"ประยุทธ์" สั่งปรับลดขนาดโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สกัดการเมืองแทรก

29/5/57
โดยมติชน เมื่อ 28 พ.ค.2557

วันที่ 28 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. ให้กำกับดูแลส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช. ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สนข.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงบประมาณและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) เป็นประธานการประชุมส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช. เพื่อชี้แจงแนวทางการกำกับดูแลและขับเคลื่อนการปฎิบัติงาน ให้เป็นไปตามนโยบายของ หัวหน้า คสช. โดยในภาพรวมยังคงยึดถือแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่

โดยในที่ประชุม ได้มีการหารือถึงการปรับโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ส่วนสำนักงานข่าวกรอง ให้พิจารณาบรรจุกำลังพลเพิ่มเติม เพื่อรองรับงานด้านการข่าว พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายบางฉบับ ของ กอ.รมน. รองรับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการกำลังพล

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้ยึดกลไกศูนย์ปฎิบัติการอำเภอ ในการบูรณาการ เพื่อเชื่อมโยงกับงานด้านการพัฒนาและความมั่นคง ตามระดับของพื้นที่ จากการประเมินการทำงานที่ผ่านมาจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้ศูนย์ปฎิบัติการอำเภอ เช่น การเพิ่มปลัดอำเภอและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมทั้งการเพิ่มบทบาทกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

ส่วนสำนักงบประมาณ ให้จัดทำร่างงบประมาณประจำปี 2558 เสนอ คณะคสช. รวมทั้งจะหารือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอมาตราการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2557 เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าร้อยละ 95 ในเดือน ก.ย.นี้ พร้อมทั้งปรับปรุงกฎหมายวิธีการงบประมาณ ให้มีความชัดเจนและครอบคลุมสามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ในส่วนสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะรวบรวมแผนงานหรือ โรดแมป ของ หัวหน้า คสช. จัดทำยุทธศาสตร์ หากเกิดความซ้ำซ้อนให้เสนอให้ หัวหน้า คสช.พิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะพิจารณาและนำเสนอความเป็นไปได้และความเร่งด่วนในการจัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายหัวหน้า คสช. รวมทั้งจะติดตาม วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ด้านเสรษฐกิจ เพื่อเสนอแนวทางสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2557
Read more ...

เก็บตกสั่งย้ายอีก 16 ตำแหน่ง

28/5/57
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 28 พ.ค.2557

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)

ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 262/2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ โดยคำสั่งย้ายระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ถึงผู้กำกับการ (ผกก.) 16 ราย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยขาดจากตำแหน่งเดิม 

และมีคำสั่ง 263/2557 ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน 10 ราย โดยระบุเหตุผลเพื่อให้การปฏิบัติราชการของตร. และการสนับสนุนภารกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ 

พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ภ.3ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ท.พิสันฑ์ จุลดิลก ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.รักษาราชการแทน (รรท) ผบช.ภ.3, 

พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ช่วยราชการศปก.ตร.ให้ 

พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบช.ภ.5 รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, 

พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ขลบุรี ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม รองผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ชลบุรี, 

พล.ต.ต.ชอบ คิสาลัง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผบช.ภ.4 รรท.ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, 

พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำงรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รองผบช.ภ.1 รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, 

พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการช่วยราชการศปก.ตร. และให้ 

พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รองผบช.ภ.1 รรท.ภ.จว.สมุทรปราการ 

พล.ต.ต.บุญลือ กอบบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.วีระพงษ์ ชื่นภักดี รองผบช.ภ.4 รรท.ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, 

พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สืบสวนสอบสวน บช.น.ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.สนง.ยุทธศาสตร์ตำรวจ รรท.ผบก.สส.บช.น., 

พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. รรท.ผบก.น.6, 

พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1.ช่วยราชการศปก.ตร. ให้ 

พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบช.น. รรท.ผบก.น.1

พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบก.น.5 
พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น 
พ.ต.อ.กิตติสินธุ์ คงทวีพันธ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ 
พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี 
พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ 
พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี 

ช่วยราชการ ศปก.ตร.

ทั้งนี้ให้ ผบช.ถึงผกก.ทั้ง 16 นายให้รายงานตัวที่ ศปก.ตร.ภายในวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. และให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 10 รายตามคำสั้งที่ 263/2557 รรท.นับแต่วันที่ 28 พ.ค.จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ขณะที่มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ รรท.ผบช.ภ.5 มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ช่วยราชการบช.ภ.5 ตามคำแนะนำของแม่ทัพภาค 3 ก่อนมีคำสั่งถอนคำสั่งย้ายในเวลาต่อมา ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้แจ้งตร.ทราบและร่วมพิจารณาก่อนมีคำสั่ง 

กระทั่งพล.ต.อ.วัชรพล ลงนามคำสั่งย้ายเองในครั้งนี้ ซึ่งผบช.-ผกก.ที่มีรายชื่อโยกย้ายครั้งนี้ล้วนมีสายสัมพันธ์อันดีกับคนสำคัญรัฐบาลก่อนหน้านี้และดูแลพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง..
Read more ...

ส่ง “วัชรพล”คุมทัพสีกากี เด็ดปีก“ตำรวจมะเขือเทศ”

26/5/57
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 26 พฤษภาคม 2557

สน.พระอาทิตย์

ไม่เกินความคาดหมายแต่ก็เร็วเกินคาดการณ์ คำสั่งเด้งพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พ้นเก้าอี้ “ผู้นำสีกากี” ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 24 พ.ค.2557 ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีและให้พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. รักษาการแทน ผบ.ตร.

แม้ตั้งแต่เริ่มการประกาศใช้กฎอัยการศึก ตามมาด้วยรัฐประหาร ยึดอำนาจบริหารประเทศ ของกองทัพภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)จนถึงการจัดตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะมีชื่อพล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะผบ.ตร. ผู้นำทัพตำรวจ ร่วมวง ผบ.เหล่าทัพจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศทุกขั้นทุกตอน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “รองหัวหน้า คสช.”

แต่หากพิจารณาจากท่าทีต่างๆแล้วดูเหมือนว่าการนำพล.ต.อ.อดุลย์เข้าร่วมวงคสช.ครั้งนี้ เป็นภาวะจำใจมากกว่าความตั้งใจของกองทัพ เพราะการเชิญพล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะผู้นำทัพตำรวจ 1 ใน 4หน่วยงานความมั่นคงที่มีกำลังกว่า 2 แสนนาย ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของหน่วยงานความมั่นคงหลักของประเทศ

เพราะถ้าย้อนดูพฤติกรรม ทัพตำรวจตลอดหลายเดือนที่มีการชุมนุมทางการเมืองมีกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในด้านการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะต่อกลุ่มตรงข้ามรัฐบาล

เพราะหลายๆคดีที่เกิดขึ้นกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นคดีระเบิด คดียิงแกนนำ คดียิงเอ็ม 79ไม่มีความคืบหน้าหรือจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แม้แต่รายเดียว

ยิ่งช่วงที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงเรียบร้อย(ศอ.รส.)ภายใต้การกุมบังเหียน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวเรือใหญ่วางอำนาจบาตรใหญ่ถึงขั้นขู่ศาลรัฐธรรมนูญ ขู่ป.ป.ช.ฝ่ายทหารแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าแถลงข่าวของ ศอ.รส.นั้นไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทหารเป็นการพิจารณาจากฝ่ายการเมือง แต่ตำรวจกลับนิ่งเฉยและเป็นเครื่องมือร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ให้ ศอ.รส.ดำเนินการกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ถึงแม้ พล.ต.อ.อดุลย์ จะไม่ได้ออกหน้าเองเพราะมอบหมายให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. ประสานการทำงานกับ ศอ.รส.แต่ตัวพล.ต.อ.อดุลย์ก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือแสดงความไม่เห็นด้วยต่อท่าทีวางอำนาจข่มขู่ศาลข่มขู่องค์กรอิสระครั้งนี้ ปฏิบัติตัวเหมือนเออออห่อหมกตามน้ำไปกับ ศอ.รส.

ทำให้เชื่อว่า หลังทุกอย่างเข้าร่องเข้ารอยแล้วด้วยท่าทีเอนเอียงฝ่ายการเมืองเช่นนี้ของ พล.ต.อ.อดุลย์ไม่น่ายืนหยัดอยู่บนเก้าอี้ผู้นำสีกากีต่อไปได้

ถ้าจำกันได้สมัยรัฐประหารปี 2549พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าทัพตำรวจโดยพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ครั้งนั้นก็ได้เข้าร่วมไปนั่งหน้าจอประกาศผ่านทีวีเหมือนภาพที่เห็นพล.ต.อ.อดุลย์นั่งร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพในครั้งนี้ซึ่งต่อมาเมื่อมีการตั้งรัฐบาลเชิญพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีการออกคำสั่งให้พล.ต.อ.โกวิท ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์2550 หลังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร ปี 2549รวมทั้งมีท่าทีชัดเจนเลือกอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร โดยตั้งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน

เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ก็ไม่ต่างอะไรกับพล.ต.อ.โกวิท เจ้านายเก่า ที่ต้องถูกไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือการเปลี่ยนแปลงในกรมปทุมวัน ภายหลังจากเด้งพล.ต.อ.อดุลย์ และส่งพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รองผบ.ตร. หรือ “บิ๊กกุ้ย” มารักษาการ “ผบ.ตร.” ซึ่งตามสายสัมพันธ์แล้ว “บิ๊กกุ้ย” เคยเป็นอดีตนายเวรพล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจและเป็นตำรวจใกล้ชิดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. หนึ่งในบูรพาพยัคฆ์ พี่ใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์

รายการล้างบางตำรวจขั้วอำนาจเก่าเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการจัดบ้านเมืองของ คสช. จึงเกิดขึ้นทันที พล.ต.อ.วัชรพล ประเดิมเซ็นคำสั่งในฐานะรักษาการ ผบ.ตร.ให้ตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยขาดจากตำแหน่งเดิมทันที เบื้องต้น 8 ราย

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติผบช.ภ.1 พล.ต.ท.กวีสุภานันท์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.อนุชัยเล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.สุเทพเดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.หาญพลนิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ภานุเกิดลาภผล ผบช.สตม.และพล.ต.ท.สฤษฎ์ชัยอเนกเวียง ผบช.สันติบาล

จากนั้นพล.ต.อ.วัชรพลเซ็นต์คำสั่งให้ตำรวจไปรักษาการตำแหน่งแทนทันที โดยพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดาผู้ช่วย ผบ.ตร. มารักษาการ ผบช.น. พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.มารักษาการ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.เดชณรงค์สุทธิชาญบัญชา ผบช.สำนักงบประมาณและการเงิน มารักษาการ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง จเรตำรวจ(สบ.8) มารักษาการ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี จเรตำรวจ(สบ.8) มารักษาการ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ศรีวราห์รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก. มารักษาการ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศานิตย์มหถาวร รองผบช.ก.ตร. มารักษาการ ผบช.ภ.2 และพล.ต.ต.เรวัชกลิ่นเกสร รองจเรตำรวจ(สบ.7) มารักษาการผบช.สันติบาล

โดยเฉพาะตำรวจที่เข้ามารักษาการแทนตำรวจที่มีความสัมพันธ์กับขั้วการเมืองเก่าต่างก็ล้วนเป็นตำรวจที่ใกล้ชิดพล.ต.อ.พัชรวาท น้องชายพี่ป้อมแห่งบูรพาพยัคฆ์

นาทีนี้แวดวงสีกากีภายในกรมปทุมวัน เหล่าตำรวจขั้วอำนาจเก่าที่ทำงานถวายหัวต่างออกอาการหนาวๆร้อนๆเกิดการระส่ำกันเป็นแถว เพราะเชื่อว่าคงไม่เพียงแค่นายพล8 นายเท่านั้นที่ต้องโดนเด้งเข้ากรุระดับ “ผู้การฯ”หลายคน “ผู้กำกับ”จำนวนมากที่เป็นไม้เป็นมือทำงานให้ขั้วเก่า ก็ต้องโดนในเร็วๆนี้

เช่นเดียวกับตำรวจสายพล.ต.อ.วัชรพล และพล.ต.อ.พัชรวาทน่าจะได้กลับมาเฮกันอีกครั้ง.
Read more ...

'ประยุทธ์'ยันย้าย ขรก.แค่ลดกดดัน

25/5/57
โดยเนชั่น เมื่อ 25 พ.ค.2557

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงคำสั่งการปรับย้ายข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันว่าการปรับย้ายการปฏิบัติหน้าที่ของ พลเรือนตำรวจทหารนั้นมิได้เป็นการลดทอนในเกียรติยศศักดิ์ศรีของบุคคลหรือ หน่วยงานใด แต่จำเป็นต้องลดความกดดันที่มีต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว สำหรับตำแหน่ง ผบ.ตร.ผู้ทื่จะมารักษาการ แทน ก็มาจากรอง ผบ.ตร.ซึ่งมีลำดับอาวุโสอันดับ 1 ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อให้เกิดความไว้วางใจจากสังคมและประชาชน อยากให้เห็นใจผู้ที่ถูกปรับย้ายการปฏิบัติหน้าที่ และงดที่จะแสดงออกถึงการดูถูกเกลียดชังกัน เพราะท่านเหล่านั้นไม่ได้มีความผิดใดๆ ขอให้ถือว่าเป็นการปรับย้ายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อสถานการณ์ในห้วง ปัจจุบัน อยากฝากให้ทุกคนได้ให้ความร่วมมือกับผู้ที่มารักษาการแทนด้วย

พ.อ.วิธัย กล่าวว่าส่วนเรื่องการควบคุมตัวบุคคลผู้ที่ถูกเรียกมารายงานตัวตามคำประกาศ ของ คสช.นั้น ก็เพื่อทำความเข้าใจในข้อขัดแย้ง และให้ชี้แจงข้อเท็จจริง หลังการปฏิบัติของแต่ละพวก แต่ละฝ่าย และเพื่อเสาะหาข้อเท็จจริง โดยได้จากสถานที่ดูแลที่เหมาะสม มิได้มีพันธนาการ ซ้อม ทรมาน แต่อย่างใดเราให้เกียรติทุกคน โดยให้เห็นถึงความจำเป็นว่า ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ ขณะนี้ได้ทยอยปล่อยกลับบ้านแล้วเป็นจำนวนมาก โดยการควบคุมตามกฎหมายไม่เกิน 7 วัน ซึ่งบางคนได้ปล่อยไปในวันแรกๆ แล้ว โดยได้จัดลำดับจำนวนวันในการควบคุมตัวตามความสำคัญของแต่ละบุคคล ซึ่งจะได้รายงานให้ทราบเป็นระยะ สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมที่มีหมายจับหรือมีคดีติดตัวจะได้นำเข้ามอบตัว เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่26 พ.ค.นี้เป็นต้นไป

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ส่วนที่ มีจับกุมอาวุธสงครามได้จำนวนมาก ซึ่งยังคงจะต้องดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังนั้นอยากขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน หลีกเลี่ยงการใช้ชุมนุมประท้วงต่อต้าน เพราะในขณะนี้ กระบวนการประชาธิปไตย ทำไม่ได้เป็นปกติ

"คสช.มิได้มุ่งหวังทำเพื่อประโยชน์ผู้หนึ่งผู้ใด แต่เพื่อคืนความสุขให้คนไทยทุกคน และจะนำไปสู่การสร้างความมั่นใจ ในเสถียรภาพ จากต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อไป รวมทั้ง ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่พลเรือนตำรวจทหารทุกคน ได้อดทนเสียสละและยอมรับในหลักการ การขจัดข้อขัดแย้งของประเทศ อาจมีผลกระทบต่อองค์กรอยู่บ้าง ต้องร่วมมือช่วยกันต่อไป มิฉะนั้นเราจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว ทุกคนไม่มีความสุข

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ผู้ที่อาศัยโซเชียลมีเดีย ในการยุยงปลุกปั่น ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อใครเลย ขอให้สื่อลดหรือระวังการพูดจา วิพากษ์วิจารณ์ ให้ร้ายทุกพวกทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทั้ง พลเรือน ตำรวจ ทหารให้เสียหายโดยเด็ดขาด
Read more ...

วัชรพล สั่งเด้ง ! คำรณวิทย์ พ้น ผบช.น. ให้ จักรทิพย์ รักษาการณ์แทน

25/5/57
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหนังสือคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการโยกย้ายให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งใหม่ ซึ่งรวมทั้งอนุมัติคำสั่งย้ายตำแหน่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ด้วย ทั้งนี้ก่อนหน้าที่หนังสือจะถูกเผยแพร่ เกิดข่าวลือสะพัดว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ตัดสินใจยื่นใบลาออก

ตามรายงานระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ สนับสนุนภารกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 และ 72 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และข้อ 8(1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน โดยขาดจากตำแหน่งเดิม

โดยข้าราชการตำรวจที่มีรายชื่อในหนังสือคำสั่งโยกย้ายครั้งนี้ ได้แก่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. , พล.ต.ท.นเรศ นันทโชต ผบช.ภ.1 , พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 , พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 , พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 , พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. และ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส.

ทั้งนี้ หนังสือคำสั่งยังระบุให้ข้าราชการตำรวจที่มีรายชื่อ เข้าไปรายการตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.00 น. นี้ด้วย ลงท้ายชื่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่หนังสือคำสั่งจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉบับดังกล่าว จะถูกเปิดเผยออกมา เกิดกระแสข่าวลืออย่างหนัก ระบุว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ซึ่งถูกโยกย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่น ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการตำรวจ ซึ่งในเวลาต่อมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่มีเป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ผู้ที่มาปฏิบัติหน้าที่แทนในตำแหน่ง ผบช.น. คือ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา
Read more ...

'ประยุทธ์' เด้งฟ้าผ่า 'อดุลย์-ธาริต-นิพัทธ์' เข้ากรุ สั่งยุบ 'วุฒิสภา'

24/5/57
โดยไทยรัฐ เมื่อ 24 พ.ค.2557

"ประยุทธ์" ลงดาบย้ายฟ้าผ่า "อดุลย์ - ธาริต - นิพัทธ์" เข้ากรุ ประจำสำนักนายกฯ โยก "วัชรพล - ชัชวาลย์ - สุรศักดิ์" เสียบตำแหน่งแทน พร้อมออกคำสั่งสั่งยุบ "วุฒิสภา"...

เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 24 พ.ค.57 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แถลงการณ์คำสั่ง 4 ฉบับ ประกอบด้วย คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2557 ให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่แทน

คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2557 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติหน้าที่แทนอีกตำแหน่งหนึ่ง และ

คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 9/2557 พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก จากปลัดกระทรวงกลาโหม มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหน้าที่แทน

ตามด้วยคำสั่ง คสช. ประกาศ ฉบับ 30 ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง โดยระบุว่า ข้อ 1 ให้วุฒิสภายังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ วันประกาศนี้บังคับใช้ สิ้นสุดลง ข้อ 2 ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้การดำเนินการเรื่องใดต้องรับความคิดเห็นจากสภา ผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ให้เป็นอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติในการให้ความเห็นชอบแทน รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ในเรื่องนั้น

คำสั่งฉบับต่างๆ

คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการ ปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

1. ให้ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน โดยยังคงเป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

2. ให้ พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนข้าราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

1. ให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน

2. ให้ พลตำรวจเอก ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อีกหน้าที่หนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 9/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทนเพื่อให้การ ปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

1. ให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน

2. ให้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คสช. ประกาศ ฉบับ 30 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 30/2557 เรื่องให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้วุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้วุฒิสภายังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ วันที่ ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ สิ้นสุดลง ข้อ 2 ในกรณีที่มีกฎหมายนิติบัญญัติให้การดำเนินการเรื่องใดต้องได้รับความเห็นชอบ จากรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ให้เป็นอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการให้ความเห็นชอบแทน รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภาในเรื่องนั้น ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.
Read more ...

ก.ตร.เปิดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เยียวยา พล.ต.อ.วุฒิ และ พล.ต.อ.พีระ ฟ้องศาลปกครอง

19/5/57
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 19 พ.ค.2557

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 พ.ค.2557 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ห้องประชุมศรียานนท์ 

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2557 โดยมีวาระสำคัญเรื่อง

การขอกำหนดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. จำนวน 2 อัตรา และที่ปรึกษา (สบ10) จำนวน 2 อัตรา เพื่อเยียวยากรณี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ10) ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ว่า 

การจัดลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. ในวาระประจำปี 2554 ลงวันที่ 15 ส.ค. และ 24 ส.ค. 54 ไม่ถูกต้องตามระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดลำดับอาวุโสของข้าราชการตำรวจในการรักษาราชการแทน พ.ศ. 2550 ข้อ 3(5) 

ซึ่งศาลได้พิพากษาให้การลำดับอาวุโสดังกล่าวเฉพาะตำแหน่งของ พล.ต.อ.วุฒิ เป็นการจัดลำดับอาวุโสที่มิชอบด้วยกฎหมาย 

นอกจากนี้ ยังมีวาระการขอกำหนดตำแหน่ง รอง ผบช.ศชต. อีก 1 ตำแหน่งด้วย

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยการแก้ไขลำดับอาวุโสให้เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองกลาง 

อย่างไรก็ตามเมื่อมีการแก้ไขลำดับอาวุโสดังกล่าวแล้ว จะต้องมีการดำเนินการเยียวแก้ไขการแต่งตั้งย้อนหลังไปในปี 2554-2555 ให้เป็นไปตามแนวทางคำสั่งของศาล เรื่องนี้นอกจากจะเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.วุฒิ ผู้ฟ้องคดีแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ด้วย 

กล่าวคือ จะมีการคืนความชอบธรรมให้กับ พล.ต.อ.วุฒิ โดยการแก้ไขการแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปี 2554 โดยให้ถอนคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อมรินทร์ ขึ้นเป็น ที่ปรึกษา (สบ10) และแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.วุฒิ (ยศในขณะนั้น) ซึ่งมีอาวุโสสูงกว่าขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ10) แทน 

และเมื่อมีการถอนคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อมรินทร์ ดังกล่าวเกรงว่า พล.ต.ท.อมรินทร์ จะได้รับความเสียหาย จึงได้เปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) และแต่งตั้งย้อนหลังให้ พล.ต.ท.อมรินทร์ เป็นที่ปรึกษา (สบ10) 

นอกจากนี้พบว่า พล.ต.ท.พีระ (ยศในขณะนั้น) มีลำดับอาวุโสสูงกว่าทั้ง 2 คน จึงเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) และแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.พีระ ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ10)

ขณะที่ในวาระแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2555 แต่งตั้งให้กำหนดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เพิ่ม 2 อัตรา และให้แต่งตั้ง พล.ต.อ.พีระ และ พล.ต.อ.วุฒิ เป็น รอง ผบ.ตร. โดยให้ถือว่าทั้งสองดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ตั้งแต่ปี 2555 

อย่างไรก็ตามตำแหน่งทั้งหมดที่กำหนดขึ้นใหม่ถือเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว หลังวันที่ 30 ก.ย. นี้ ตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ทั้ง 2 ตำแหน่งก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ จากการเกษียณอายุราชการของ พล.ต.อ.พีระ ในขณะที่พล.ต.อ.วุฒิ ก็จะดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง รอง ผบ.ตร. ที่เกษียณอายุราชการ 

หลังจากนี้จะนำตำแหน่งที่กำหนดใหม่นี้เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาขอความเห็นชอบในสัปดาห์หน้า แล้วนำกลับมาขอความเห็นชอบต่อที่ประชุม ก.ตร. เพื่อแต่งตั้งต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบกำหนดตำแหน่งรอง ผบช.ศชต. เพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง ตามที่ ศชต. เสนอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้ ก.ตร. เห็นชอบ เนื่องจากเดิมที ศชต. มีรอง ผบช. จำนวน 5 ตำแหน่ง แต่ กอ.รมน.ภาค 4 ได้ขอรอง ผบช.ศชต.ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นการถาวร 1 ตำแหน่ง จึงทำให้การปฏิบัติราชการของ ศชต.ยังขาดรองผบช.อยู่ 1 ตำแหน่ง จึงได้ขอกำหนดตำแหน่งเพิ่ม อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ก็ต้องขอความชอบจากก.ต.ช.เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะนำกลับเข้าสู่การแต่งตั้งตามปกติต่อไป..
Read more ...

กกต.ไม่อนุมัติโยกย้าย ผบช.น. สลับ ผบช.ภ.5

18/5/57
โดยไทยพีบีเอส เมื่อ 14 พ.ค.2557

กกต.ไม่อนุมัติเห็นชอบ โยกย้ายตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สลับกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมทั้งเรียก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงเรื่องนี้ วันที่ 20 พฤษภาคม

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง 

ยังคงทำหน้าที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในการแถลงผล การจับแก๊งค์คอลเซนเตอร์ชาวจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ มีคำสั่งโยกย้าย สลับพื้นที่กับ

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา 

ให้ไปทำหน้าที่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และตั้งแต่มีคำสั่งจนถึงวันนี้ (14 พ.ค.57) กกต.ยังไม่ได้สรุปความเห็นว่า เห็นด้วยกับคำสั่งนี้หรือไม่

ล่าสุดที่ประชุม กกต.หารือพิจารณาเรื่องนี้ และมีมติ ไม่อนุมัติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้าย โดยให้เหตุผลว่า เป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาล และพื้นที่ที่จะไป เป็นฐานเสียงของพรรคการเมือง ซึ่งอาจมีผลได้เปรียบเสียเปรียบ

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงเรื่องนี้ วันที่ 20 พฤษภาคม
Read more ...

คำสั่งแต่งตั้ง รอง สว. และชั้นประทวน บช.น. วาระประจำปี 2556

6/5/57
Read more ...

เด้ง! ผบก.ตม.3-ผกก.ตม.สระแก้ว ฐานปล่อยต่างด้าวทะลักเข้าไทย

6/5/57
โดยผู้จัดการ เมื่อ 2 พ.ค.2557

ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งเด้งฟ้าผ่า ผบก.ตม.3 และ ผกก.ตม.สระแก้ว ช่วยราชการ ศปก.ตร.ฐานปล่อยต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายเข้าไทยเป็นจำนวนมาก

วันนี้ (2 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีหนังสือด่วนแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เรื่องให้ข้าราชการตำรวจมาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด ผกก.ตม.สระแก้ว ให้มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป โดยขาดจากต้นสังกัดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

สำหรับนายตำรวจทั้ง 2 นายถือเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.อดุลย์ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ธีระชัย เคยเป็นอดีตนายเวรของ ผบ.ตร.ด้วย ส่วนสาเหตุมาจากกรณีที่มีการปล่อยปละละเลยให้มีคนต่างด้าวผิดกฎหมายผ่านเข้ามาทางด่าน ตม.สระแก้วเป็นจำนวนมาก ขัดกัต่อนโยบายการปราบปรามค้ามนุษย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม