โดยผู้จัดการ เมื่อ 23 ต.ค.2555
ห้วงเวลาแห่งการลุ้นระทึก!ในแวดวง “สีกากี” ที่ต่างเฝ้ารอการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับ รองผู้บัญชาการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร (สว.) ยศ “พ.ต.อ.-พ.ต.ต.” ทั่วประเทศประจำปี 2555 กำลังแปรเปลี่ยนสภาพจากอาการ “ลุ้น” กลายเป็นอาการ “อึมครึม”
และกำลังส่งผลกระทบต่อการปฎิบัติหน้าที่ ตำรวจในทางอ้อม เนื่องจากตำรวจส่วนใหญ่ล้วนใจจดใจจ่อกับการ วิ่งเต้น โยกย้าย การทำงานเพื่อประชาชนต่างๆ จึงต้องลดด้อยประสิทธิภาพไปตามลำดับ
ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนดระยะการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบก.-สว.ทั่วประเทศ ประจำปี 2555 ครั้งนี้ ไว้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 และให้คำสั่งมีผลพร้อมกันวันที่ 1 ธันวาคม 2555
หลัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เข้ารับตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หรือ ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นมา คาดกันว่า พล.ต.อ.อดุลย์น่าจะเซ็นคำสั่งถึง ผบช.หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ให้ดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับรอง ผบก. ถึง สว. ประจำปี 2555 ไม่เกินวันที่ 15 ตุลาคม 2555
เนื่องจากช่วงที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. อยู่นั้น ได้ยืนยันหนักแน่นจะไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งที่เปิดใหม่ รวมทั้งการแต่งตั้งระดับรองผบก.ถึง สว. และยกรวมให้เป็นอำนาจของ พล.ต.อ.อดุลย์เมื่อเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วย เพื่อจะได้แต่งตั้งบุคลากรให้เป็นไปในทิศทางที่จะบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้วเกือบจะครบ 1 เดือนเต็มๆ ในอีกไม่ถึง 10 วันข้างหน้า ความคืบหน้าการแต่งตั้งตำรวจระดับ นายพัน ก็ยังไร้วี่แวว ไม่มีคำสั่งจาก พล.ต.อ.อดุลย์ ให้แต่ละกองบัญชาการและหน่วยงานขึ้นตรง สง.ผบ.ตร.ดำเนินการแต่งตั้ง
ทั้งๆ ที่ตลอดวันศุกร์ 12 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา เคยมีข่าว พล.ต.อ.อดุลย์จะเซ็นหนังสือสั่งทำบัญชี สุดท้ายก็เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีอะไรในก่อไผ่ รวมทั้งไม่มีอะไรเคลื่อนไหวให้เหล่าชาวสีกากีที่กำลังรอลุ้นได้ใจชื้น และรู้ทิศรู้ทางการแต่งตั้งเพื่อกำหนดอนาคตตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หากยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ สว.ถึง จตช. และรอง ผบ.ตร. พ.ศ. 2549 กฎ ก.ตร.ว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาข้าราชการตำรวจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
ในการแต่งตั้งจะมีการยึดหลักพิจารณา ประกอบด้วย การแต่งตั้งตามที่ อ.ก.ตร.ร้องทุกข์ มีมติให้เยียวยาหรือแก้ไขให้กับผู้ร้องทุกข์ทุกราย ตำรวจที่ได้รับรางวัลชนะเลิศตามโครงการพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชนประจำปี แต่ละกลุ่ม หากเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนให้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ส่วนผู้ที่ยังมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนให้แต่งตั้งหมุนเวียนไปดำรงตำแหน่งในสถานีตำรวจที่มีคุณภาพสูงขึ้น
พนักงานสอบสวน (สบ 3) หรือ (สบ 2) ที่ได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนดีเด่นประจำปี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาเลื่อนระดับชั้นของตำแหน่งเป็น รอง ผกก.สส. หรือ สว.ในสถานีตำรวจที่มีปริมาณงานและคุณภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ให้ยึดมติ ก.ตร.เรื่องการแต่งตั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นตามหลักอาวุโส 33%
ว่ากันว่า เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้ยังคลุมเครือ เป็นเพราะการเมืองเข้ามากินรวบตำแหน่งมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ปริมาณ ตั๋ว มีมากกว่า เก้าอี้ โดยเฉพาะกองบัญชาการระดับเกรดเอ อย่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีขอบเขตความรับผิดชอบเมืองหลวง
มีเสียงลือสะพัดกันถึงขนาดว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ไม่มีสิทธิ์เลือกผู้กำกับ (ผกก.) ในการแต่งตั้งครั้งนี้ เพราะมีชื่อถูกส่งลงมาจนล้นเก้าอี้
และข่าวลือดูจะสอดรับกับข้อมูลที่ปรากฏออกมาว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังเร่งผลักดันโครงการยกระดับโรงพักในกองบัญชาการตำรวจนครบาล 4 สถานีตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นโรงพักที่มีขอบเขตพื้นที่ติดกับทางน้ำ
ประกอบด้วย สน.บางโพ สน.บวรมงคล สน.ปากคลองสาน และสน.บางคอแหลม มีระดับ สารวัตรใหญ่ หรือ สวญ. เทียบเท่า รองผกก.เป็นหัวหน้าสถานี ให้เปลี่ยนเป็นมีระดับ ผกก. เป็นหัวหน้าสถานี
เรื่องดังกล่าวตอนนี้ผ่านขั้นตอนความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามเสนอประกาศเป็นกฎกระทรวง ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนความ
“นครบาล” สามารถแต่งตั้งระดับ “ผกก.” เพิ่มได้อีก 4 เก้าอี้!!!
เช่นเดียวกับโครงการจัดตั้งโรงพักใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งก็ผ่านการอนุมัติ จาก ก.ต.ช.และก.ตร. รอประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ การแบ่งพื้นที่ สภ.พัทยา จ.ชลบุรี สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มาตั้งโรงพักใหม่อีกแห่ง และแบ่งพื้นที่ สภ.ภูเก็ต จ.ภูเก็ต สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มาตั้งโรงพักใหม่อีกแห่ง ทำให้จะมีตำแหน่ง
ผกก. รอง ผกก. สว. เพิ่มอีกจำนวนหนึ่งใน 2 กองบัญชาการ!!!
ฉะนั้นเชื่อว่าหากการเพิ่มตำแหน่ง เพิ่มเก้าอี้ เสร็จสิ้นเรียบร้อย "ตั๋ว"ต่างๆ สามารถลงหลุมได้ครบถ้วน เฉลี่ยตำแหน่งให้เด็กนักการเมืองได้ลงตัวเป็นที่พอใจแล้ว
พล.ต.อ.อดุลย์น่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวให้จรดปากกาสั่งทำบัญชีแต่งตั้งโผ “นายพัน” เสียที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น