โดยผู้จัดการ เมื่อ 11 มี.ค.2554
“อชิรวิทย์” เผย ได้ยื่นหนังสือของข้าราชการตำรวจที่ร้องเรียนได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ-สารวัตร ไม่เป็นธรรมให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ชี้ มีตำรวจจากทุก บช.10 นายร้องทุกข์มาที่ตัวเองโดยตรง
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ตร.)
เปิดเผยว่า ในการประชุม ก.ตร.ในวันนี้ ตนได้ยื่นหนังสือการร้องขอความเป็นธรรมของข้าราชการตำรวจในการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ ในวาระการแต่งตั้งประจำปี 2553 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป และมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากตนได้รับร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก
ข้าราชการตำรวจจำนวนมากหลายราย โดยที่มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน จากแทบทุก บช. ประมาณ 10 นาย
โดยจำนวนนี้ได้ร้องทุกข์มายังตน และอนุ ก.ตร.ว่าด้วยการร้องทุกข์โดยตรง
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ในการแต่งตั้งระดับผู้กำกับการ เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการได้มีตำรวจจาก บช.ภ.3 ร้องเรียนว่า มีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผกก.ที่มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ในปีแรกได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ทั้งที่ไม่มีผลการปฏิบัติงานที่ดีเด่นเป็นรูปธรรม หรือไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่าดีกว่าบุคคลอื่น รวมทั้งยังมีการแต่งตั้งผู้กำกับการที่มีอาวุโสน้อยกว่าข้ามลำดับผู้อาวุโสสูงกว่า ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานดีเด่นจนได้รับรางวัล โดยไม่สามารถแสดงเหตุผลและแจกแจงรายละเอียดได้ ซึ่งไม่เป็นไปตามแนวทางการแต่งตั้งที่ ตร.ออกมาก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการแต่งตั้งระดับสารวัตรใหญ่ หรือ รองผกก.เลื่อนขึ้นเป็น ผกก.นั้น พบมีการร้องเรียนเข้ามาหลายกองบัญชาการทั้ง บช.ภ.2, 3, 4, 5, 6 และ 7 โดยพบว่าไม่มีการแต่งตั้งสารวัตรใหญ่ หัวหน้าสถานี ไปดำรงตำแหน่ง ผกก.ในสถานีตำรวจที่ยกฐานะ ตามที่แนวทางการแต่งตั้งของ ตร.กำหนด แต่กลับไปแต่งตั้ง รองผกก.ที่ผ่านการทำหน้าที่เพียงด้านเดียว เช่น จราจร, สืบสวนสอบสวน, ป้องกันและปราบปราม ซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าให้เลื่อนเป็น ผกก.ซึ่งยังพบว่ามีการแต่งตั้งระดับรองผกก.ที่มีคุณสมบัติครบหลักเกณฑ์ในปีแรก ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นโดยไม่ปรากฏผลงานดีเด่นเป็นรูปธรรม หรือดีกว่าบุคคลอื่นเช่นได้รับรางวัลดีเด่น
สำหรับการแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนในระดับเดียวกัน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า พบว่า มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามหน่วยระหว่าง บช.โดยผู้ถูกแต่งตั้งไม่สมัครใจและไม่ได้บกพร่อง หรือถูกลงโทษทางวินัย หรือสร้างความเสียหายต่อราชการ และมีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปี โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็นต่อราชการ ส่งผลให้กองบัญชาการที่รับตัวไว้ต้องรับภาระแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่ถูกย้ายมา ซึ่งมีในกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ร้องเรียนเข้ามา
“วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายในการร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการในวาระการแต่งตั้งประจำปี 2553 ที่ตามกฎหมายได้กำหนดกรอบเวลาไว้ภายใน 30 วันนับจากมีคำสั่ง ตนจึงนำเรื่องนี้เสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร.ให้พิจารณา โดย ก.ตร.เห็นชอบให้นำเรื่องนี้เข้าพิจารณาใน อนุกรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ ที่มีผมเป็นประธานเพื่อตรวจสอบต่อไป
ซึ่งผู้ที่ร้องเรียนบางคนยังได้ทำบันทึกขอแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายในความผิดตามมาตรา 157 ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ผมรับปากว่าทุกรายที่ร้องทุกข์เข้ามาและมีหลักฐาน ผมจะเดินหน้าดำเนินการตรวจสอบ เยียวยาและลงโทษผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งและเกี่ยวของกับการแต่งตั้งทุกราย” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว
Read more ...
“อชิรวิทย์” เผย ได้ยื่นหนังสือของข้าราชการตำรวจที่ร้องเรียนได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ-สารวัตร ไม่เป็นธรรมให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ชี้ มีตำรวจจากทุก บช.10 นายร้องทุกข์มาที่ตัวเองโดยตรง
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ตร.)
เปิดเผยว่า ในการประชุม ก.ตร.ในวันนี้ ตนได้ยื่นหนังสือการร้องขอความเป็นธรรมของข้าราชการตำรวจในการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ ในวาระการแต่งตั้งประจำปี 2553 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป และมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากตนได้รับร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก
ข้าราชการตำรวจจำนวนมากหลายราย โดยที่มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน จากแทบทุก บช. ประมาณ 10 นาย
โดยจำนวนนี้ได้ร้องทุกข์มายังตน และอนุ ก.ตร.ว่าด้วยการร้องทุกข์โดยตรง
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ในการแต่งตั้งระดับผู้กำกับการ เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการได้มีตำรวจจาก บช.ภ.3 ร้องเรียนว่า มีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผกก.ที่มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ในปีแรกได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ทั้งที่ไม่มีผลการปฏิบัติงานที่ดีเด่นเป็นรูปธรรม หรือไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่าดีกว่าบุคคลอื่น รวมทั้งยังมีการแต่งตั้งผู้กำกับการที่มีอาวุโสน้อยกว่าข้ามลำดับผู้อาวุโสสูงกว่า ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานดีเด่นจนได้รับรางวัล โดยไม่สามารถแสดงเหตุผลและแจกแจงรายละเอียดได้ ซึ่งไม่เป็นไปตามแนวทางการแต่งตั้งที่ ตร.ออกมาก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการแต่งตั้งระดับสารวัตรใหญ่ หรือ รองผกก.เลื่อนขึ้นเป็น ผกก.นั้น พบมีการร้องเรียนเข้ามาหลายกองบัญชาการทั้ง บช.ภ.2, 3, 4, 5, 6 และ 7 โดยพบว่าไม่มีการแต่งตั้งสารวัตรใหญ่ หัวหน้าสถานี ไปดำรงตำแหน่ง ผกก.ในสถานีตำรวจที่ยกฐานะ ตามที่แนวทางการแต่งตั้งของ ตร.กำหนด แต่กลับไปแต่งตั้ง รองผกก.ที่ผ่านการทำหน้าที่เพียงด้านเดียว เช่น จราจร, สืบสวนสอบสวน, ป้องกันและปราบปราม ซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าให้เลื่อนเป็น ผกก.ซึ่งยังพบว่ามีการแต่งตั้งระดับรองผกก.ที่มีคุณสมบัติครบหลักเกณฑ์ในปีแรก ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นโดยไม่ปรากฏผลงานดีเด่นเป็นรูปธรรม หรือดีกว่าบุคคลอื่นเช่นได้รับรางวัลดีเด่น
สำหรับการแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนในระดับเดียวกัน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า พบว่า มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามหน่วยระหว่าง บช.โดยผู้ถูกแต่งตั้งไม่สมัครใจและไม่ได้บกพร่อง หรือถูกลงโทษทางวินัย หรือสร้างความเสียหายต่อราชการ และมีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปี โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็นต่อราชการ ส่งผลให้กองบัญชาการที่รับตัวไว้ต้องรับภาระแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่ถูกย้ายมา ซึ่งมีในกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ร้องเรียนเข้ามา
“วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายในการร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการในวาระการแต่งตั้งประจำปี 2553 ที่ตามกฎหมายได้กำหนดกรอบเวลาไว้ภายใน 30 วันนับจากมีคำสั่ง ตนจึงนำเรื่องนี้เสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร.ให้พิจารณา โดย ก.ตร.เห็นชอบให้นำเรื่องนี้เข้าพิจารณาใน อนุกรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ ที่มีผมเป็นประธานเพื่อตรวจสอบต่อไป
ซึ่งผู้ที่ร้องเรียนบางคนยังได้ทำบันทึกขอแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายในความผิดตามมาตรา 157 ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ผมรับปากว่าทุกรายที่ร้องทุกข์เข้ามาและมีหลักฐาน ผมจะเดินหน้าดำเนินการตรวจสอบ เยียวยาและลงโทษผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งและเกี่ยวของกับการแต่งตั้งทุกราย” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว