"ดวง อยู่บำรุง"เจริญรอยตามรอยพ่อ

30/7/55
โดยกรุงเทพธุรกิจ เมื่อ 30 ก.ค.2555

แม้ไม่ถึงฝัน"สารวัตรกองปราบ" "ดวง อยู่บำรุง"ก็ขอตามรอยพ่อ เริ่มต้นบนเส้นทางครูฝึกตำรวจ

ตกเป็นข่าว (การเมือง) ร้อนล่าสุด เมื่อ ร.ท.ดวง (เฉลิม) อยู่บำรุง ลูกชายคนสุดท้องของรองนายกฯ เฉลิม อยู่บำรุง ขอโอนย้ายหน่วยงาน จากสายงาน "ทหาร" มาเป็น "ตำรวจ" จากตำแหน่งผู้บังคับหมวด กองร้อยสารวัตรทหาร สารวัตรยุทธบริการทหาร กระทรวงกลาโหม มาอยู่สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยจะเข้ารายงานตัวกับต้นสังกัด ในฐานะ ร.ต.ท.ดวง อยู่บำรุง รองสารวัตร ศูนย์ฝึกอบรม ในวันที่ 1 สิงหาคม 2555 นี้

ถึงแม้ ในวันนี้ ลูกชายสองคน "โต้ง-หนุ่ม" จะกลายเป็นอดีตนายตำรวจไปแล้ว แต่ "ชาย" ลูกคนที่สาม คนสุดท้องของบ้าน ก็ได้สานฝันของพ่อและพี่ชายได้ในที่สุด และแม้จะ (ยัง) ไม่ได้เข้าไปอยู่ในสังกัดกองปราบปราม เป็นสารวัตรสายปราบปรามตามรอยพ่อ แต่งานตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นช่องทางเดียวในเวลานี้ที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เปิดทาง ก็ถือว่าได้เข้ามาเป็นสู่เส้นทางสายสีกากีเหมือนพ่อและพี่ชายทั้งสอง

ในวันสัมมนาใหญ่พรรคเพื่อไทย ที่ จ.ชลบุรี วานนี้ (28 ก.ค.) ว่าที่ ร.ต.ท.ดวง ก็ได้ติดตามบิดา ร.ต.อ.เฉลิม ที่มาร่วมเวทีสัมมนาในฐานะแกนนำ โซน กทม.จนถูกรุมซักถามถึงการโอนย้ายครั้งนี้

ประเด็นที่ถูกจับตาและวิพากษ์วิจารณ์ถึงเส้นสายของผู้เป็นพ่อ ทำให้เจ้าตัวถือโอกาสเคลียร์ว่า "ผมไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์หรือได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่ออย่างที่ถูกกล่าวหา ผมไม่ได้ก้าวกระโดดมาอย่างรวดเร็ว การโอนย้ายเป็นไปตามขั้นตอน ตามระบบ และไม่อยากให้ฝ่ายค้านนำไปเป็นประเด็นการเมืองโยงไปถึงพ่อ ผมโตแล้ว ทำตามกติกาและเป็นความประสงค์ส่วนตัวที่อยากย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจ พอผมทำเรื่องย้ายเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ปรึกษาคุณพ่อ ซึ่งท่านก็เห็นด้วย และขอให้ตั้งใจทำงาน แต่ผมคงไม่ไปเป็นนายตำรวจติดตามพ่อ ส่วนจะไปทำงานในส่วนไหน ก็คงต้องแล้วแต่ท่านผู้บัญชาการ (ผบช.น.) จะมอบหมายครับ"
การขอโอนย้ายหน่วยงานอย่างนี้ ร.ต.ท.ดวง อธิบายถึงการใช้ความสามารถพิเศษด้านการใช้อาวุธปืน ที่เป็นโอกาสสำหรับตัวเอง

"การย้ายไม่ได้สอบครับ แต่ทางหน่วยมีความต้องการบุคลากรทางด้านนี้พอดี ผมก็เลยใช้ความสามารถตรงนี้เข้ามา ผมอยากมาทำงานตรงนี้ ก็อยู่ศูนย์ฝึกอบรม ส่วนหน้าที่ชัดเจน คงจะรู้ตอนไปรายงานตัว"

ร.ต.ท.ดวง เล่าถึงความชอบแบบลูกผู้ชายว่า "ผมชอบปืน และเลยก็ศึกษาเกี่ยวกับปืนแต่ละประเภท แต่ยังไม่ได้สะสม ส่วนการฝึกก็ใช้ระยะเวลาอยู่หลายปี ผมเน้นปืนสั้นมากกว่า แต่ยังไม่ถึงขั้นว่าใช้ปืนได้ทุกประเภท ตอนอยู่ในตำแหน่งผมก็ถูกส่งไปเรียนในหลักสูตรต่างๆ บ้าง และถ้าผมทราบว่ามีเปิดหลักสูตรอะไรน่าสนใจ ก็จะมาปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าอยากขอไปเรียน ซึ่งก็ได้ทุนหลวงบ้าง และใช้ทุนส่วนตัวไปเรียนเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะใช้ทุนส่วนตัวมากกว่า ระหว่างนั้น ก็มีการทดสอบความสามารถ แต่ละระดับ ผมก็ขยันหน่อย ขยันอ่านหนังสือ ก็ได้คะแนนดี"

ที่น่าสนใจ คือ ความสามารถเฉพาะตัวอย่างนี้ ทำให้ลูกชายคนเล็กของสารวัตรเฉลิม เคยเตรียมจะไปคัดตัวเป็นนักกีฬายิงปืนทีมชาติมาแล้ว

"ก่อนแข่งซีเกมส์คราวที่แล้ว ผมกำลังจะไปคัดตัว แต่พอมีข่าวออกมา อะไรก็เลยวุ่นวาย เลยไม่เอาดีกว่า คราวหน้าถ้ามีโอกาสอยากจะทำอะไรทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ ก็อยากจะทำ แต่คงต้องดูก่อนว่า เปิดให้คัดรุ่นไหน อย่างไร ใช่ที่ถนัดหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวผมถนัดประเภทต่อสู้ ปืนสั้นยิงเร็ว"

เห็นติดสอยห้อยตามพ่อมาในงานการเมืองแทบทุกครั้ง จึงต้องถามถึงความสนใจ "อาชีพนักการเมือง" บ้างหรือไม่ ก็ได้คำตอบแบบไม่ต้องคิดว่า "ผมไม่ชอบเลย แต่ที่ผมมา ไม่ใช่เฉพาะครั้งนี้ ทุกครั้งที่คุณพ่อไปต่างจังหวัด ผมก็จะตามไป เพราะเป็นห่วง"

ระหว่างรอลูกชายพูดคุยกับนักข่าว ร.ต.อ.เฉลิม ได้ยืนรอเพื่อจะขอเคลียร์ข่าวให้ลูกอีกรอบ โดยยกกรณีตัวเองที่เคยขอโอนย้ายสมัยเป็นนายสิบทหารบกมาเป็นนายสิบตำรวจ ที่วันนี้ลูกชายก็เริ่มต้นเดินตามรอยตนเองในการเป็น "ครูฝึกตำรวจ" ด้วยใบประกาศนียบัตร 16 ใบรับประกัน

"สมัยผมมียศสิบเอกทหารบก แล้วผมเล่นยูโด อาคิโด เก่ง กรมตำรวจไม่มีคนที่มีความสามารถด้านนี้ ผมยื่นขอ ก็รับโอนเหมือน "ชาย" ยื่น พอพิสูจน์ได้ว่าผมเก่งจริง เขาก็รับผมเข้ามาตั้งแต่ปี 2513 ยศสิบตำรวจเอก นี่เขายิงปืนแม่น ยิงได้ 100% มีประกาศนียบัตร 16 ใบ ผบช.น.เขาก็ชวนไปเป็นครูฝึกยิงปืน วันที่ไปโรงเรียนนายร้อย สามพราน ผมก็ไป ก็มีพวกครูฝึกเขารู้จักกับชาย เขาก็ชวนว่าให้มาสอนนักเรียนโรงเรียนนายร้อย ผมบอกว่า แล้วแต่เจ้าตัวเขาสมัครใจ เพราะผมยิงไม่แม่น ผมยิงได้ 98% ชายเค้ายิงได้ 100% ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญอะไร ก็เท่ากับมาเป็นครู เป็นครูตำรวจเหมือนพ่อ ปี 2515 ผมก็เป็นครูฝึกปราบจลาจล ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ นรต.รุ่น 27-28 ก็เป็นลูกศิษย์ผม"

"ถ้าไม่มีคุณสมบัติพิเศษ เขาไม่รับ ไม่ใช่ว่า ถ้าเป็นลูกผมแล้วเขารับ ผบช.น.ก็ให้สัมภาษณ์เองว่า มาเลยถ้ามีคุณสมบัติยิงปืน แม่นอย่างนี้ เขามีอัตราให้ ไม่มีหรอก น้อยคน" ร.ต.อ.เฉลิมทิ้งท้าย

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คนเราเลือกเกิดไมได้รู้อยู่แก่จัย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สังคมไทยเป็นอย่างนี้หมดแล้วใกล้ชิดตัวต้องมาก่อนสงสารประชาชนสงสารตำรวจที่ไม่มีนายเตรียมเก็บเงินเก็บทองไว้เพื่อชื้อตำแหน่งคุณสส.ชูวิทย์ช่วยลงมาดูหน่อยการประมูลตำแหน่งของตำรวจทุกระดับชั้นน่าจะมีประโยชน์และตรงจุดมากกว่าการตามดูบ่อนการพนันหรือแหล่งอบายมุขเพราะนั่นเป็นแหล่งผลประโยชน์ที่แย่งชิงตำแหน่งกันเพื่อชื้อตำแหน่งที่มีเขตรับผิดชอบมีผลประโยชน์มากๆ

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม