหน่งอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกรณีมีผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนแล้ว แต่ยังไม่มีคำสั่งให้ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งย้ายออกไปที่ใด เช่น ลำดับที่ 282

ร.ต.อ.พรศักดิ์ โรจน์รัตนชัย รองสว.ฝอ.1 บก.อก.บช.น. เป็น สว.ฝอ.1 


แทน


พ.ต.ต.หญิงอภิรติ สุขใจ สว.(ประวัติ) ฝอ.1 บก.อก.บช.น. 

แต่พ.ต.ต.หญิงอภิรติยังไม่มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ใด อีกตำแหน่งคือลำดับที่ 315

ร.ต.อ.หญิงพนิดา ทุมรินทร์ รองสว.อก. สน.สำราญราษฎร์ 

มีคำสั่งให้ไปเป็น สว.ฝอ.7 บก.อก.บช.น. แทน

พ.ต.ต.หญิงธิติกมล ปิตา

ที่ยังไม่มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ใดเช่นกัน

นอกจากนี้คำสั่งเดียวกัน บช.น.แต่งตั้ง

พ.ต.ท. วิฑูร เหลืองอมรศักดิ์ รองผกก.ฝอ.1 บก.อก.ภาค 8

คนสนิท พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น รองผกก.ฝอ.1 บก.อก.บช.น. ซึ่งมีบทบาทในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งของบช.น. ครั้งนี้ ถือว่ามีส่วนได้เสียกับการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งตามธรรมเนียมจะไม่ให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายเด็ดขาด

ขณะที่

พ.ต.อ.อภิชัย ธิอามาตย์ รองผบก. ตปพ.(191) 


ที่ถูกย้ายออกนอกหน่วยไปเป็นรอง ผบก.อก.บช.ตชด. โดย


พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบก.อก.บช.ตชด.ภาค 4 (สงขลา)

 เข้ามาเป็นรองผบก.ตปพ.แทน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลของผู้บังคับบัญชาว่าโยกย้ายเพราะเหตุใด ที่ผ่านมาตนปฏิบัติหน้าที่อยู่บก.ตปพ.มาเป็นเวลานาน ทำหน้าที่ขับรถนำขบวนและอารักขาพระราชวงศ์มาตลอด ไม่เคยบกพร่องเรื่องปฏิบัติหน้าที่ แต่จู่ๆ ก็มีคำสั่งให้ไปอยู่ที่อก.บช.ตชด. อย่างไรก็ตามในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาหากเป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำแหน่งนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่ามีตั๋วนายทุนร้านเพชรคนสนิทอดีตผบ.ตร.เข้ามาเกี่ยวข้อง

ด้าน พ.ต.ต.หญิง ธิติกมล ปิตา เปิดเผยว่า ทราบว่ามีคำสั่งบช.น.แต่งตั้งคนอื่นมาดำรงตำแหน่งแทนมีผลวันที 16 ก.พ.นี้ ส่วนตัวสมัครใจไปอยู่บช.ศ. แต่จนวันนี้ยังไม่เห็นคำสั่งของบช.ศ.ให้ตนไปอยู่ตำแหน่งใด ขณะที่ พ.ต.ต.หญิง อภิรติ อยู่ระหว่างลาพัก 2 วัน

วันเดียวกันที่รัฐสภา ระหว่างนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานประชุมสภาผู้แทนฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี กรณีคณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูล 3 นายพลตำรวจ ประกอบด้วย

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. และ
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีตผบก.ภ.จว. อุดรธานี

จากเหตุการณ์สลายม็อบ ว่า ขอชมเชยนายกฯ ทำถูกแล้วที่เบรกก.ตร.เรื่องการลดโทษ แต่เรื่องซื้อตำแหน่งผู้กำกับ สารวัตร ที่เป็นปัญหาอยู่นั้น ตนเป็นสารวัตรตั้งแต่อายุยังน้อย ข้างในเป็นอย่างไรรู้หมด เรื่องฝากมีแน่ แต่ไม่รุนแรงเหมือนยุคนี้ เพราะยุคนี้มี

อัตรา 40 ต่อ 30 ต่อ 30 

โดยในส่วน 40 มีกลุ่มพันธมิตรประชา ชนเพื่อประชาธิปไตยขอด้วย และยังมีคนในรัฐบาลโทรศัพท์ไปที่บช.ภาค 8 เพื่อขอแต่งตั้งโยกย้าย คนใกล้ตัวนายกฯ มีนามบัตรไปฝากตำรวจ ตนจะเอามาให้นายกฯ ดูในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าใครบอกว่าไม่มี ขอท้าสาบานหน้าพระแก้วมรกต คงตายหมดแน่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงว่า เรื่อง 3 นายพลตำรวจแม้ตนเป็นผู้ร้องกรณี 7 ต.ค.2551 จนป.ป.ช.ชี้มูล แต่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ให้ความเป็นธรรม โดยเชิญเลขาธิการป.ป.ช. กฤษฎีกามาหารือ ได้รับความเห็นว่าอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งยังมีศาลปกครองเป็นช่องทางให้ผู้เสียหายต่อสู้ ส่วนปัญหาแต่งตั้งโยกย้าย การฝากกับการซื้อตำแหน่งไม่เหมือนกัน ยอมรับว่ามีการฝากเกิดขึ้น แต่ผู้ใช้ดุลพินิจต้องดูความเป็นธรรม และไม่ใช่ใครคนใดจะใช้สิทธิพิเศษเอื้อประโยชน์ใคร แต่ตอนนี้ที่มีข้อมูลส่งมาเพียงพอต่อการตั้งกรรมการสอบ ตนจึงตั้งกรรมการ โดยทาบทามพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร

ร.ต.อ.เฉลิมสอบถามกรณี 3 นายพลตำรวจ เมื่อชัดเจนว่าผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภาที่เสียชีวิตไม่ได้ตายด้วยแก๊สน้ำตา นายกฯ ที่เป็นนายตัวจริงของตำรวจต้องรวบรวมหลักฐานใหม่ส่งให้ป.ป.ช. เหมือนคดีเชอรี่แอน เมื่อสอบสวนพบหลักฐานใหม่ แม้ศาลตัดสินแล้วก็สามารถรื้อการพิจารณาขึ้นใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม กรณีนี้ตำรวจหวังพึ่งนายกฯ ไม่ได้หวังพึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่นายกฯ มอบหมายให้ดูแลตำรวจ

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายของบช.ภาค 2 มีความผิดปกติ คือไม่ตรงตามระเบียบ และมีซื้อขายตำแหน่ง โดยใช้วิธีผ่านคนกลาง ชื่อย่อ "ห." บุคคลนี้ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในบช.ภาค 2 ใช้วิธีออกไปสอบถามว่าใครต้องการตำแหน่งไหน อย่างไร จากนั้นพูดคุยตกลงเรื่องผลประโยชน์ คล้ายกับประมูลตำ แหน่ง ใครให้มากจะได้ตำแหน่งนั้นไป รายชื่อโยกย้ายครั้งนี้ที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เสนอผลประโยชน์ให้กับนาย "ห." ดังกล่าว ตนมีข้อมูลพร้อมมอบให้พล.ต.อ.วสิษฐ ประธานสอบที่นายกฯ ตั้งขึ้น

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผบช.ก. ประธานชมรมอาสาพิทักษ์ปกป้องตำรวจและครอบครัว พร้อมด้วย 
พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน อดีตรองอ.ตร. 
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ อดีตคณะกรรมการป.ป.ช. 

พร้อมด้วยสมาชิกทั้งตำรวจนอกราชการและในราชการ 50 คน แถลงตั้งชมรมอาสาพิทักษ์ปกป้องตำรวจและครอบครัว เนื่อง จากเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันสังคมเกิดความไม่เข้าใจกัน แบ่งแยกความคิด แม้แต่ในกระบวน การยุติธรรม เช่น กรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค. 2551 ตำรวจที่ทำหน้าที่ถูกลงโทษถึงปลดออก และถูกดำเนินคดีอาญา หลายเหตุการณ์ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรม ขาดขวัญกำลังใจ ขาดความมั่นคงในอาชีพ ส่งผลกระทบถึงครอบครัว และเกียรติภูมิตำรวจ

พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าวว่า จากเหตุเหล่านี้จึงหารือกันระหว่างตำรวจในและนอกราชการ ครอบ ครัวตำรวจ จัดตั้งชมรมเพื่อบรรเทาความเสียหายที่ตำรวจได้รับเป็นการเฉพาะหน้า ปกป้องรักษาสิทธิ สร้างขวัญกำลังใจตำรวจและครอบครัว โดยจะส่งใบสมัครไปยังทุกสถานีตำรวจเพื่อเปิดรับสมาชิกโดยไม่เลือกสีเลือกข้าง

พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ทำลายระบบการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะการไม่แต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ตนและสมาชิกจะแจ้งความดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ ที่กองปราบปราม วันที่ 11 ก.พ. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

หน้า 1

ไม่มีความคิดเห็น:

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม