“ปทีป” นั่งหัวโต๊ะ ถกสิทธิประโยชน์ตำรวจใต้ 10 ประการ เตรียมเชิญ ตัวแทนจาก บช.ศชต. ลงรายละเอียดและทำเป็นระเบียบ ต้นเดือนหน้า พร้อมเปิดใจครั้งแรกหลัง “จ่าเพียร” เสียชีวิต รับเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ ที่ผ่านมาทำตามขั้นตอนกระบวนการแต่งตั้ง ไม่ฟันธงอนุ ก.ตร.จะสามารถหาคนผิดได้ ป้องไม่เคยเห็นนักการเมืองแทรกแซงการแต่งตั้งสักครั้ง แต่หากอนุ ก.ตร.พบมีนักการเมืองแทรกแซงก็ให้ อนุ ก.ตร.จัดการ
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมเรื่องสิทธิประโยชน์ในภาพรวมของข้าราชการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า สิทธิประโยชน์ของตำรวจใน บช.ศชต. มีจำนวน 10ประการ โดยการประชุมวันนี้ได้มีการตีกรอบให้แล้วว่าอะไรควรให้ไม่ควรให้ ส่วนรายละเอียดเรื่องที่ว่าจะให้อย่างไรนั้น จะมีการประชุมย่อยกับตัวแทนของ บช.ศชต.อีกครั้งถึงรายละเอียดปลีกย่อยและมีการลงเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งออกเป็นกฎกติกาของ ตร.ได้ และจะมีการประชุมในต้นเดือนหน้า เช่นเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัย ซึ่งถ้าเป็นเม็ดเงินและ เทียบกับหน่วยอื่น ๆจะได้มากกว่า 15-19 เท่า ส่วนสิทธิอย่างอื่น เช่นสิทธิ์การสอบเป็นนายตำรวจก็มีแต้มต่อกว่าตำรวจคนอื่น
พล.ต.อ.ปทีปกล่าวต่อว่า ส่วนสิทธิที่จะทำ เช่น ระบบเรื่องการแต่งตั้งให้หมุนกันได้ โดยสามารถหมุนไปนอกหน่วยได้ โดยมี 2 นัยยะ คือ หมุนไปในตำแหน่งที่เท่าเดิมหรือไปเลือนตำแหน่งสูงขึ้น กรณีไปในตำแหน่งเท่าเดิม หรือ เลือนตำแหน่งสูงขึ้นก็ต้องมีตำแหน่งว่างในหน่วยนั้น หากหน่วยใดมีตำแหน่งว่างมากเราก็จะขอกันไว้ให้ ศชต.1 ตำแหน่ง ซึ่งเราจะพยายามดูในภาพรวมและให้หน่วยนั้นๆ มีสภาพคล่องได้พอสมควร ถ้าถามว่าจะต้องทำอย่างนี้ไหม ในแง่ของระเบียบกฎ ก.ตร.แล้ว เราบังคับไม่ได้ เป็นอำนาจของแต่ละ บช. แต่ถ้าเผื่อเป็นนโยบายและ ก.ตร.รับทราบแล้วเราก็บอกได้ว่านี่คือนโยบายแล้ว ขณะเดียวกัน ศชต.ย้ายออกนอกหน่วยได้หน่วยอื่นๆ ก็สามารถเข้ามายัง ศชต.ได้เช่นกัน แต่เงื่อนไขเดียวคือสมัครใจไปยัง 3 จังหวัดและไปเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น พร้อมเพิ่มอายุราชการทวีคูณ ซึ่งหลักการนี้ให้แต่จะให้อย่างไรนั้น คงต้องคุยกันในชุดย่อยอีกครั้ง รวมถึง ก.ตร.ด้วย
“เราตั้งคณะชุดย่อยขึ้นมาอีก โดยมีผู้แทนจาก ศชต. เป็นตัวแทนมาร่วมประชุมด้วย และนัดประชุมอีกครั้งในต้นเดือนหน้า เพื่อที่จะเป็นข้อตกลงเห็นชอบด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็จะออกเป็นกฎ กติกาเลย โดยส่วนหนึ่งให้ ก.ตร.รับทราบเพื่ออนุมัติ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นระเบียบของ ตร.” พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีการร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งหลังจาก พล.ต.อ.สมเพียร เสียชีวิต พล.ต.อ.ปทีปเปิดเผยเรื่องนี้เป็นครั้งแรกว่า เรื่องของ พล.ต.อ.สมเพียร ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ เรื่องการแต่งตั้งครั้งที่ผ่านมาและเรื่องการร้องทุกข์ ซึ่งอนุ ก.ตร.ร้องทุกข์ได้ดำเนินการอยู่ คงต้องรอผลการตรวจสอบไปวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นคงไม่ดี ส่วนเรื่องที่ พล.ต.อ.สมเพียรได้เดินทางมายื่นหนังสือการร้องทุกข์ ตนไม่ได้ทราบเรื่องตรงนี้ คงมาตามสายงานเมื่อเข้าสู่การร้องทุกข์ก็คือมาที่อนุฯ ร้องทุกข์ ส่วนก่อนแต่งตั้งก็เป็นอำนาจของแต่ละ บช.ก็ไปว่ากัน
เมื่อถามว่า การดำเนินการของอนุฯร้องทุกข์นั้น หากพบว่าทุกอย่างทำตามระเบียบ กฎ ก.ตร. แล้วอาจไม่มีผู้บกพร่อง พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องที่อนุฯร้องทุกข์พิจารณาไป เราไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูอีก ซักต่อว่าจะสามารถหาคนผิดได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า ตรงนี้ขอให้ อนุ ก.ตร.พิจารณาก่อน ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหนคงตอบไม่ได้
ถามว่า นอกจากการแต่งตั้งโยกย้ายแล้วสามารถให้ พล.ต.อ.สมเพียรมาช่วยราชการได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า การดึงมาช่วยราชการมันจะมีปัญหาพอสมควร อย่างตนเคยถูกร้องเรียนเรื่องนี้มาแล้ว
การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สมเพียร สามารถให้ พ.ร.บ.ตำรวจ ม.56 ได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตามระเบียบแล้ว ตนสามารถใช้ ม.56 ได้ในแงjของกระบวนการแต่งตั้งไม่ถูกต้อง แต่ไม่สามารถใช้ ม.56 เพื่อดึงอำนาจการแต่งตั้งมาที่ตนได้ ที่ผ่านมา ม. 56 มี 2 นัยยะ คือ ดึงอำนาจของ บช. มาให้ ตร. หรือตนเป็นผู้ทำการแต่งตั้ง และกรณีที 2 เห็นว่า ทางฝั่งไหนไม่ชอบธรรมก็จะใช้อำนาจนี้ไปแก้ ส่วน ม.56 ที่ตนใช้คือ ตั้งชุดของ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผช.ผบ.ตร. เป็นประธานคณะกรรมการดูกระบวนการแต่งตั้ง ว่า บช.ใด ไม่ถูกต้อง ถ้าเผื่อไม่ถูกต้อง ตนก็ใช้ ม.56ไปแก้ไข ส่วนการพิจารณาตัวคนมันไม่ใช่กระบวนการแต่งตั้ง
“ถ้าหากผมใช้มาตรา 56 มาทำบัญชีเอง ผมคงจะรู้เรื่อง พล.ต.อ.สมเพียร ยอมรับว่าเสียใจมากกัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะต้องเร่งรัดเรื่องสิทธิประโยชน์ให้จบก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการ” พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
เมื่อถามว่า กระบวนการแต่งตั้งจะสามารถตอบปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่มีคุณธรรมได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า จะตอบคำถามคุณธรรม จริยธรรมได้หรือไม่ ก็ให้เป็นเรื่องของ อนุฯร้องทุกข์ ที่กำลังพิจารณาอยู่ ส่วนที่มีช่าวออกมาการแต่งตั้งแต่ละครั้งมีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซงนั้น ยืนยันว่าการเมืองไม่ได้มาแทรกแซงที่ตน แต่ไปแทรกแซงตรงไหนนั้นตนไม่ทราบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะบอกกับสังคมอย่างไรกับกรณีการเสียชีวิต พล.ต.อ.สมเพียร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เราพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น จากนี้ก็ให้อนุฯร้องทุกข์พิจารณาในประเด็นที่สังคมติดใจ เราคงบังคับอะไรอนุฯร้องทุกข์ไม่ได้หากจะพบว่าไม่มีคนผิด หรือหากหากพบว่า มีการเมืองหรือนายตำรวจคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องให้อนุฯร้องทุกข์ดำเนินการต่อไป
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมเรื่องสิทธิประโยชน์ในภาพรวมของข้าราชการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า สิทธิประโยชน์ของตำรวจใน บช.ศชต. มีจำนวน 10ประการ โดยการประชุมวันนี้ได้มีการตีกรอบให้แล้วว่าอะไรควรให้ไม่ควรให้ ส่วนรายละเอียดเรื่องที่ว่าจะให้อย่างไรนั้น จะมีการประชุมย่อยกับตัวแทนของ บช.ศชต.อีกครั้งถึงรายละเอียดปลีกย่อยและมีการลงเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งออกเป็นกฎกติกาของ ตร.ได้ และจะมีการประชุมในต้นเดือนหน้า เช่นเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัย ซึ่งถ้าเป็นเม็ดเงินและ เทียบกับหน่วยอื่น ๆจะได้มากกว่า 15-19 เท่า ส่วนสิทธิอย่างอื่น เช่นสิทธิ์การสอบเป็นนายตำรวจก็มีแต้มต่อกว่าตำรวจคนอื่น
พล.ต.อ.ปทีปกล่าวต่อว่า ส่วนสิทธิที่จะทำ เช่น ระบบเรื่องการแต่งตั้งให้หมุนกันได้ โดยสามารถหมุนไปนอกหน่วยได้ โดยมี 2 นัยยะ คือ หมุนไปในตำแหน่งที่เท่าเดิมหรือไปเลือนตำแหน่งสูงขึ้น กรณีไปในตำแหน่งเท่าเดิม หรือ เลือนตำแหน่งสูงขึ้นก็ต้องมีตำแหน่งว่างในหน่วยนั้น หากหน่วยใดมีตำแหน่งว่างมากเราก็จะขอกันไว้ให้ ศชต.1 ตำแหน่ง ซึ่งเราจะพยายามดูในภาพรวมและให้หน่วยนั้นๆ มีสภาพคล่องได้พอสมควร ถ้าถามว่าจะต้องทำอย่างนี้ไหม ในแง่ของระเบียบกฎ ก.ตร.แล้ว เราบังคับไม่ได้ เป็นอำนาจของแต่ละ บช. แต่ถ้าเผื่อเป็นนโยบายและ ก.ตร.รับทราบแล้วเราก็บอกได้ว่านี่คือนโยบายแล้ว ขณะเดียวกัน ศชต.ย้ายออกนอกหน่วยได้หน่วยอื่นๆ ก็สามารถเข้ามายัง ศชต.ได้เช่นกัน แต่เงื่อนไขเดียวคือสมัครใจไปยัง 3 จังหวัดและไปเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น พร้อมเพิ่มอายุราชการทวีคูณ ซึ่งหลักการนี้ให้แต่จะให้อย่างไรนั้น คงต้องคุยกันในชุดย่อยอีกครั้ง รวมถึง ก.ตร.ด้วย
“เราตั้งคณะชุดย่อยขึ้นมาอีก โดยมีผู้แทนจาก ศชต. เป็นตัวแทนมาร่วมประชุมด้วย และนัดประชุมอีกครั้งในต้นเดือนหน้า เพื่อที่จะเป็นข้อตกลงเห็นชอบด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็จะออกเป็นกฎ กติกาเลย โดยส่วนหนึ่งให้ ก.ตร.รับทราบเพื่ออนุมัติ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นระเบียบของ ตร.” พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีการร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งหลังจาก พล.ต.อ.สมเพียร เสียชีวิต พล.ต.อ.ปทีปเปิดเผยเรื่องนี้เป็นครั้งแรกว่า เรื่องของ พล.ต.อ.สมเพียร ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ เรื่องการแต่งตั้งครั้งที่ผ่านมาและเรื่องการร้องทุกข์ ซึ่งอนุ ก.ตร.ร้องทุกข์ได้ดำเนินการอยู่ คงต้องรอผลการตรวจสอบไปวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นคงไม่ดี ส่วนเรื่องที่ พล.ต.อ.สมเพียรได้เดินทางมายื่นหนังสือการร้องทุกข์ ตนไม่ได้ทราบเรื่องตรงนี้ คงมาตามสายงานเมื่อเข้าสู่การร้องทุกข์ก็คือมาที่อนุฯ ร้องทุกข์ ส่วนก่อนแต่งตั้งก็เป็นอำนาจของแต่ละ บช.ก็ไปว่ากัน
เมื่อถามว่า การดำเนินการของอนุฯร้องทุกข์นั้น หากพบว่าทุกอย่างทำตามระเบียบ กฎ ก.ตร. แล้วอาจไม่มีผู้บกพร่อง พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องที่อนุฯร้องทุกข์พิจารณาไป เราไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูอีก ซักต่อว่าจะสามารถหาคนผิดได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า ตรงนี้ขอให้ อนุ ก.ตร.พิจารณาก่อน ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหนคงตอบไม่ได้
ถามว่า นอกจากการแต่งตั้งโยกย้ายแล้วสามารถให้ พล.ต.อ.สมเพียรมาช่วยราชการได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า การดึงมาช่วยราชการมันจะมีปัญหาพอสมควร อย่างตนเคยถูกร้องเรียนเรื่องนี้มาแล้ว
การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สมเพียร สามารถให้ พ.ร.บ.ตำรวจ ม.56 ได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตามระเบียบแล้ว ตนสามารถใช้ ม.56 ได้ในแงjของกระบวนการแต่งตั้งไม่ถูกต้อง แต่ไม่สามารถใช้ ม.56 เพื่อดึงอำนาจการแต่งตั้งมาที่ตนได้ ที่ผ่านมา ม. 56 มี 2 นัยยะ คือ ดึงอำนาจของ บช. มาให้ ตร. หรือตนเป็นผู้ทำการแต่งตั้ง และกรณีที 2 เห็นว่า ทางฝั่งไหนไม่ชอบธรรมก็จะใช้อำนาจนี้ไปแก้ ส่วน ม.56 ที่ตนใช้คือ ตั้งชุดของ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผช.ผบ.ตร. เป็นประธานคณะกรรมการดูกระบวนการแต่งตั้ง ว่า บช.ใด ไม่ถูกต้อง ถ้าเผื่อไม่ถูกต้อง ตนก็ใช้ ม.56ไปแก้ไข ส่วนการพิจารณาตัวคนมันไม่ใช่กระบวนการแต่งตั้ง
“ถ้าหากผมใช้มาตรา 56 มาทำบัญชีเอง ผมคงจะรู้เรื่อง พล.ต.อ.สมเพียร ยอมรับว่าเสียใจมากกัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะต้องเร่งรัดเรื่องสิทธิประโยชน์ให้จบก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการ” พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
เมื่อถามว่า กระบวนการแต่งตั้งจะสามารถตอบปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่มีคุณธรรมได้หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า จะตอบคำถามคุณธรรม จริยธรรมได้หรือไม่ ก็ให้เป็นเรื่องของ อนุฯร้องทุกข์ ที่กำลังพิจารณาอยู่ ส่วนที่มีช่าวออกมาการแต่งตั้งแต่ละครั้งมีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซงนั้น ยืนยันว่าการเมืองไม่ได้มาแทรกแซงที่ตน แต่ไปแทรกแซงตรงไหนนั้นตนไม่ทราบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะบอกกับสังคมอย่างไรกับกรณีการเสียชีวิต พล.ต.อ.สมเพียร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เราพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น จากนี้ก็ให้อนุฯร้องทุกข์พิจารณาในประเด็นที่สังคมติดใจ เราคงบังคับอะไรอนุฯร้องทุกข์ไม่ได้หากจะพบว่าไม่มีคนผิด หรือหากหากพบว่า มีการเมืองหรือนายตำรวจคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องให้อนุฯร้องทุกข์ดำเนินการต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น